กรุงเทพฯ 12 เม.ย. – คพ. เตรียมทีมตอบโต้เหตุฉุกเฉิน เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านมลพิษในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เตือนโรงงานและผู้ประกอบการระมัดระวังอุบัติภัยสารเคมี แจ้งเฝ้าระวังพิเศษเหตุการณ์รั่วไหลของก๊าซแอมโมเนียจากโรงงานผลิตน้ำแข็งช่วงหน้าร้อนและวันหยุดยาว
นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า คพ. จัดเตรียมทีมตอบโต้เหตุฉุกเฉินของศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม (ศปก.พล.) พร้อมเครื่องมือ อุปกรณ์การตรวจวิเคราะห์มลพิษในภาคสนาม และห้องปฏิบัติการสิ่งแวดล้อม ณ ที่ตั้ง กรมควบคุมมลพิษ (ส่วนกลาง) ศูนย์ควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง และสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1-16 ร่วมปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมและให้คำแนะนำทางวิชาการในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์
ทั้งนี้พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความห่วงใยการเกิดอุบติภัยสารเคมีที่อาจเกิดขึ้นในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ โดยหน่วยงานต่างๆ หรือประชาชนผู้พบเหตุสามารถแจ้งเหตุฉุกเฉินผ่านทางสายด่วนมลพิษ 1650 และเบอร์โทรศัพท์ประสานเหตุฉุกเฉิน หมายเลข 09 – 8253 – 2026
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน สถานประกอบการต่างๆ จะหยุดทำการหรือลดการผลิตเพื่อให้พนักงานกลับภูมิลำเนา ประกอบกับเป็นช่วงฤดูร้อนมักเกิดอุบัติภัยสารเคมีเกิดขึ้นบ่อยครั้ง อาทิ สารเคมีหกรั่วไหลจากโรงงานที่ใช้แอมโมเนียเป็นสารทำความเย็น การเกิดไฟไหม้โรงงานหรือคลังจัดเก็บสารเคมี ไฟไหม้สถานที่กำจัดขยะมูลฝอย รถบรรทุกสารเคมีและวัตถุอันตรายพลิกคว่ำ การระบายน้ำทิ้งจากแหล่งกำเนิดมลพิษต่างๆ การลักลอบทิ้งกากของเสียอันตรายในพื้นที่สาธารณะ ได้แก่ บ่อดิน เหมืองร้าง พื้นที่ข้างถนนหรือจุดพักรถ แหล่งน้ำสาธารณะ และพื้นที่ลับตาคน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อม
อุบัติภัยที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ จะพบการรั่วไหลของก๊าซแอมโมเนียจากโรงงานผลิตน้ำแข็งและห้องเย็นอยู่บ่อยครั้งในช่วงฤดูร้อนที่มีความต้องการบริโภคน้ำแข็งมากกว่าช่วงเวลาอื่น จึงอยากแจ้งเตือนผู้ประกอบการ หากเร่งกำลังการผลิตมากขึ้น จะทำให้ระบบทำความเย็นทำงานหนัก เพิ่มความเสี่ยงในการรั่วไหลของก๊าซแอมโมเนีย หรืออาจเกิดจากความบกพร่องของอุปกรณ์ ก๊าซแอมโมเนีย จะมีความเป็นพิษต่อระบบการหายใจทั้งผู้ปฏิบัติงานและประชาชนใกล้เคียง ขอความร่วมมือส่วนราชการ เครือข่ายหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัย และสถานประกอบการต่างๆ จัดเตรียมบุคลากร ในการดูแลพื้นที่ เข้มงวดด้านความปลอดภัย และระมัดระวังในการขนส่งสารเคมีและวัตถุอันตราย การจัดเก็บสารเคมีและวัตถุอันตรายให้ถูกหลักวิชาการ ดูแลระบบเตือนภัยและการดับเพลิงให้ใช้งานเป็นปกติเพื่อป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้น.- 512 – สำนักข่าวไทย