สงขลา 6 พ.ย.-“เสี่ยโจ้” เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อนภาคใต้ ถูกพนักงานสอบสวนคุมตัวส่งให้อัยการสงขลา ตั้งแต่เมื่อเย็นวานนี้ โดยอัยการสงขลาเตรียมนำตัวส่งเข้าเรือนจำตามคำพิพากษาคดีเก่าปี 57 ตั้งโทษ 1 ปี 9 เดือน ฐานใช้ตราประทับปลอมเข้าราชอาณาจักรไทย
ความคืบหน้ากรณีที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) จับกุมนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ เสี่ยโจ้ ปัตตานี ผู้ต้องหาคดีฟอกเงินค้าน้ำมันเถื่อนรายสำคัญ ได้ในร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง หลังจากที่หลบหนีมาหลายปี
โดยแหล่งข่าวตำรวจชุดจับกุม ระบุว่า หลังจากถูกจับกุมเมื่อวาน ทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเก่าที่เสี่ยโจ้หลบหนีศาลระหว่างถูกควบคุมตัวที่ศาลจังหวัดสงขลา ได้เดินทางมาขออายัดตัว และควบคุมตัวไปส่งพนักงานอัยการจังหวัดสงขลา ตั้งแต่เมื่อเย็นวานนี้ (5 พ.ย.) เพื่อให้อัยการพิจารณาสั่งคดี ซึ่งก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถส่งตัวเสี่ยโจ้ได้ เนื่องจากหลบหนีไป
โดยขั้นตอนหลังจากพนักงานสอบสวนนำตัวเสี่ยโจ้ ส่งให้พนักงานอัยการจังหวัดสงขลา ก็จะต้องนำตัวส่งคุมขังในเรือนจำจังหวัดสงขลา เป็นเวลา 1 ปี 9 เดือน ตามคำพิพากษาในคดีที่ใช้ตราประทับปลอมเข้าราชอาณาจักรไทย
ส่วนการจับกุมเสี่ยโจ้ในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2555 เจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้จับกุมเสี่ยโจ้ ที่จังหวัดปัตตานี พร้อมกับยึดของกลางเป็นเงินสด 46 ล้านบาท น้ำมัน 2,000 ลิตร แต่ไปพบหลักฐานการซื้อขายน้ำมันเถื่อน จำนวน 500 ล้านลิตร และบัญชีจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน จึงดำเนินคดีเรื่องการค้าน้ำมันเถื่อน จากนั้นได้ดำเนินคดีเพิ่มเติมในความผิด พ.ร.บ.ฟอกเงิน เนื่องจากการค้าน้ำมันเถื่อนเข้าข่ายความผิดมูลฐาน ซึ่งได้ออกหมายจับเสี่ยโจ้ในเวลาต่อมา แต่เสี่ยโจ้หลบหนีมาโดยตลอด ซึ่งล่าสุดตำรวจ ปอศ. สืบทราบว่า เสี่ยโจ้ใช้หนังสือเดินทางประเทศกัมพูชา เดินทางเข้ามากบดานอยู่ในกรุงเทพมหานคร จึงวางแผนเข้าจับกุม ขณะรับประทานอาหารอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านห้วยขวาง เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
สำหรับ เสี่ยโจ้ ถือเป็นตัวการสำคัญขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ระดับประเทศ โดยทำธุรกิจค้าไม้และต่อเรือประมงบังหน้า ถูกดำเนินคดีในความผิดต่างๆ 14 คดี และยังเป็นผู้ต้องหาคดีปลอมแปลงตราประทับเข้ามาในราชอาณาจักร เมื่อปี 2557 ซึ่งได้หลบหนีระหว่างการควบคุมตัวที่ศาลจังหวัดสงขลา หลังศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี 9 เดือน
นอกจากนี้ ยังมีรายงานจากหนึ่งในชุดจับกุมว่า คดีทั้ง 14 คดี ที่เสียโจ้ตกเป็นผู้ต้องหา ล้วนแล้วแต่มีปัญหาในบางกระบวนการระหว่างดำเนินคดีทั้งสิ้น จึงทำให้เสี่ยโจ้ยังลอยนวลหลบหนี และเดินทางเข้าออกประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านมานานหลายปี จนกระทั่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา เพื่อติดตามจับกุมเสี่ยโจ้ในความผิดที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี ซึ่งพบว่าเสี่ยโจ้เป็นตัวการใหญ่ค้าน้ำมันเถื่อนในภาคใต้ เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ฟอกเงิน จึงให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) รวมทั้งหน่วยงานอื่น ทั้งในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และนอกหน่วย รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดี นำตัวเสียโจ้มาลงโทษให้ได้.-สำนักข่าวไทย