ศาลวางมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์โอไมครอน พร้อมวางแนวทางการเร่งพิจารณาคดีที่คั่งค้าง
นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 หลังมีแนวโน้มการแพร่ระบาดระลอกใหม่จากสายพันธุ์โอไมครอน ว่าขณะนี้ศาลยุติธรรมทั่วประเทศได้นำระบบลงทะเบียนคัดกรองกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงผ่านระบบ คิวอาร์โค้ด หากพบคู่ความหรือพยานที่มีประวัติเสี่ยงสูงจะต้องได้รับการตรวจคัดกรองด้วยวิธี ATK ก่อนเข้าสู่บริเวณอาคารศาล
โดยการระหว่างใช้ห้องพิจารณาคดีจะอนุญาตให้คู่ความและพยานที่ต้องสืบพยานในขณะนั้นเข้าไปห้องพิจารณาเท่านั้น ญาติและพยานปากอื่นต้องนั่งรออยู่ด้านนอกห้องพิจารณาและปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะ
ขณะที่ภายในห้องพิจารณาจะมีฉากกั้นใส ระหว่าง บัลลังก์ผู้พิพากษา ฝ่ายโจทก์ ฝ่ายจำเลย พยาน และเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ โดยทุกฝ่ายจะไม่ออกนอกฉากกั้นของฝ่ายตัวเองเด็ดขาด เพื่อลดการสัมผัสใกล้ชิด รวมทั้งวิธีการนำสืบพยานวัตถุก็จะใช้ระบบจอภาพแสดงให้ทุกฝ่ายดูแทนการส่งต่อให้สัมผัส
โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม ระบุว่า ศาลยุติธรรมได้วางแนวทางในการลดการเดินทางมาศาลให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะคดีแพ่งที่ไม่มีข้อพิพาท เช่น คำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกที่ไม่มีผู้คัดค้าน ศาลจะใช้การไต่สวนผ่านระบบออนไลน์ทางจอภาพ ขณะที่คดีที่มีข้อพิพาททั้งแพ่งและอาญานั้นต้องพิจารณาตามความเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบต่อความยุติธรรม โดยเฉพาะคดีอาญานั้นยังต้องรักษาสิทธิของจำเลยในการสืบพยานตามหลักเผชิญหน้า จึงต้องเลือกนัดพิจารณากรณีอื่นที่อาจสามารถใช้ระบบออนไลน์ผ่านจอภาพเพื่อลดการเดินทางมายังศาล
นอกจากนี้ศาลยังใช้การยื่นเอกสารผ่านระบบอิเลคทรอนิกส์แทนการใช้กระดาษเพื่อป้องกันพาหะนำโรค ซึ่งหลังเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาศาลได้มีประกาศให้บุคลากรเข้ารับการตรวจ ATK และจัดผลัดหมุนเวียนเข้ามาทำงานในสำนักงาน โดยให้บางส่วน WORK FROM HOME
ส่วนคดีคั่งค้างที่เลื่อนนัดพิจารณามาตลอดในช่วงการระบาดหนักตลอด 2 ปี ที่ผ่านมา ศาลจะพยายามเร่งรัดให้เสร็จสิ้น ด้วยการนัดพิจารณานอกเวลาราชการ ในวันธรรมดาและเสาร์อาทิตย์ ควบคู่กับการใช้ระบบออนไลน์ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับคู่ความทุกฝ่าย – สำนักข่าวไทย