ตร.ไซเบอร์ยันเครือข่ายมินนี่ เปลี่ยนชื่อเว็บไซต์ตบตา จนท.หลังพบทำผิดซ้ำ

บช.สอท. 5 มี.ค. – ตำรวจไซเบอร์ยัน “เครือข่ายมินนี่” เปลี่ยนชื่อเว็บไซต์ตบตาตำรวจ หลังพบทำผิดซ้ำ ขอเวลาตรวจสอบปมแชทคุยบุคคลสำคัญ หากพบหลักฐานเอี่ยวฟันไม่เลี้ยง พบทำกว่า 1 ปี มีเงินหมุนเวียน 200 ล้านบาท


พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลทลายเครือข่ายเจ้าแม่เว็บพนัน ถูกจับแล้วไม่เข็ดแถมยังกล้าถอนเงินจากเว็บ ขณะไปรายงานตัวที่ศาล

สืบเนื่องจากตำรวจได้ตรวจสอบพบเว็บไซต์การพนันออนไลน์เครือข่าย “Betflik” ประกอบด้วยเว็บไซต์ จำนวน 7 เว็บไซต์ คือ www.betflik101.com, www.betflix488.com, www.betflixspin.com, www.sabuy.bet, www.spinixgold.com, www.spinixup.net และ www.spinplay.com ได้ลักลอบเปิดเว็บไซต์การพนันออนไลน์ เปิดให้บุคคลทั่วไปสมัครเป็นสมาชิกและเข้าเล่นพนันออนไลน์จนเกิดการเสียทรัพย์สินกันจริง จึงได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับเว็บไซต์การพนันออนไลน์เครือข่ายดังกล่าวเรื่อยมา


เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า กลุ่มบุคคลที่เป็นผู้ทำหน้าที่ถอนเงินสดจากบัญชีรับผลประโยชน์จากเว็บการพนันออนไลน์เป็นกลุ่มคนเดียวกันกับกลุ่มผู้ต้องหาที่เคยถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับการจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์มาก่อน ซึ่งอยู่ระหว่างการประกันตัวเพื่อต่อสู้คดี โดยกลุ่มผู้ต้องหายังได้มีการถอนเงินสดจากบัญชีรับผลประโยชน์จากเว็บการพนันออนไลน์ในขณะที่กำลังเดินทางไปรายงานตัวที่ศาลอีกด้วย ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องกับเครือข่าย เว็บไซต์การพนันออนไลน์ 33 ราย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่มแรกเป็นกลุ่มบริหาร จำนวน 7 ราย ได้แก่ น.ส.ธันยนันท์ หรือมินนี่ เป็นเจ้าของเว็บไซต์และผู้จัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์, น.ส.อรณี เป็นเลขา และผู้รวบรวมเงินจากเว็บการพนันออนไลน์มามอบให้เจ้าของเว็บไซต์ ส่วนนายยุคณเดช, นายชุมพล, นายชาญชัย, นายสิทธิพล และนายณัฐพงษ์ เป็นผู้ทำหน้าที่ถอนเงินสดจากบัญชีรับผลประโยชน์จากเว็บการพนันออนไลน์

กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มเจ้าของบัญชีรับผลประโยชน์จากเว็บการพนันออนไลน์ จำนวน 26 ราย


จากการสืบสวนของตำรวจทราบว่าผู้ต้องหาตามหมายจับ ในกลุ่มบริหาร ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของเครือข่ายเว็บไซต์การพนันออนไลน์พักอาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ จ.เลย ตำรวจ บก.สอท.1 จึงได้สนธิกำลังกับ บก.สอท.3 สืบสวนติดตามกลุ่มผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้นต่อศาล ซึ่งศาลได้ออกหมายค้นตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจร้องขอ

กระทั่งวันที่ 4 มี.ค.68 บก.สอท.1 และ บก.สอท.3 ได้ระดมกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมายพร้อมกันจำนวน 13 จุด จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งหมด 9 ราย ดังนี้ น.ส.ธันยนันท์ หรือมินนี่, น.ส.อรณี, นายยุคณเดช, นายชุมพล, นายชาญชัย, นายณัฐพงษ์, นายสิทธิพล, นายพัฒนวัสส์ และ น.ส.ธิดารัตน์ พร้อมตรวจยึดของกลาง เป็นโทรศัพท์มือถือ จำนวน 30 เครื่อง, เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 5 เครื่อง, บัตรเครดิตและ บัตรเดบิต จำนวน 32 ใบ, สมุดบัญชีธนาคาร 25 เล่ม และเอกสารและหลักฐานอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจำนวนหลายรายการ และในวันนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 1 ราย ซึ่งเป็นบัญชีม้า รวมสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 10 ราย

ทั้งนี้ ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบาย ล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่น ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้ มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” ซึ่งฐานความผิดของผู้ต้องหาแต่ละรายจะ แตกต่างกันไปตามพฤติการณ์ และพยานหลักฐานในคดี จากนั้นตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน บก.สอท.1 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะสืบสวนขยายผล เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการมา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จากการสืบสวนสอบสวนพบว่าเครือข่ายเว็บไซต์ ‘Betflik’ และ ‘Spinnix’ มีทั้งหมด 7 เว็บไซต์ ที่ลักลอบเปิดให้เล่นการพนันตั้งแต่ปี 2567 และเมื่อชุดสืบสวนเข้าไปทำการทดลองเล่น สามารถเล่นได้เสียจริง จากนั้นจึงได้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินและพบว่าไปเกี่ยวข้องกับเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ชื่อดัง ที่ถูกจับกุมได้เมื่อปี 2566 โดยมีตัวละครแบ่งเป็น ผู้บริหารเว็บไซต์ 7 คน และเป็นผู้ร่วมขบวนการ 26 คน รวมทั้งหมด 33 คน

โดยเฉพาะ 7 คน ที่เป็นผู้บริหาร เคยถูกจับกุมเมื่อปี 2566 ไปแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประกันตัวในการต่อสู้คดี ซึ่งคดีของ น.ส.ธันยนันท์ และ น.ส.อรณี อยู่ในชั้น ป.ป.ช. อยู่ในระหว่างการไต่สวน ส่วนอีก 5 คนที่เหลือ ถูกสั่งฟ้องไปบ้างแล้วในชั้นอัยการ และบางคนอยู่ระหว่างการประกันตัว โดยในวันพรุ่งนี้ (6 มี.ค.) จะคุมตัวผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ทั้งหมด 10 คน ไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา และทำการคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นการทำผิดซ้ำไม่หลาบจำ

ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ อธิบายถึงพฤติการณ์ของการกระทำความผิดที่กลุ่มผู้ต้องหามีถึง 7 เว็บไซต์ ว่า กลุ่มผู้ต้องหาจะใช้ชื่อต้นในการจดโดเมนเนมหรือชื่อเว็บไซต์ที่เหมือนกัน และจะจดหลายๆ ชื่อ แต่จะเปลี่ยนตัวเลขหรือเปลี่ยนนามสกุล เพื่อป้องกันกรณีถูกจับจะได้ถ่ายโอนลูกค้าและเรียกลูกค้ากลุ่มเดิมกลับมา ทำให้ทางตำรวจยากต่อการสืบสวน แต่กรณีนี้ตำรวจสืบสวนธุรกรรมทางการเงินจนเชื่อมโยงถึงผู้กระทำความผิดทั้ง 33 คน โดยเฉพาะ 7 คนที่เป็นกลุ่มเดิม ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารเว็บไซต์ทั้งการบริหารการเงิน บริหารบัญชีม้า และกลุ่มผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งยืนยันว่าการกระทำผิดครั้งนี้เป็นการกระทำผิดครั้งใหม่ แต่เพียงแค่ใช้รูปแบบและวิธีการเดิม

ยืนยันได้ว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่นำไปสู่การออกหมายจับ โดยเฉพาะ น.ส.ธันยนันท์ ที่พบว่ามีเส้นทางการเงินจากเว็บพนันหลายสายเข้าไปถึงน.ส.ธันยนันท์ โดยมี น.ส.อรณี ทำหน้าที่ทางบัญชีเหมือนกับในอดีต ซึ่งจากการตรวจสอบการกระทำความผิดตั้งแต่ปี 67 จนถึงปัจจุบัน พบมีเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท และยังหมุนเวียนเป็นเงินไทย วนอยู่ในกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 33 คน

ส่วนที่มีข้อมูลว่าตำรวจตรวจพบแชทสนทนาลักษณะขอความช่วยเหลือจากบุคคลสำคัญปรากฏในโทรศัพท์ของมินนี่นั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน เนื่องจากมีข้อมูลจำนวนมาก และเพิ่งจับได้เมื่อวาน ดังนั้นจึงขอเวลาในการตรวจสอบ ยืนยันว่าหากข้อมูลหรือหลักฐานอะไรที่ไปเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กับบุคคลใดก็ตาม จะดำเนินการโดยไม่ละเว้น ส่วนจะมีความพัวพันกับอดีตนายตำรวจหรือไม่นั้น ก็ต้องขอตรวจสอบรายละเอียดก่อน พร้อมย้ำว่าหากใครมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดหรือให้การช่วยเหลือสนับสนุนในการกระทำความผิดก็จะพิจารณาดำเนินคดีทั้งหมด

สำหรับกรณีของ น.ส.ธันยนันท์ ที่คดีเก่าอยู่ที่ ป.ป.ช. และมีการกระทำผิดซ้ำ ทาง ป.ป.ช. จะพิจารณาถอนประกันหรือไม่ ก็เป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ในการพิจารณา โดยจากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยเฉพาะ น.ส.ธันยนันท์ ที่ขอให้การเป็นเอกสาร

ส่วนขบวนการดังกล่าวจะมีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่นั้น ทางตำรวจไม่ตอบคำถาม แต่ย้ำว่ารอดูการตรวจสอบพยานหลักฐานหากเชื่อมโยงถึงใครจะไม่ละเว้น ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการเสนอปิดกั้น 7 เว็บไซต์การพนันดังกล่าว. -419- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]

รอง ผบ.ตร. ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที

สระแก้ว 18 ก.ย. – รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ปรับแผนเตรียมรับมือ ป้องกันเหตุบานปลาย จ่อใช้กฎหมายดำเนินคดี ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที หลังจากเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกับติดตามสถานการณ์ร่วมกับนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และกรมป่าไม้ ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อปรับแผนเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบขึ้น หลังจากการประชุม เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อหาวิธีไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แนวทางการปฏิบัติคือจะใช้กฎหมายจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง เป็นกฎหมายนำในการดำเนินคดี เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจะจับกุมทันที และยังคงเน้นย้ำให้กำลังพลอดทนอดกลั้น รวมถึงอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อระบุตัวตนและดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตหนนี้เป็นหนที่ 3 ที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนหน้านี้มีชาวกัมพูชาอพยพมาอาศัยอยู่หมู่บ้านจำนวนมาก […]

เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน

สระบุรี 18 ก.ย. – ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน บังคับเจ้าของร้านหยิบทองใส่ถุงผ้า มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ก่อนออกจากร้านซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป วงจรปิดร้านทองภายในตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนนสายท่าลาน-ห้วยบง ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม กางเกงยีน รองเท้าเตะ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ส่งเงินและทองให้ ตอนแรกเจ้าของร้านพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนร้ายต้องการเงินและข่มขู่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ส่งทองให้ สุดท้ายเจ้าของร้านต้องหยิบทองให้คนร้ายไป เป็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นละ 1 สลึง จำนวน 11 เส้น เป็นเงิน 220,000 บาท จากนั้นคนร้ายปล่อยตัวประกัน ก่อนจะออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สืบสวนหาข้อมูลและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี เชื่อว่าไม่นานจะจับคนร้ายได้.-สำนักข่าวไทย

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]