21 ส.ค. – ตำรวจทางหลวง สกัดจับเครือข่ายขบวนการขนยาบ้า กว่าล้านเม็ดก่อนถูกนำไปกระจายต่อในพื้นที่ภาคใต้ พบผู้ต้องหามีประวัติเกี่ยวข้องยาเสพติดโชกโชน
วันนี้ (21 ส.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ (บก.ป.) ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบก.ทล.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงผลการจับกุมตัว นายสุริยา อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาลักลอบลำเลียงยาบ้า กว่า 1,000,000 เม็ด
ว่าที่ พ.ต.ท.กล้า สมบัติพิบูลย์ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 ส.ค.68 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 12.00 น. ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงขับลาดตระเวน ในพื้นที่ ต.วิสัยเหนือ อ.เมือง จ.ชุมพร ได้สังเกตเห็นรถเก๋งคันหนึ่งมีพฤติกรรมน่าสงสัย เนื่องจากติดฟิล์มทึบผิดปกติ ประกอบกับช่วงท้ายรถมีลักษณะห้อยต่ำคล้ายบรรทุกสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก รวมทั้งมีการชะลอรถสลับกับเร่งความเร็วรถคล้ายต้องการหลบหนี ตำรวจจึงตรวจสอบทะเบียนรถคันดังกล่าวในระบบฐานข้อมูล Big Data ของตำรวจสอบสวนกลาง พบว่าเจ้าของรถมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงเรียกทำการตรวจสอบพบกระสอบปุ๋ยสีขาวท้ายรถ 1 กระสอบ และเบาะโดยสารด้านหลัง 4 กระสอบ มียาบ้าบรรจุแท่งพลาสติกรวมจำนวน 100 มัด หรือประมาณ 1,000,000 เม็ด
เบื้องต้น นายสุริยา รับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างให้ลำเลียงยาเสพติดจากนาย เอ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นคนว่าจ้างตนให้รับ-ส่งยาเสพติดในพื้นที่ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง โดยครั้งนี้เป็นการลำเลียงยาบ้าลอตใหญ่จากพื้นที่ จ.ชลบุรี เพื่อส่งไปกระจายต่อในพื้นที่ภาคใต้ โดยได้รับการว่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 60,000 บาท นอกจากนี้ นายสุริยา ยังยอมรับด้วยว่าตนได้เสพยาบ้าระหว่างเดินทางมา เจ้าหน้าที่จึงตรวจปัสสาวะและส่งตรวจที่โรงพยาบาลพบว่ามีสารเสพติดจริง จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายสุริยา รับจ้างลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ภาคใต้อยู่แล้ว โดยเคยมีประวัติถูกจับกุมในข้อหาเสพและครอบครองยาเสพติด บ่อยครั้ง ล่าสุดถูกจับกุมในข้อหามียาเสพติดในครอบครองเมื่อปี 2555 ก่อนพ้นโทษออกมาประมาณปี 2562 แต่กลับมาทำงานในเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดอีก กระทั่งถูกจับกุมได้ดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.คงกฤช บอกว่าสำหรับปฏิบัติการดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางในการปราบปรามยาเสพติด พร้อมชื่นชมตำรวจทางหลวงในการสังเกตความผิดปกติของผู้ต้องหาและมีการตรวจสอบข้อมูลจากระบบ Big Data จนสามารถจับกลุ่มผู้ต้องหาได้ดังกล่าว โดยหลังจากนี้จะมีการสอบสวนขยายผลในทุกมิติ เพื่อนำตัวผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-420-สำนักข่าวไทย
