กรุงเทพฯ 8 มี.ค. – ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม ร่วม รมว.ยธ. แถลงกรณีการเสียชีวิตของ “อดีต ผกก.โจ้” ไม่ได้ป่วยจิตเวช อ้างขอขังเดี่ยวถูกเพื่อนทำร้าย ปฏิเสธผู้คุมเป็นคนทำ ระบุเป็นการทำร้ายตัวเองเสียชีวิต ไม่พบใครเข้าใกล้ห้องขัง
เมื่อเวลา 11.30 น.ที่ผ่านมา (8 มี.ค.) บริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายเผด็จ หริ่งรอด ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม ร่วมชี้แจงกรณีการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้
พ.ต.อ.ทวี เปิดเผยว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ซึ่งวันนี้ได้มีหน่วยงานทั้งหมด 4 ฝ่าย ประกอบด้วย อัยการ ฝ่ายปกครอง หมอ และพนักงานสอบสวน รวมถึงครอบครัวที่มีแม่ ภรรยา และน้องสาว ได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ รวมไปถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดไว้
เบื้องต้นได้รับรายงานว่าเป็นการฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอ โดยการใช้ผ้าขนหนูความยาว 30-40 ซม. ผูกกับลูกกรงประตู ผูกผ้าอยู่ในระดับหน้าอก และตายด้วยท่านั่งหย่อนก้น เหยียดขาตรงด้านหน้า ซึ่งมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพทางเดินที่ทำให้เห็นว่าไม่มีผู้ใดเข้า-ออกในห้องขังของอดีตผู้กำกับโจ้ มีเพียงแค่เจ้าหน้าที่ที่นำยาเข้าไปให้ตามเวลา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบรับจากอดีตผู้กำกับโจ้ ก่อนจะพบว่าเสียชีวิตลงแล้ว ส่วนจะเป็นการเสียชีวิตก่อนผูกคอ หรือผูกคอก่อนเสียชีวิตนั้น จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ทางเราจะยังไม่ตัดประเด็นเรื่องที่ผู้อื่นทำให้ตาย
ส่วนในเรื่องของการชันสูตรพลิกศพ รวมไปถึงการวินิจฉัย ให้เป็นความเห็นของทางแพทย์ ซึ่งทางครอบครัวอยากให้นำศพไปที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง ก่อนที่จะส่งศพคืนให้ญาติ ส่วนญาติที่ติดใจในเรื่องของการเสียชีวิตครั้งนี้แล้วจะเก็บศพไว้จนกว่าจะพิสูจน์ความจริงก็เป็นสิทธิของทางญาติ โดยทางคณะทำงานจะพยายามทำให้โปร่งใสที่สุด เพื่อความเชื่อมั่นของประชาชน โดยคณะกรรมการจะมีการตรวจพยานหลักฐานทั้งในส่วนเรื่อง DNA บนผ้าว่ามี DNA ของคนอื่นหรือไม่ รวมถึงบนวัตถุพยานทุกอย่าง
สำหรับกรณีที่มีการแจ้งความในเรื่องของการถูกทำร้ายร่างกายของอดีตผู้กำกับโจ้ ภายในเรือนจำเมื่อเดือน ม.ค. ได้มีการตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยทางตัวอดีตผู้กำกับโจ้ ได้อ้างว่าถูกผู้คุมทำร้ายร่างกาย ทางเรือนจำเองก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการภายในตรวจสอบแล้ว และเจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวหาก็ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ที่ทำร้าย เรื่องดังกล่าวจึงยังไม่มีข้อสรุป และขอเวลาในการพิสูจน์
ส่วนที่มีญาติไปแจ้งความที่ สน.ประชาชื่น ยืนยันว่าตำรวจได้มีการสอบแล้ว ส่วนในผลรายละเอียดจะให้ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ชี้แจง
ด้าน นายสหการณ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชนกับผู้ต้องขังอย่างเต็มที่ ยืนยันว่าภายในเรือนจำมีกล้องวงจรปิดทุกจุด ยกเว้นภายในห้องนอนที่ถือว่าเป็นสิทธิมนุษยชนที่เราต้องดูแล
สำหรับมาตรการของต้องห้ามที่จะนำไปสู่การก่อเหตุ มีความเข้มงวดในเรื่องนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าผ้าที่ผู้เสียชีวิตใช้ก่อเหตุเป็นการอนุโลมของเรือนจำให้กับผู้ต้องขังทุกคน เนื่องจากช่วงนี้มีอากาศร้อนจึงให้ไว้ซับเหงื่อ ในขณะที่อดีตผู้กำกับโจ้ก่อเหตุเป็นช่วงเวลานอนที่อยู่ในห้องปิดทึบและอยู่เพียงคนเดียว จึงไม่มีใครเห็น โดยเหตุผลที่ต้องอยู่ห้องขังแยกเพียงผู้เดียว เนื่องจากผู้ต้องขังร้องขอเอง ไม่ได้มีการจับขังเดี่ยว เพราะวิตกังวล กลัวคนทำร้าย และทำให้ตัวผู้ต้องขังรู้สึกปลอดภัยมากกว่า ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์มีมาตรการดูแลผู้ป่วยโดยการให้ยาตลอดเวลา อีกทั้งยังมีการนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตามอาการ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเราได้มีการประเมินไว้แล้ว โดยไม่พบว่าทางตัวอดีตผู้กำกับโจ้จะก่อเหตุ
ขณะที่ นายเผด็จ กล่าวว่า อดีตผู้กำกับโจ้มีการทำเรื่องขอไปยังกรมราชทัณฑ์ เพื่อจะแยกขังเดี่ยวมาเป็นเวลา 2 เดือน หลังจากที่มีปัญหาปากเสียงกับเพื่อนร่วมห้องขัง โดยได้ถูกย้ายจากแดน 7เดิม ไปแดน 5 ในปัจจุบัน ส่วนการมีปัญหากับเจ้าหน้าที่นั้น ด้านเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบภายในเรือนจำ ส่วนที่ญาติอดีตผู้กำกับโจ้ไปแจ้งความอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ทำร้าย โดยนำเอกสารจากทางทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ที่ได้มีการออกใบรับรองแพทย์ว่ามีบาดแผลฟกช้ำบริเวณซี่โครงด้านซ้าย ที่แพทย์ให้ความเห็นเป็นการถูกกระทบกับของแข็งไม่มีคม แต่จะเกิดจากการกระทำของเพื่อนร่วมห้องขังหรือผู้คุมนั้น ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ ในส่วนนี้เป็นสิทธิของญาติที่สามารถไปแจ้งความได้ ซึ่งส่วนนี้ต้องรอทางพนักงานสอบสวนพิสูจน์
ในส่วนที่มีการตั้งคณะกรรมการภายในขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเรื่องการทำร้ายร่างกายของอดีตผู้กำกับโจ้ จะทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม ลักษณะเป็นการฮั้วกันหรือไม่ ยืนยันว่าตอนนี้มีการตั้งคณะกรรมการสอบ แต่ผลยังไม่ออก พร้อมกับยืนยันว่าที่ผ่านมา อดีตผู้กำกับโจ้ไม่ได้ป่วยจิตเวช เพราะว่ามาตรการของเรือนจำหากพบว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวชจะมีการดูแลอย่างใกล้ชิด แต่เป็นเพียงการรักษาตามอาการกังวลและเครียดเท่านั้น.-420-สำนักข่าวไทย