กรุงเทพฯ 9 เม.ย. – เร่งนำเครื่องจักรหนักลดระดับความสูง เคลียร์ซากปูน-เหล็ก เปิดพื้นที่ค้นหาผู้สูญหายอาคาร สตง.ถล่ม
เข้าสู่วันที่ 13 กับปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์อาคารในโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ จตุจักร ถล่ม ขณะเกิดแผ่นดินไหว บรรยากาศตลอดช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ยังคงสับเปลี่ยนกำลังทั้งเครื่องจักรหนักและทีมค้นหาได้มีการนำเครื่องจักรหนักเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากเดิมมีเครื่องจักรทั้งรถแบคโฮ และเครน รวม 21 ตัว ส่วนรถแบ็กโฮที่ใหญ่ที่สุดในประเทศขนาด 120 ตัน อยู่ระหว่างเดินทางเข้ามาบริเวณที่เกิดเหตุ เช้าวันนี้ทีมกู้ภัยนานาชาติจากแคนาดาเข้ามาร่วมค้นหาเช่นเดิม นอกจากนี้ยังมีชุดค้นหาเดินเท้า ที่มีทั้งตำรวจพลร่ม กู้ภัย และ ปภ. ขึ้นไปด้านบนของซากปรักหักพังเพื่อเปิดพื้นที่เคลียร์ซากวัสดุต่างๆ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัยได้เข้าปูพรมค้นหาผู้สูญหายอย่างต่อเนื่อง หลังหยุดพักเครื่องจักรหนักที่ทำการเปิดพื้นที่มาตลอดทั้งคืน
หลังจากได้เปิดพื้นที่ในแต่ละโซน โดยเฉพาะโซน A และโซน D ทำให้ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถนำรถแบ็กโฮขยับพื้นที่ เข้าไปอยู่บริเวณตรงกลางของกองซากปรักหักพังได้แล้วระดับความสูงจากพื้นประมาณ 7-8 เมตร เพื่อรื้อซากปูนและเหล็กลดระดับความสูงจากบริเวณโซน E เปิดพื้นที่ค้นหาผู้สูญหายได้เพิ่มเติม เพราะมีข้อมูลว่าคนงาน 14 คน ได้ทำงานอยู่ชั้น 28-29 ก่อนเกิดเหตุอาคารถล่ม การเปิดพื้นที่บริเวณด้านบนจะทำให้ลดความชันของพื้นที่โซน C และโซน D ได้


อย่างไรก็ตาม ช่วงเช้าที่ผ่านมา เวลา 06.45 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าของภารกิจอย่างใกล้ชิด พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ยังคงปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในวันนี้ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรื้อถอนซากอาคารควบคู่ไปกับการค้นหาผู้สูญหายอย่างเข้มข้น และข่าวดีในวันนี้คือการได้รับการสนับสนุนเครื่องมือหนักสำคัญ ได้แก่ รถเครนขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการยกน้ำหนักถึง 1,000 ตัน ซึ่งจะเข้ามาช่วยในการเคลื่อนย้ายซากปรักหักพังขนาดใหญ่ที่เป็นอุปสรรคต่อการค้นหา และเสริมทัพด้วยรถแบคโฮขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คาดว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการรื้อถอนและเปิดพื้นที่เข้าถึงจุดที่คาดว่ายังมีผู้สูญหายติดอยู่ภายใน
สำหรับตัวเลขของผู้เสียชีวิตล่าสุดเวลา 10.00 น. วันนี้ (9 เม.ย.) เจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย ทำให้ตอนนี้ยอดผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 22 ราย สูญหาย 72 ราย ส่วนข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทางสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ได้รับศพผู้เสียชีวิตแล้ว 22 ราย, มีชิ้นส่วนมนุษย์ 14 ชิ้น สามารถตรวจพิสูจน์ยืนยันเอกลักษณ์บุคคลแล้ว 18 ราย คืนศพให้แก่ญาติแล้ว 14 ราย. -419-สำนักข่าวไทย