กรุงเทพฯ 18 ม.ค.-ชุดสืบสวน บช.น. รวบ “อั๋น กีวี่” มือผสมยาเสพติดสูตร “เคนมผง” จำหน่ายในพื้นที่กรุงเทพฯ ตามหมายจับข้อหาพยายามฆ่า
ประเด็นร้อนยาเสพติด “เคนมผง” ที่ทำให้ผู้เสพเสียชีวิต และอาการโคม่าหลายราย ล่าสุด มีรายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลว่า ชุดสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล สามารถจับกุมนายอมรเทพ หรือ อั๋น กีวี่ ผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาพยายามฆ่า ที่สายระบุว่า นายอมรเทพ เกี่ยวข้องกับการรับและผสมยาเสพติดสูตร “เคนมผง” และจำหน่ายในพื้นที่กรุงเทพฯ
โดยการจับกุม ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตำบลวังพิกุล อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ ขณะที่การเค้นสอบ นายอมรเทพ ยอมรับแต่ว่า เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับจริง แต่ปฏิเสธไม่ได้เป็นผู้รับยาเสพติดและผสมยาเสพติดสูตร “เคนมผง” ทำให้ชุดสืบสวนต้องสอบปากคำนายอมรเทพ อย่างเข้มข้น และเตรียมนำตัวเข้ามาดำเนินคดีในกรุงเทพฯ ซึ่งเวลา 11.00 น. วันนี้ (18 ม.ค.) จะมีแถลงผลการจับกุม และรายละเอียดการสอบปากคำผู้ต้องหาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล
ส่วนความคืบหน้าคดีเคนมผง ที่มีผู้เสียชีวิต 2 คน พลตำรวจตรีปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เตรียมขอศาลออกหมายจับขบวนการค้ายาเคนมผง ในพื้นที่โชคชัย จำนวน 4 คน หลังได้สอบปากคำไปแล้ว 4 ปาก แต่พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอเชื่อมโยงกับแก๊งมิคาโดะ ที่มีส่วนพัวพันเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายยาเสพติด จึงยังไม่สามารถออกหมายจับสมาชิกแก๊งได้ในขณะนี้ แต่ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวน
ขณะที่กรณีนายธนากร คุ้มถิ่นแก้ว หรือไม้ พนักงานบาร์น้ำผับย่านท่าข้ามที่เสียชีวิตในคอนโดมิเนียม หลังไปปาร์ตี้เสพยาเคตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม การสอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ 4 ปาก พบว่าเชื่อมโยงกับผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนในพื้นที่ สน.บางกอกใหญ่ ซึ่งผู้เสพกลุ่มนี้นัดเสพกันตลอด โดยขณะนี้ให้ตำรวจนครบาล 5 และ สน.พระโขนง ลงพื้นที่เก็บรวบรวมพยานหลักฐานและพบวัตถุต้องสงสัยเป็นผงสีขาวในคอนโดมิเนียมที่เกิดเหตุ ซึ่งได้ส่งตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับผงสีขาวที่แฟนสาวของผู้ตายนำมามอบให้ ว่าเป็นชนิดเดียวกันหรือไม่ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นเคนมผงชนิดหนึ่ง ที่รวมยาเสพติดหลายชนิดไว้ด้วยกัน แต่ยังไม่ชี้ชัดว่าเป็นเครือข่ายเดียวกับเคนมผงในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกรหรือไม่
นอกจากนี้มีรายงานว่า จากการสอบปากคำพยานที่ร่วมเสพเคนมผงกับผู้ตาย พบว่ามีผู้เสพร่วมกันประมาณ 4-5 คน แต่เมื่อสอบถามถึงแหล่งที่มาของยา พยานซึ่งเป็นเจ้าของห้องเช่าอ้างว่า ไม่ทราบแหล่งที่มา แต่ผู้ตายเป็นผู้นำยามาให้ ซึ่งตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ และอยู่ระหว่างเรียกพยานอีก 1 ปากที่อยู่ในที่เกิดเหตุมาสอบปากคำ ขณะนี้ไม่มีการแจ้งข้อหากับผู้ใด เนื่องจากต้องรอผลชันสูตรพลิกศพจากผู้ตายและผลตรวจสารเสพติดก่อน
ส่วนที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวานนี้ (17 ม.ค.) ครอบครัวนายธนากร ได้มาติดต่อรับศพกลับไปบำเพ็ญกุสล ซึ่งน้องชายผู้เสียชีวิตยอมรับว่า ไม่คิดว่าพี่ชายจะเสียชีวิตจากยาเสพติด ที่ผ่านมาไม่ทราบสาเหตุของการเสพยา หรือปัญหาของพี่ชาย ซึ่งปกติพี่ชายจะเป็นคนที่ร่าเริง นิสัยดี ขี้เล่น เข้ากับทุกคนได้ดี ส่วนแฟนสาวผู้เสียชีวิต ยังคงมีอาการที่โศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก ได้แต่นั่งกอดรูปถ่าย และปฏิเสธให้ให้ข้อมูลกับทีมข่าว เนื่องจากยังทำใจไม่ได้.-สำนักข่าวไทย