ตร.เร่งล่าคนร้ายยิงถล่มงานแต่ง ย่านสุทธิสาร ตาย 1 บาดเจ็บ 4

กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – ตำรวจเร่งล่าคนร้ายยิงถล่มกลางงานแต่งย่านสุทธิสาร ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 4 คน ล่าสุดมีการเปิดเผยคลิปก่อนและหลังยิงในงานแต่ง พ่อของเจ้าสาวระบุเจ้าบ่าวเชิญเพื่อนมาสังสรรค์


จากกรณีคนร้ายยุกยิงถล่มกลางงานแต่งงานที่บ้านหลังหนึ่งในซอยสุทธิพงศ์ 1/1 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย เขตดินแดง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 4 คน เหตุเกิดเมื่อวานนี้ (14 ส.ค.)

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่ามีพยานหลายคนเห็นเหตุการณ์ ขณะร่วมงานเลี้ยงงานแต่งงาน โดยมีพยานที่ร่วมงานคนหนึ่งเล่าว่าก่อนเกิดเหตุมีกลุ่มคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ 3 คัน มาวนเวียนก่อนจะก่อเหตุ และจอดบริเวณหน้าอู่ซ่อมรถ และมี 1 คนในนั้นลงจากรถควักอาวุธปืนยิงเข้ามายังภายในงานที่ทางฝั่งเจ้าบ่าวนั่งกินกับเพื่อน โดยที่ไม่มีการพูดจากัน จากนั้นไม่นานได้ยินเสียงปืนดัง ไม่คิดว่าจะมีการยิงกันเกิดขึ้นในบ้านงานแต่งงาน คาดว่าต้องมีเรื่องกันมาก่อนหน้านี้ แล้วตามมายิงในงาน


ภายในงานเพื่อนกลุ่มเจ้าบ่าวมาเยอะมาก เชื่อว่าคนภายในต้องรู้กัน มีการชี้เป้าไว้แล้ว เพราะเมื่อลงจากรถพุ่งเป้ายิงไปทางกลุ่มผู้บาดเจ็บทันที ซึ่งก่อนเกิดเหตุมีวัยรุ่นคนหนึ่งเดินเข้ามาขอชาร์จแบตมือถือ แล้วพูดว่า “พวกพี่ไม่เกี่ยวนะ” จากนั้นไม่นานมีคนเข้ามากราดยิงตรงกลุ่มผู้บาดเจ็บ คาดว่าเพื่อนเจ้าบ่าวต้องรู้จักกลุ่มที่ขับรถมาวนดูก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน อีกทั้งเมื่อวันเสาร์ที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อนเจ้าบ่าวมานั่งกินอยู่ที่นี่ก่อนแล้วครั้งหนึ่ง และมีการพูดคุยถึงเรื่องเขม่นกับคู่อริ

นอกจากนี้ยังมีพยานที่อยู่ในบ้านงานระบุว่า ตอนเกิดเหตุต่างตกใจวิ่งหนีเอาตัวรอดกันจ้าละหวั่น และยังตั้งข้อสังเกตว่าก่อนจะเกิดเหตุนั้นมีกลุ่มเพื่อนของเจ้าบ่าวไปจอดรถเหมือนคอยเฝ้าสังเกตภายในซอยก่อนจะถึงบ้านที่เกิดเหตุ เหมือนรู้ว่าอาจมีผู้ไม่หวังดีมาก่อเหตุปั่นป่วนในงานแต่งงานครั้งนี้ กระทั่งหลังจากจัดงานแต่งงานเสร็จยังมีการกินเลี้ยงกันอยู่ถึงช่วงเย็น ปรากฏว่ามีรถจักรยานยนต์ 2 คัน ขี่ตามกันมาจอดบริเวณหน้าประตูทางเข้าที่จุดเกิดเหตุ จากนั้นคนร้ายประมาณ 2 คน ลงมาก่อเหตุแล้วหลบหนีไป ใช้เวลาก่อเหตุไม่ถึง 1 นาที

ทั้งนี้ มีรายงานว่ากลุ่มผู้บาดเจ็บเป็นเพื่อนฝ่ายเจ้าบ่าวที่มาร่วมงานกินเลี้ยงฉลองแต่งงาน ซึ่งเป็นนักศึกษาและอดีตนักศึกษาสถาบันอาชีวะชื่อดัง


ด้านพลตำรวจตรีโชคชัย งามวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า จากการสอบถามเจ้าบ่าว ยืนยันว่าไม่มีเหตุโกรธเคืองกับใคร ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนว่ามีความเกี่ยวข้องกับผู้มาร่วมงานหรือไม่ ส่วนเรื่องความขัดแย้งระหว่างสถาบันนั้น ยังไม่ได้ตัดประเด็นนี้ เพราะเจ้าบ่าวจบการศึกษามานาน 2 ปี แล้ว โดยการยิงเป็นลักษณะยิงสาด ไม่ได้ยิงเฉพาะเจาะจงใคร ขอเวลาในการสืบสวนติดตามและไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางของคนร้าย เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี

เปิดคลิปวงจรปิดก่อนและหลังยิงกลางงานแต่ง
คลิปจากกล้องวงจรปิดก่อนและหลังเกิดเหตุ ภาพชุดแรกเป็นกล้องวงจรปิดช่วงก่อนเกิดเหตุ ระบุเวลาประมาณ 16.31 น. ของวันเกิดเหตุ กล้องจับภาพคนร้าย 4 คน ขี่รถจักรยายนต์ 2 คัน คันแรกคนขับสวมแจ็กเก็ตสีเขียว ส่วนคนซ้อนสวมเสื้อแขนยาวสีดำ ทับด้วยกั๊กสีเขียวสะท้อนแสง ขี่จักรยานยนต์สีดำ ส่วนคันที่ 2 ทั้งคนขับและคนซ้อนสวมเสื้อคลุมแจ็กเก็ตสีครีม หมวกกันน็อกสีขาวและสีดำ ขับผ่านที่เกิดเหตุเข้ามาในซอย ลักษณะคล้ายมาดูลาดเลา

ส่วนเหตุการณ์ที่ 2 กล้องในจุดเดิมระบุเวลา 16.47 น. ของวันเกิดเหตุ เป็นช่วงที่คาดว่าคนร้ายจะลงมือยิง โดยคนร้ายคันแรกที่สวมเสื้อแจ็กเก็ตเขียวขับเข้ามาจอดรอคนร้ายอีกคัน จากนั้นมีการพูดคุยกันสักครู่ ก่อนที่คนร้ายคันที่สวมแจ็กเก็ตเขียวจะวกรถกลับไปที่จุดเกิดเหตุเพื่อยิงกลุ่มผู้บาดเจ็บ โดยคนร้ายคันที่สวมแจ็คเก็ตสีครีมจอดรออยู่สักประมาณ 3-4 วินาที คนร้ายที่จอดรอก็ขับรถตามมือยิงออกไป

ส่วนเหตุการณ์ที่ 3 เป็นช่วงหลังเกิดเหตุ คนร้ายขับรถออกไปจากซอยที่เกิดเหตุ เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุทธิพงษ์ 1 ก่อนจะไปเลี้ยวซ้ายอีกทีที่ซอยสุทธิพงษ์ 1/7 เพื่อออกไปบยังถนนรัชดา บริเวณร้านบุญถาวร ภาพจากกล้องนี้จะอยู่บริเวณถนนรัชดา สามารถจับภาพคนร้ายที่ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ สวมแจ็กเก็ตสีเขียว

พ่อเจ้าสาวเผยเจ้าบ่าวเชิญเพื่อนมาสังสรรค์
ด้านพ่อฝั่งเจ้าสาว เผยกับทีมข่าวว่าในวันเสาร์ (13 ส.ค.) ก่อนงานแต่ง ทางฝั่งเจ้าบ่าวมีการชวนกลุ่มเพื่อนมากินสังสรรค์ทั้งรุ่นพี่-รุ่นน้อง และศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัย มากันประมาณ 50 คน นั่งดื่มกินกันตามปกติ กระทั่งวันจัดงานแต่ง (14 ส.ค.) เจ้าบ่าวชวนเพื่อนมาอีกประมาณ 50 คน รวมเป็นประมาณ 100 คน นั่งกินกันอยู่ที่ห้องเก็บของฝั่งตรงข้ามออฟฟิศของตนตั้งแต่เช้า จนเกิดเหตุยิงกระหน่ำขึ้น

เชื่อว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ปมเหตุไม่ได้เกิดขึ้นจากทางเจ้าบ่าว เพราะเรียนจบมาแล้ว 2 ปี และเป็นการกราดยิง คาดเกิดจากความขัดแย้งของพวกรุ่นน้องที่มาร่วมงานที่ยังเรียนอยู่ที่สถาบันดังกล่าว อาจเคยไปทะเลาะวิวาทกับต่างสถาบัน จนเป็นเหตุให้คู่อริต่างสถาบันกลับมาล้างแค้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่า สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจ สอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย

GBC หารือใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืนถกถึงเที่ยงคืน

มาเลเซีย 6 ส.ค.-GBC ประชุมใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืน ฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ การหารือภายใต้กรอบ GBC ณ เวลา 07.45 น. วันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อคืน คณะเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่าย ได้เจรจากันถึงเวลา 00.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ จึงได้นัดประชุมอีกครั้ง เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสำหรับประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับคณะเลขานุการ GBC ของฝ่ายไทยติดตามความคืบหน้าในการเจรจา ให้กำลังใจ และชื่นชมในการทำงานอย่างหนักถึงวินาทีสุดท้ายของทีมไทยแลนด์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจรจา เพื่อบรรลุผลและปกป้องผลประโยชน์ของไทย.-สำนักข่าวไทย