รัฐสภา 28 ส.ค.-“บิ๊กเต่า” เร่งคนถือทรัพย์สินวัดพระบาทน้ำพุ ให้การ-คืนของ มิเช่นนั้นเจอหมายเรียก ชี้ทรัพย์สินยังตรวจสอบไม่หมด มีเงินสด-นอกบัญชีอีกเพียบ มูลค่าอาจจะเพิ่มขึ้นถึงพัน-หมื่นล้านบาท พัวพัน 30 คน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีอดีตพระอลงกต ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อที่จะขยายผล ไปถึงคนที่เกี่ยวข้อง เรื่องนี้ยังไม่มีการแถลงข่าวเพียงแต่เริ่มการจับกุมและยื่นเอกสารการสืบหาข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น มันมีความเกี่ยวข้องเกี่ยวโยงกับวัดพระบาทน้ำพุ และคนที่เกี่ยวข้องกับทิดอลงกต ในเรื่องของผลประโยชน์ที่ไม่ได้อยู่ที่วัดอย่างเดียว แต่ไปอยู่กับคนที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก ที่ดินหลายพันไร่ เงินสด อสังหาริมทรัพย์ อีกจำนวนเยอะมาก ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลัง เรียกคนที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ปากคำ ทรัพย์สินของวัดทั้งหมดที่ใครไปถือครอบครอง โดยที่ยังไม่เอามาคืนวัด ไม่ว่าจะรถ อสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน เงินสดหรืออะไรต่างๆ ทางเรามีพยานหลักฐาน ไม่อยากจะขยายวงการดำเนินการคดีไปให้มาก จะคำนึงถึงความมีเจตนาหรือไม่มีเจตนาด้วย ถ้าใครคิดว่าไม่มีเจตนาในการครอบครองที่ดิน มีคนมาฝากไว้ให้มาพบเจ้าหน้าที่ เพื่อทำการสอบสวนแต่ถ้าใครยังยึดถือครอบครองอยู่เราต้องบังคับใช้กฎหมาย เราต้องการเอาทรัพย์สินทั้งหมดกลับคืนวัดพระบาทน้ำพุ เพราะเป็นเงินและแรงศรัทธาของพี่น้องประชาชน ต้องเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมไม่ใช่ประโยชน์ส่วนตน จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ที่เข้ามาเกี่ยวข้องไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่วัด เจ้าหน้าที่มูลนิธิ ที่กระทำไปโดยเจตนาหรือไม่เจตนา รู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ทำไป เป็นความผิดแต่ได้ใช้ไปในทางที่ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้การ ให้ข้อมูลก่อนที่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการ บังคับใช้กฎหมาย มันมีคดีฟอกเงินด้วย ยึดทรัพย์ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ด้วย ถ้าตกเป็นผู้สนับสนุน ดังนั้นขอความร่วมมือเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ วงเงินเสียหายหลายพันล้าน เกือบหมื่นล้านบาท เราตรวจสอบ ป.ป.ง.จะได้ตรวจสอบเส้นเงินสัมพันธ์แล้ว เพราะมีความเกี่ยวข้องประมาณ 30 คน เป็นข้อมูลเบื้องต้นพบเงินหมุนเวียน 2-3 พันล้านบาท เงินจำนวนนี้ยังไม่เกี่ยวกับเงินสดหรือเงินนอกบัญชี หรือเงินบางส่วนที่ป.ป.ง. ยังไม่สามารถตรวจได้อีกจำนวนมาก จะเพิ่มขึ้นมาอีก 2-3 เท่าตัว จึงขอเตือนไปยังคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ให้รีบมาพบพนักงานสอบสวน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อด้วยว่าวันนี้ยังไม่มีผู้ที่ถือครองทรัพย์สินของวัดมาให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเพิ่งแจงไปวานนี้ ก็ต้องให้เวลาตั้งหลัก เนื่องจากเรื่องนี้ยืดเยื้อยาวนานมากกว่า 20 ปี อาจจะมีการดื้อแพ่ง ก่อนจะย้ำว่า หากให้ความร่วมมือ ก็จะกันไว้เป็นพยาน แต่ถ้าไม่มา ก็จะออกหมายจับ จึงอยากให้ทุกคนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ โดยตอนนี้ ยังไม่มีการขีดเส้นว่า จะต้องเข้ามาให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภายในกี่วัน อยากดูเรื่องของเจตนาเป็นหลัก แต่ถ้าไม่มาก็จะออกหมายเรียกตามลำดับ เนื่องจากอยากจะทำเรื่องนี้ให้เป็นตัวอย่างกับวัดอื่นด้วย ทำในลักษณะของวัดไร่ขิง และมีเรื่องที่จะต้องทำการบ้านอีกหลายเรื่อง เพื่อตอบคำถามในเรื่องที่ยังไม่ชัดเจน และยังเป็นข้อสงสัย เช่น พระมีภรรยาหรือไม่ หมอบีเกี่ยวข้องอย่างไร มีเส้นเงินไปถึงใครบ้าง และมูลนิธินำเงินไปใช้จ่ายส่วนใดบ้าง มีความพัวพันกันหลายเรื่อง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า การแก้ไขปัญหาสงฆ์ เจ้าหน้าที่อย่างเดียวอาจจะทำได้ไม่ละเอียดเพียงพอ ต้องอาศัยพี่น้องประชาชนและองค์กรต่างๆให้ช่วยกันขับเคลื่อน เพราะเราต้องการแยกพระดีกับพระไม่ดีออกจากกัน รวมถึงสร้างระบบป้องกันตรวจสอบการทุจริตให้เกิดขึ้น เครื่องสกรีนคนที่จะหนีคดีไปบวช และปาราชิกแล้วกลับมาบวชใหม่ ตอนนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับคำสั่งจากรัฐบาล ให้ช่วยกันแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ก่อนจะย้ำว่าการแก้ไขปัญหาครั้งนี้ไม่ใช่การทำลายพระพุทธศาสนา แต่เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล เป็นพระที่อาศัยจีวรมากระทำความผิด
ส่วนเคสของหมอบี พบบุคคลใกล้ชิดกระทำความผิดด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า พบมีความเชื่อมโยง แต่รายละเอียดอยู่ในสำนวนของไม่เปิดเผย.-319.-สำนักข่าวไทย