ร้องลูกหนี้ฉีดน้ำใส่แม่ป่วยติดเตียง ขณะไปนัดเคลียร์หนี้

นนทบุรี 10 มี.ค. – สาวร้องถูกลูกหนี้ฉีดน้ำใส่แม่ป่วยติดเตียง ขณะไปเจรจานัดวันเคลียร์หนี้ ด้านเพื่อนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ลูกหนี้รายนี้ มักสร้างปัญหาความเดือดร้อน ล่าสุดทั้ง 2 ฝ่ายเคลียร์กันได้เฉพาะเรื่องเงิน ส่วนเรื่องอื่นยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด


น.ส.ขนม อายุ 41 ปี แม่ค้าขายออนไลน์ นำคลิปไปร้องนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ สส.โป้ง สส.พรรคก้าวไกล เขต 7 จ.นนทบุรี เพื่อให้ช่วยเหลือ หลังถูกลูกหนี้ นางโจ (นามสมมุติ) เจ้าของร้านเสริมสวยในหมู่บ้านเดียวกัน ด่าทอ และใช้น้ำฉีดน้ำใส่หน้าตนเองและแม่ได้รับบาดเจ็บ มีรอยแดงที่ใบหน้า ซึ่งน้ำดังกล่าวมีกลิ่น ไม่แน่ใจว่ามีสารอันตรายหรืออะไรผสมหรือไม่ เหตุเกิดวันที่ 8 มี.ค.ขณะไปเจรจานัดวันเคลียร์หนี้

น.ส.ขนม เล่าว่า รู้จักกับคู่กรณี ตั้งแต่ปลายปี 2565 คู่กรณีได้ขอยิมเงินของตน โดยบอกจะนำไปปล่อยกู้ให้ เพื่อให้ตนมีรายได้ ช่วงแรกคู่กรณีโอนดอกเบี้ยให้ 5,000 บาท หลังจากนั้นก็มีการยืมเงินเรื่อยๆ ทั้งหลักหมื่นหลักพัน แต่ก้อนหลักหมื่นไม่ได้ให้ดอกเบี้ย ให้เฉพาะก้อนหลักพัน โดยมีการคืนเงินเป็นระยะๆ และยืมก้อนใหม่ไปพร้อมๆ กัน วนเวียนไปเรื่อยๆ จนยอดคงเหลืออยู่ประมาณ 70,000 บาท ช่วงหลังตนเองได้รับการเตือนจากคนในหมู่บ้านว่าให้รีบทวงเงินคืน จากนั้นตนจึงทวงเงินคืนและทำสัญญากู้ยืมเงินเอาไว้ คู่กรณีรับปากจะคืนเงิน วันที่ 29 ธ.ค. 66 ตามสัญญา แต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน คู่กรณีเกิดอุบัติเหตุรถล้ม จึงขอทยอยใช้เงินคืนตนอาทิตย์ละ 1,000 บาท ช่วงหลังตนมีภาระค่าใช้จ่ายเยอะจึงต้องการเงินคืนทั้งหมด แต่คู่กรณีไม่ให้ เมื่อทวงถามก็เกิดการโต้เถียง อ้างว่าตนเองไปด่าลับหลัง ตนเองจึงไปร้องศูนย์ดำรงธรรม แต่คู่กรณีก็ปฏิเสธที่จะไปเจรจา


กระทั่ง 8 มี.ค. ที่ผ่านมาตนได้ไปที่บ้านคู่กรณี เพื่อนัดหมายไปตกลงกัน ตามคำแนะนำของศูนย์ดำรงธรรม ไม่ได้เข้าไปทวงเงิน โดยตนเองพาแม่ไปด้วย แต่คู่กรณีกลับฉีดน้ำไล่ โดนตาแม่ของตน และไม่รู้ว่าใช้น้ำอะไรฉีดเนื่องจากมีกลิ่นแปลกๆ ตนจึงพาแม่ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดวงตาว่าเป็นอันตรายหรือไม่ ตอนนี้ตนเสียใจอยากจะย้ายไปอยู่ที่อื่น

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเพื่อนบ้าน หลายรายบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า นางโจ มักจะมีปัญหากับเพื่อนบ้านเป็นประจำ บางคนเคยถูกโพสต์ด่าในเฟซบุ๊ก แจ้งความตั้งแต่ตุลาคม 2566 แต่คดีความไม่คืบหน้า บางรายบ้านอยู่ติดกับนางโจ ก็ถูกแจ้งตำรวจว่าค้ายาบ้า จนถูกตรวจค้นบ้าน แต่ไม่พบยาเสพติด แต่ก็ยังไม่จบ นางโจยังคอยกลั่นแหล้งตลอด 7 ปี ทำให้ได้รับความเดือดร้อน ขายของไม่ได้

ทางด้าน นางโจ คู่กรณี ได้เปิดวงจรปิดในบ้านให้ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่ง น.ส.ขนม มากับแม่แล้วเปิดประตูร้านเสียงดัง ทำเสียงแข็งบอกว่าให้ไปคุยกับแม่ของเขาเรื่องนัดไกล่เกลี่ยที่ศูนย์ดำรงธรรม มาโวยวายหน้าบ้านทำให้พี่สาวของตนไม่พอใจ ไล่ให้กลับแต่ก็ไม่ยอม พี่สาวตนจึงฉีดน้ำใส่ 2 ครั้ง เป็นน้ำเปล่า ไม่ได้มีสารเคมีเจือปน และเล่าวว่า น.ส.ขนม ได้บอกกับตนให้ช่วยเอาเงินไปปล่อยเงินกู้ให้ เพราะอยากมีรายได้ โดยมีเงิน 30,000 บาท ตนรับปากจะปล่อยให้ แต่ต้องเอามาอีก 20,000 บาท รวมเป็น 50,000 บาท โดยตกลงกันว่าจะจ่ายรายเดือน แต่ลูกค้าของตนจ่ายเป็นรายวัน น.ส.ขนม จึงโวยวาย ไม่พอใจ ทั้งที่ตนส่งดอกให้ตลอด มีช่วงโควิดที่ขาดส่งบ้าง ทาง น.ส.ขนม ไปบอกคนอื่นว่าให้ตนกู้เงินโดยไม่คิดดอก แต่จริงๆ แล้วคิดดอกตลอด เคยกู้มา 3,000 บาท แค่วันเดียวตนจ่ายคืน 3,300 บาท ตนหาลูกค้ามาให้ เพราะตนเห็นใจแม่เขาที่ป่วย พอตนรู้ว่า น.ส.ขนม เอาตนไปนินทากับคนอื่นโดยเฉพาะลูกค้าร้านเสริมสวยของตน และมีการส่งคลิปเสียงของตนให้คนอื่นๆ ตนจึงไม่ส่งเงินให้ แล้วบอกให้ไปฟ้องศาลเอาเอง รวมเงินที่กู้มาทั้งหมด 70,000 บาท ตอนนี้เหลืออยู่ 63,000 บาท


ล่าสุดวันนี้ ทั้ง 2 ฝ่าย สามารถเคลียร์กันลงตัวแล้ว โดยนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ สส.โป้ง สส.พรรคก้าวไกล เขต 7 จ.นนทบุรี ได้นัดทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยเจรจาต่อหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งหลังจากเจรจาผ่านไป 1 ชั่วโมง ได้ข้อสรุปว่า นางโจจะชดใช้หนี้สินที่ติดค้างอยู่ 63,000 บาท โดยผ่อนชำระสัปดาห์ละ 1,000 บาท จนกว่าจะหมดหนี้สิน เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม

น.ส.ขนม (เจ้าหนี้) บอกว่า วันนี้ตกลงกันเฉพาะเรื่องเงินที่ยังค้างอยู่ คือ 63,000 บาท ซึ่งวันนี้จะมีการทำบันทึกข้อตกลงกับทางร้อยเวรที่ สภ.ไทรน้อย ส่วนเรื่องอื่นๆ เช่น การฉีดน้ำใส่แม่ของตน ยังต้องรอผลตรวจจากแพทย์ก่อน และพนักงานสอบสวนนัดสอบปากคำพรุ่งนี้ (11 มี.ค.) ยืนยันไม่เคยพูดถึงคู่กรณีกับบุคคลที่ 3 คิดว่าอาจจะเป็นจากการพูดและข้อความที่ส่งมาไม่ตรงกันตนจึงส่งไปถามคนอื่น อันนี้ยอมรับ ส่วนทางคู่กรณีจะเอาผิดตน ตนก็แล้วแต่ทางคู่กรณี วันนี้คงเคลียร์ได้แค่เรื่องเงิน

ด้านนางโจ บอกว่า เรื่องเงินตนเองยอมผ่อนจ่ายสัปดาห์ละ 1,000 บาท จนครบยอด ในส่วนเรื่องอื่นๆ ยังไม่ได้มีการพูดคุย ส่วนเรื่องการนำตนไปพูดให้เสียหาย หรือการอัดคลิปเสียงตนและส่งไปให้บุคคลอื่นนั้น จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะตนก็ได้รับความเสียหายและอับอาย ส่วนกรณีที่พี่สาวฉีดน้ำใส่นั้น ตนเองยอมขอโทษยาย แต่จริงๆ แล้วพี่สาวไม่ได้ตั้งใจฉีดใส่ยาย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]