ตร.พร้อมดูแลจราจร-เข้มใช้กฎหมาย หยุด 4 วัน

กทม.1 ก.ย.- ผช.ผบ.ตร.ประชุมกำชับตำรวจจราจร เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกการจราจรห้วงหยุดชดเชยสงกรานต์ 4 วัน รองรับการเดินทางออกต่างจังหวัด


ตามที่คณะรัฐมนตรี มีมติให้วันที่ 4 และ 7 กันยายน 2563 เป็นวันหยุดชดเชยเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2563 โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญในการอำนวยความสะดวกการจราจรให้แก่ประชาชนที่เดินทางกลับภูมิสำเนาหรือท่องเที่ยวในต่างจังหวัด ให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด และมุ่งเน้นการลดการเกิดอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ในช่วงวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์นี้ เนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงฤดูฝนและมีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ ประกอบกับสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในประเทศอยู่ในสภาวะคลี่คลายลง ประชาชนดำเนินชีวิตประจำวันตามปกติ มีการใช้รถใช้ถนนมากยิ่งขึ้นและทำให้การจราจรติดขัด มีอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มมากขึ้น

วันนี้ (1 ก.ย.63) เวลา 14.45 น. ที่ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโทดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เป็นประธานการประชุมกำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทุกนาย เพื่อเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และนำนโยบายข้อสั่งการให้ตำรวจจราจรทุกพื้นที่ช่วยแก้ไขปัญหาจราจร บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงเวลาเร่งด่วน  จัดชุดเคลื่อนที่เร็วร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทั้งการลดจำนวนอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต จากการเกิดอุบัติเหตุทางถนน และการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเดินทางสัญจรในช่วงเวลาเร่งด่วน ตลอดจนเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงวันหยุดต่อเนื่อง 4 วัน ได้อย่างคล่องตัว  


พลตำรวจโทดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนที่จะเดินทางเตรียมสภาพรถให้พร้อมตรวจเช็คทั้งเรื่องยาง เบรค ฯลฯ รวมถึงการเตรียมเผื่อระยะเวลาในการเดินทางเนื่องจากสภาพอากาศไม่ค่อยแน่นอน มีฝนตก อาจเป็นอุปสรรคในการเดินทาง เมื่อมีฝนตก ถนนลื่นอาจเกิดอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางได้ ผู้ขับขี่จะต้องเตรียมความพร้อมพักผ่อนให้เพียงพอและขับรถด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมีมาตรการป้องกันในเชิงรุก โดยได้เฝ้าติดตามระมัดระวังการรวมกลุ่มกันของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ เพราะการรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนมีความสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และยังมีมาตรการในการรองรับด้านการจราจรในช่วงวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์นี้

สำหรับนโยบายด้านการจราจรในช่วงวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีจุดเน้น ดังนี้

1. การอำนวยความสะดวกและจัดการจราจร ในช่วงที่มีประชาชนออกเดินทางจำนวนมากได้จัดเตรียมความพร้อมด้านกำลังพล อุปกรณ์เครื่องมือ และระบบการสื่อสารเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้ประชาชนสามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกและปลอดภัย โดยมีศูนย์ควบคุมสั่งการจราจรอยู่ที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง หมายเลขสายด่วน 1193 หรือดาวน์โหลด line application @highway1193 และในพื้นที่ กทม. สอบถามได้ที่ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) หมายเลขสายด่วน 1197 ไว้ สำหรับสอบถามเส้นทาง แจ้งอุบัติเหตุ รับข้อมูลประชาสัมพันธ์เส้นทาง พร้อมทั้งได้มีการดำเนินการในการอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการใช้รถและถนนสำหรับประชาชนโดยออกข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักร ว่าด้วยการกำหนดช่องหรือแนวทางเดินรถขึ้นและล่องในถนนบางสาย ห้วงวันหยุดต่อเนื่อง พ.ศ.2563 ขาขึ้น 11 จุด ระหว่าง 3-5 กันยายน 2563 และขาล่อง จำนวน 18 จุด ระหว่าง 6-9 กันยายน 2563 ใช้เป็นช่องทางพิเศษ เพื่อระบายรถช่วงที่หนาแน่นให้คล่องตัว ( Reversible Lane )


2.บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยบังคับใช้กฎหมายจราจร 10 ข้อหาหลัก (10 รสขม) และ พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 อย่างเข้มงวด จริงจัง และต่อเนื่อง นำฐานข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุที่ผ่านมากำหนดจุดเสี่ยง เพื่อกำหนดมาตรการในการตั้งจุดตรวจ เพื่อป้องกันกันอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ การสวมหมวกนิรภัย และจัดชุดเคลื่อนที่เร็วให้มากที่สุดในแต่ละพื้นที่ ไปกวดขันวินัยการจราจรบริเวณถนนสายรองที่เกิดอุบัติเหตุ ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กำชับการกวดขันจับกุมการจำหน่ายแอลกอฮอล์ในเวลาห้าม และสถานที่ห้ามจำหน่าย กรณีเกิดอุบัติเหตุจราจร เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต จะตรวจวัดแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ทุกฝ่าย และดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดกับผู้กระทำผิด กรณีเมาแล้วขับหรือแข่งรถในทางจนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ความตาย

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีชุดสายตรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ทหาร ออกตรวจสถานีขนส่ง ท่ารถโดยสาร เพื่อกำกับดูแลและตรวจสอบการขนส่งผู้โดยสารที่เป็นการขนส่งสาธารณะทุกประเภท โดยต้องมีการจัดระบบและระเบียบต่าง ๆ และลดความแออัดของผู้โดยสาร ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงแนวทางการดำเนินการและมาตรการต่างๆ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำมาบังคับใช้ เพื่อประโยชน์สุขแก่สังคมโดยรวม และขอความร่วมมือประชาชนให้ตรวจเช็คสภาพรถ เครื่องยนต์ สภาพอากาศ และเส้นทางก่อนออกเดินทาง ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความพร้อมสำหรับการอำนวยความสะดวกการจราจรให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวโดยสะดวกและปลอดภัยโดยทั่วกัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง