2 มิ.ย.- ผบก.น.5 ยันไม่มีตำรวจเกี่ยวพันผู้ต้องหาคดีขโมยบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง เชื่อมีคนในคอยชี้เป้าสั่งการ เตรียมเรียกเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรสอบเพิ่ม ล่าสุดจับกุมผู้ต้องหาแล้ว 5 ราย
เวลา 15.30 น. ความคืบหน้าล่าสุดที่ สน.ท่าเรือ พลตำรวจตรีวิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เข้าประชุมติดตามความคืบหน้าคดี 6 ผู้ต้องหาบุกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางที่ถูกเก็บไว้โกดังของกรมศุลกากร และขับรถชน รปภ. ขณะหลบหนี จนเสียชีวิต
หลังการประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง พลตำรวจตรีวิทวัฒน์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้มีการขอออกหมายจับที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับทั้ง 6 รายเป็นที่เรียบร้อย โดยความคืบหน้าสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว 4 ราย กำลังสอบปากคำอยู่ที่ สน.ท่าเรือ 2 ราย (นายเบิร์ด, นายเอก) ส่วนอีก 2 ราย ประสานเข้ามอบตัวที่ สภ.ปากช่อง (นายคิง, นายจี) ขณะนี้อยู่ระหว่างนำตัวกลับมาที่สน.ท่าเรือ และล่าสุด นายสุวัฒน์ หรือเล็ก อายุ 42 ปีได้เข้ามามอบตัวแล้ว ส่วนอีก 1 ราย (นายแบงค์) ที่ยังจับกุมไม่ได้นั้น อยู่ระหว่างเร่งติดตามนำตัวเข้ามาดำเนินคดี โดยเชื่อว่าตัวนายแบงค์ยังอยู่ละแวกใกล้เคียงกับกรุงเทพมหานคร
โดยในผู้ต้องหาทั้ง 6 คน มีตัวการหลักคือนายแบงค์ ที่เป็นคนชักชวนให้ผู้อื่นมาร่วมกันก่อเหตุครั้งนี้ จากคำให้การของผู้ต้องหาที่สอบปากคำไปบ้างแล้ว ไม่มีผู้ดูต้นทาง หลังก่อเหตุเสร็จนายแบงค์ เป็นคนขับรถ และนายเล็กนั่งมาข้างๆ ที่เหลืออีก 4 คน วิ่งไปเปิดประตูเพราะว่ารปภ. จะปิดประตูไม่ให้ออก จากนั้นทั้ง 4 คนจึงได้วิ่งกระจัดกระจายกัน และนายแบงค์เป็นคนขับรถถอยไปชนผู้เสียชีวิต โดยหลังจากก่อเหตุชนรปภ.เสียชีวิตแล้ว ก็มีนายจีมาขึ้นรถในภายหลังและนำของกลางไปฝากไว้ที่บ้านนายเจ
ผู้ต้องหา 3 รายที่อยู่สน.ท่าเรือนั้น ให้การเป็นประโยชน์สอดคล้องกับการสืบสวนก่อนหน้านี้ โดยนายเอกกับนายเบิร์ด อ้างว่าไม่ได้รู้รายละเอียดทั้งหมดเพราะนายแบงค์เป็นคนจัดการ ส่วนจะได้ส่วนแบ่งอย่างไรนั้น จะต้องทำการสอบสวนเพิ่มเติมก่อน
ผู้ต้องหาทั้งหมด ถูกดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และซ่องโจร ส่วนนายแบงค์ถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมในข้อหาฆ่าผู้อื่น

ส่วนกรณีคนชี้เป้าหรือคนให้ข้อมูลตอนนี้อยู่ระหว่างการสืบสวน เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีคนสั่งมาอีกที ยังไม่ตัดประเด็นนี้ ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 6 รายนั้นรู้จักกันมาเนื่องจากเป็นคนในพื้นที่ทั้งหมด จากการสอบปากคำนายเบิร์ดกับนายเอก พบว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นายแบงค์ชักชวนมาร่วมก่อเหตุ แต่ว่ายังไม่ได้ปักใจเชื่อ อย่างที่เราสงสัยเช่นเดียวกันว่าตู้มันไม่ได้มีตำหนิอะไร ว่าเป็นทรัพย์สินอะไร ทำไมผู้ต้องหาถึงได้รู้ว่าตู้ไหนเป็นของมีราคาและทำไมรู้ว่าประตูเปิดหรือปิดเวลาไหน อย่างไรก็ตามจะต้องเชิญเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเข้ามาสอบปากคำ ส่วนกรณีที่มีข้อมูลว่านายเบิร์ดเป็นลูกน้องกับนายตำรวจที่สน.ท่าเรือนั้น ยอมรับว่าเคยใช้ทำงานบ้างบางครั้ง อาทิทำความสะอาดโรงพัก และใช้ซื้อของ แต่ไม่ได้มีหน้าที่หรือภารกิจอื่นๆ จึงยืนยันได้ว่าตำรวจสน.ท่าเรือ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุครั้งนี้ และหากการขยายผลไปถึงใครยืนยันว่าไม่มีการละเว้นใดๆ ทั้งสิ้น
จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้ง 6 คนพบว่า นายแบงค์ มีคดีปล้นทรัพย์ที่สน.ท่าข้าม เมื่อเดือนตุลาคม 2567 นายเอก ถูกดำเนินคดียาเสพติด ท้องที่สน.ท่าเรือ ปี 2558 นายคิง คดีอาวุธปืน พื้นที่สน.บางรัก ปี 2563 และคดียาเสพติดพื้นที่ สน.บางชัน ปี 2565 ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือยังไม่พบประวัติอาชญากรรม จากที่ประชาชนเคยให้ข้อมูลว่าแก๊งนี้เคยก่อเหตุลักษณะนี้ในกรมศุลกากรบ่อยครั้ง พลตำรวจตรีวิทวัฒน์ บอกว่า จากการตรวจสอบยังไม่พบว่ามีผู้ใดมาแจ้งความแต่ยินดีรับข้อมูลข่าวสารจากผู้แจ้งเบาะแสทุกราย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าจะทำให้ดีและรวดเร็วที่สุด ขณะนี้พยายามติดต่อญาติของผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี ให้เข้ามอบตัว เพราะตำรวจเองก็อยากปิดคดีให้เร็วที่สุดเช่นกัน ขอยืนยันว่าไม่มีการช่วยเหลือใดๆในทางคดีอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย