ตร.เร่งล่าคนร้ายยิงถล่มงานแต่ง ย่านสุทธิสาร ตาย 1 บาดเจ็บ 4

กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – ตำรวจเร่งล่าคนร้ายยิงถล่มกลางงานแต่งย่านสุทธิสาร ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 4 คน ล่าสุดมีการเปิดเผยคลิปก่อนและหลังยิงในงานแต่ง พ่อของเจ้าสาวระบุเจ้าบ่าวเชิญเพื่อนมาสังสรรค์


จากกรณีคนร้ายยุกยิงถล่มกลางงานแต่งงานที่บ้านหลังหนึ่งในซอยสุทธิพงศ์ 1/1 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย เขตดินแดง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 4 คน เหตุเกิดเมื่อวานนี้ (14 ส.ค.)

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่ามีพยานหลายคนเห็นเหตุการณ์ ขณะร่วมงานเลี้ยงงานแต่งงาน โดยมีพยานที่ร่วมงานคนหนึ่งเล่าว่าก่อนเกิดเหตุมีกลุ่มคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ 3 คัน มาวนเวียนก่อนจะก่อเหตุ และจอดบริเวณหน้าอู่ซ่อมรถ และมี 1 คนในนั้นลงจากรถควักอาวุธปืนยิงเข้ามายังภายในงานที่ทางฝั่งเจ้าบ่าวนั่งกินกับเพื่อน โดยที่ไม่มีการพูดจากัน จากนั้นไม่นานได้ยินเสียงปืนดัง ไม่คิดว่าจะมีการยิงกันเกิดขึ้นในบ้านงานแต่งงาน คาดว่าต้องมีเรื่องกันมาก่อนหน้านี้ แล้วตามมายิงในงาน


ภายในงานเพื่อนกลุ่มเจ้าบ่าวมาเยอะมาก เชื่อว่าคนภายในต้องรู้กัน มีการชี้เป้าไว้แล้ว เพราะเมื่อลงจากรถพุ่งเป้ายิงไปทางกลุ่มผู้บาดเจ็บทันที ซึ่งก่อนเกิดเหตุมีวัยรุ่นคนหนึ่งเดินเข้ามาขอชาร์จแบตมือถือ แล้วพูดว่า “พวกพี่ไม่เกี่ยวนะ” จากนั้นไม่นานมีคนเข้ามากราดยิงตรงกลุ่มผู้บาดเจ็บ คาดว่าเพื่อนเจ้าบ่าวต้องรู้จักกลุ่มที่ขับรถมาวนดูก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน อีกทั้งเมื่อวันเสาร์ที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อนเจ้าบ่าวมานั่งกินอยู่ที่นี่ก่อนแล้วครั้งหนึ่ง และมีการพูดคุยถึงเรื่องเขม่นกับคู่อริ

นอกจากนี้ยังมีพยานที่อยู่ในบ้านงานระบุว่า ตอนเกิดเหตุต่างตกใจวิ่งหนีเอาตัวรอดกันจ้าละหวั่น และยังตั้งข้อสังเกตว่าก่อนจะเกิดเหตุนั้นมีกลุ่มเพื่อนของเจ้าบ่าวไปจอดรถเหมือนคอยเฝ้าสังเกตภายในซอยก่อนจะถึงบ้านที่เกิดเหตุ เหมือนรู้ว่าอาจมีผู้ไม่หวังดีมาก่อเหตุปั่นป่วนในงานแต่งงานครั้งนี้ กระทั่งหลังจากจัดงานแต่งงานเสร็จยังมีการกินเลี้ยงกันอยู่ถึงช่วงเย็น ปรากฏว่ามีรถจักรยานยนต์ 2 คัน ขี่ตามกันมาจอดบริเวณหน้าประตูทางเข้าที่จุดเกิดเหตุ จากนั้นคนร้ายประมาณ 2 คน ลงมาก่อเหตุแล้วหลบหนีไป ใช้เวลาก่อเหตุไม่ถึง 1 นาที

ทั้งนี้ มีรายงานว่ากลุ่มผู้บาดเจ็บเป็นเพื่อนฝ่ายเจ้าบ่าวที่มาร่วมงานกินเลี้ยงฉลองแต่งงาน ซึ่งเป็นนักศึกษาและอดีตนักศึกษาสถาบันอาชีวะชื่อดัง


ด้านพลตำรวจตรีโชคชัย งามวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า จากการสอบถามเจ้าบ่าว ยืนยันว่าไม่มีเหตุโกรธเคืองกับใคร ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนว่ามีความเกี่ยวข้องกับผู้มาร่วมงานหรือไม่ ส่วนเรื่องความขัดแย้งระหว่างสถาบันนั้น ยังไม่ได้ตัดประเด็นนี้ เพราะเจ้าบ่าวจบการศึกษามานาน 2 ปี แล้ว โดยการยิงเป็นลักษณะยิงสาด ไม่ได้ยิงเฉพาะเจาะจงใคร ขอเวลาในการสืบสวนติดตามและไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางของคนร้าย เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี

เปิดคลิปวงจรปิดก่อนและหลังยิงกลางงานแต่ง
คลิปจากกล้องวงจรปิดก่อนและหลังเกิดเหตุ ภาพชุดแรกเป็นกล้องวงจรปิดช่วงก่อนเกิดเหตุ ระบุเวลาประมาณ 16.31 น. ของวันเกิดเหตุ กล้องจับภาพคนร้าย 4 คน ขี่รถจักรยายนต์ 2 คัน คันแรกคนขับสวมแจ็กเก็ตสีเขียว ส่วนคนซ้อนสวมเสื้อแขนยาวสีดำ ทับด้วยกั๊กสีเขียวสะท้อนแสง ขี่จักรยานยนต์สีดำ ส่วนคันที่ 2 ทั้งคนขับและคนซ้อนสวมเสื้อคลุมแจ็กเก็ตสีครีม หมวกกันน็อกสีขาวและสีดำ ขับผ่านที่เกิดเหตุเข้ามาในซอย ลักษณะคล้ายมาดูลาดเลา

ส่วนเหตุการณ์ที่ 2 กล้องในจุดเดิมระบุเวลา 16.47 น. ของวันเกิดเหตุ เป็นช่วงที่คาดว่าคนร้ายจะลงมือยิง โดยคนร้ายคันแรกที่สวมเสื้อแจ็กเก็ตเขียวขับเข้ามาจอดรอคนร้ายอีกคัน จากนั้นมีการพูดคุยกันสักครู่ ก่อนที่คนร้ายคันที่สวมแจ็กเก็ตเขียวจะวกรถกลับไปที่จุดเกิดเหตุเพื่อยิงกลุ่มผู้บาดเจ็บ โดยคนร้ายคันที่สวมแจ็คเก็ตสีครีมจอดรออยู่สักประมาณ 3-4 วินาที คนร้ายที่จอดรอก็ขับรถตามมือยิงออกไป

ส่วนเหตุการณ์ที่ 3 เป็นช่วงหลังเกิดเหตุ คนร้ายขับรถออกไปจากซอยที่เกิดเหตุ เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุทธิพงษ์ 1 ก่อนจะไปเลี้ยวซ้ายอีกทีที่ซอยสุทธิพงษ์ 1/7 เพื่อออกไปบยังถนนรัชดา บริเวณร้านบุญถาวร ภาพจากกล้องนี้จะอยู่บริเวณถนนรัชดา สามารถจับภาพคนร้ายที่ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ สวมแจ็กเก็ตสีเขียว

พ่อเจ้าสาวเผยเจ้าบ่าวเชิญเพื่อนมาสังสรรค์
ด้านพ่อฝั่งเจ้าสาว เผยกับทีมข่าวว่าในวันเสาร์ (13 ส.ค.) ก่อนงานแต่ง ทางฝั่งเจ้าบ่าวมีการชวนกลุ่มเพื่อนมากินสังสรรค์ทั้งรุ่นพี่-รุ่นน้อง และศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัย มากันประมาณ 50 คน นั่งดื่มกินกันตามปกติ กระทั่งวันจัดงานแต่ง (14 ส.ค.) เจ้าบ่าวชวนเพื่อนมาอีกประมาณ 50 คน รวมเป็นประมาณ 100 คน นั่งกินกันอยู่ที่ห้องเก็บของฝั่งตรงข้ามออฟฟิศของตนตั้งแต่เช้า จนเกิดเหตุยิงกระหน่ำขึ้น

เชื่อว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ปมเหตุไม่ได้เกิดขึ้นจากทางเจ้าบ่าว เพราะเรียนจบมาแล้ว 2 ปี และเป็นการกราดยิง คาดเกิดจากความขัดแย้งของพวกรุ่นน้องที่มาร่วมงานที่ยังเรียนอยู่ที่สถาบันดังกล่าว อาจเคยไปทะเลาะวิวาทกับต่างสถาบัน จนเป็นเหตุให้คู่อริต่างสถาบันกลับมาล้างแค้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดรายชื่อทหาร 3 นาย บาดเจ็บ เหยียบกับระเบิด

สุรินทร์ 27 ส.ค.-เปิดรายชื่อทหาร 3 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บ เหยียบกับระเบิด บริเวณเนิน 350 ใกล้ปราสาทตาควาย ขณะออกลาดตระเวน เมื่อวันที่ 27 ส.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการที่ หน่วยทหารจาก พัน.ร.22 ได้จัดกำลังพลออกลาดตระเวนระหว่างฐานปฏิบัติการ บริเวณหน้าบังเกอร์ 11-12 ด้านทิศตะวันตกของปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ได้เหยียบกับระเบิดแสวงเครื่องชนิด PMN-2 ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1.พลทหาร อดิสร ป้อมกลาง สังกัดสนาม มว.3 ร้อย.ร.221 บาดเจ็บข้อเท้าขวาขาด ขณะนี้อยู่ระหว่างลำเลียงทางอากาศจาก รพ.พนมดงรัก ไปยัง รพ.สุรินทร์ พร้อมชุด Sky Doctor2.จ.ส.อ. ณัฐพงศ์ สีชิน สังกัดสนาม มว.3 ร้อย.ร.221 ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่แผ่นหลัง อาการบาดเจ็บเล็กน้อย ส่งกลับเข้ารับการรักษาที่ รพ.พนมดงรัก3.พลทหาร ธรรณ์ณธร เทากระโทก สังกัดสนาม มว.3 […]

มทภ.2 ประณามกัมพูชา หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิด

กทม. 27 ส.ค.- มทภ.2 ประณามกัมพูชา ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง-อนุสัญญาออตตาวาไม่หยุด หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิดข้อเท้าขาด 1 นาย ชี้ทุ่นระเบิดมีโครงสร้างพลาสติก เครื่องตรวจหาไม่เจอ เมื่อวันที่ 26 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวประณามกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและอนุสัญญาออตตาวา ต่อเนื่อง หลังวันนี้ เวลาประมาณ 15.45 น. เกิดเหตุ พลทหาร อดิศร ป้อมกลาง สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 23 เหยียบกับระเบิด ขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เบื้องต้นได้รับบาดเจ็บ บริเวณขาขวาท่อนล่างขาด หน่วยในพื้นที่ได้เข้าดำเนินการช่วยเหลือ และนำส่งเพื่อรับการรักษาแล้ว พล.ท.บุญสิน ระบุว่า เนิน 350 ปราสาทตาควาย เป็นพื้นที่ที่ทหารกัมพูชาวางกำลังหนาแน่น และมีทุ่นระเบิดรอบพื้นที่ โดยวันนี้ทหารไทยออกลาดตระเวน ซึ่งเครื่องตรวจวัตถุระเบิดตรวจหาไม่เจอ เนื่องจากทุ่นระเบิดดังกล่าวโครงสร้างเป็นพลาสติก คาดเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่ เบื้องต้นได้ทำหนังสือประท้วงไปทางฝ่ายกัมพูชาแล้ว และเตรียมกำหนดแผนทางการทหารต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

“อดีต ผอ.ขนมจีนน้ำปลา” นอนคุก 20 ปี 60 เดือน หลังศาลฎีกายกคำร้องลดโทษ

สุราษฎร์ธานี 27 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้องลดโทษ ปิดคดีอดีต ผอ.โรงเรียนบ้านท่าใหม่ จ.สุราษฎร์ธานี ปมให้เด็กอนุบาลกินขนมจีนราดน้ำปลา หลังสู้นาน 5 ปี สุดท้ายรับโทษจำคุก 20 ปี 60 เดือน นายสุชาติ กรวยกิตานนท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาค 8 เป็นประธานแถลงผลคดีที่กล่าวหาอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าใหม่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ทุจริตเงินอุดหนุนค่าอาหารกลางวันนักเรียนของโรงเรียนบ้านท่าใหม่ ให้เด็กอนุบาลกินขนมจีนราดน้ำปลา และจัดทำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการจัดซื้อวัสดุเครื่องบริโภคเพื่อประกอบอาหารกลางวันเป็นเท็จ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2563 และได้ส่งไปให้อัยการสูงสุด ฟ้องผู้ถูกกล่าวหาต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 และมีคำพิพากษาให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด รวม 77 กระทง จำคุก 192 ปี 6 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุก 50 ปี ซึ่งอดีต ผอ.คนดังกล่าว ได้ยื่นอุทรณ์ขอลดโทษ ภายหลังศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน […]

ยังไม่พบผู้เสียหายและทำผิดกฎหมาย จากกรณีสแกนม่านตาแลกรับเงิน

ทำเนียบ 27 ส.ค.-รองโฆษกรัฐบาล เผยตรวจสอบล่าสุดยังไม่พบผู้เสียหายและทำผิดกฎหมาย จากกรณีสแกนม่านตาแลกรับเงิน เตือนประชาชนอย่าประมาท นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่ได้ระบุถึงจากข้อมูลของสภาองค์กรของผู้บริโภคที่มีการรายงานว่าพบการชักชวนให้ประชาชนสแกนม่านตาแลกรับเงิน 500-1,000 บาท ในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทย โดยอ้างถึงว่าจะไปแลกเหรียญคริปโต ซึ่งผู้ที่สแกนม่านตาจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินรายละ 1,000 บาท ภายใน 24 ชั่วโมง ขณะที่ผู้แนะนำสมาชิกจะได้รับเงิน 500 บาทต่อราย สูงสุดไม่เกิน 10 ราย ล่าสุดมีความคืบหน้าว่า สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) ตรวจสอบของตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า การดำเนินงานของผู้ให้บริการในปัจจุบันถูกต้องตามกฎหมาย และคล้ายกับการดำเนินการในหลายประเทศ ในปัจจุบัน และได้มีการเตรียมประสานกระทรวงดีอีและหน่วยงานอื่นหามาตราการควบคุมข้อมูลอ่อนไหว และยังไม่พบผู้เสียหายหรือกระทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้หากพบการละเมิดหรือนำข้อมูลไปใช้ในทางมิชอบ จะดำเนินคดีทันที นายอนุกูล กล่าวว่า เพื่อสร้างความตระหนักรู้เท่าทันต่อความสำคัญของความปลอดภัยที่เหมาะสม รัฐบาลขอย้ำว่า ข้อมูลส่วนบุคคลทางชีวภาพ ถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลขั้นสูงสุด การยินยอมให้เก็บ หรือสแกนจึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงความเสี่ยง ดังนี้ 1. การรั่วไหลของข้อมูล หากข้อมูลรหัส Iris Code […]

ข่าวแนะนำ

กั้นแนวถนนบ้านหนองจาน ตามประกาศเคอร์ฟิว

สระแก้ว 27 ส.ค. – มวลชนชาวไทยร่วมร้องเพลงชาติ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. จากนั้นทหารขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ตามประกาศเคอร์ฟิว ก่อนนำลวดหนามและเครื่องกีดขวาง กั้นแนวขอบถนนศรีเพ็ญ ห้ามผู้ใดข้ามไป เพื่อความปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงข้าหลวงใหญ่ UN ปมกัมพูชา

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เผยคุยรองข้าหลวงใหญ่ UN ปมไทย-กัมพูชา สัญญาณบวก เข้าใจไทยไม่ทำผิดกติการะหว่างประเทศ ไม่เห็นด้วย “ฮุน เซน” อัดเสียงคุยนายกฯ และการใช้สงครามข่าวปลอม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯมีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี เป็นการอธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย นายมาริษ กล่าวว่าตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง […]

“ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว

ศาลอาญาฯ 27 ส.ค. – “ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว เหตุคดีมีอัตราโทษสูง และมีทรัพย์สินมูลค่าความเสียหายสูง พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอฝากขังครั้งแรก พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือนายอลงกต พูลมุข ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ผู้ต้องหาที่ 2 ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่รักษาทรัพย์ใดฯ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุญาตให้ฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.- 7 ก.ย.นี้ โดยผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 […]