fbpx

ราชทัณฑ์แจง 5 ประเด็นข้อสงสัยกรณีการควบคุม “ทักษิณ”

กทม. 23 เม.ย. – ราชทัณฑ์ แจงประเด็น “หมอวรงค์” ร้อง ป.ป.ช. กรณีการควบคุมนายทักษิณ ชินวัตร ยืนยันเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม กฎ ระเบียบ และภายใต้กฎหมาย


เมื่อวันจันทร์ที่ 22 เมษายน 2567 ตามที่สื่อมวลชนเสนอข่าว “หมอวรงค์” ส่งข้อมูลผู้ตรวจฯ ยื่น ป.ป.ช. ในการช่วยเหลือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องติดคุก โดยมีประเด็นต่าง ๆ เพื่อเรียกร้องคำตอบให้กับสังคมนั้น กรมราชทัณฑ์ขอเรียนว่าได้ดำเนินการเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม กฎ ระเบียบ และภายใต้กฎหมาย ซึ่งสามารถชี้แจงได้ตามประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
ประเด็นแรกการส่งนายทักษิณ ไปรักษาที่ รพ.ตำรวจ ไม่ได้ป่วยหนักจริง เพราะจากการแสวงหาข้อเท็จจริง พบว่าเป็นการส่งเพื่อป้องกันความเสี่ยง ในประเด็นนี้ การส่งตัวออกไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจนั้น ขอเรียนว่า เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ของวันที่ 22 สิงหาคม 2566 เจ้าหน้าที่พยาบาลเวรเรือนจำ ได้ตรวจติดตามอาการนายทักษิณ ชินวัตร เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังที่จัดอยู่ในกลุ่มเปราะบาง 608 (สูงอายุและมีโรคประจำตัว) และพบว่า มีอาการนอนไม่หลับ แน่นหน้าอก วัดความดันโลหิตสูง ระดับออกซิเจนปลายนิ้วต่ำ พยาบาลเวรเรือนจำ ได้ติดต่อขอคำแนะนำกับแพทย์ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์ได้สอบถามอาการโดยละเอียดแล้ว ตลอดจนพิจารณาจากรายงานประวัติการรักษาของผู้ป่วย โดยแพทย์จากโรงพยาบาลต่างประเทศ (สิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) พบมีโรคประจำตัวหลายโรคที่อยู่ระหว่างการรักษา ติดตามอาการ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูง พังผืดในปอด กระดูกสันหลังเสื่อม โดยโรคที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือโรคหัวใจ เนื่องจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ยังขาดเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีศักยภาพ แพทย์จึงมีความเห็นว่าเพื่อป้องกันความเสี่ยงอันตรายที่อาจจะส่งผลต่อชีวิต เห็นควรส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจที่มีความพร้อม มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีศักยภาพสูงกว่า โดยแนวปฏิบัติกรณีมีผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงต่อชีวิตจะมีการส่งตัวรักษาให้ทันท่วงที และได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเมื่อเวลาประมาณ 23.59 น.

ประเด็นที่ 2 การส่งตัวไป รพ.ตำรวจ ผิดกฎกระทรวงในการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 เพราะตามกฎกระทรวงต้องผ่านการรักษาพยาบาล จากสถานพยาบาลภายในเรือนจำเสียก่อน แต่จากรายงานไม่ได้ผ่าน ขอเรียนว่า เมื่อรับตัวนายทักษิณ ชินวัตร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินการตามมาตรฐานการรับตัวเสร็จเรียบร้อย และได้จัดให้อยู่ในสถานพยาบาล แดน 7 เพื่อสังเกตอาการ เนื่องจากการตรวจร่างกายเบื้องต้นพบว่า อายุ 74 ปี จึงถือว่าเป็นผู้งสูงอายุ และมีโรคประจำตัว โดยมีโรคที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษคือ โรคหัวใจ และเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. เจ้าหน้าที่พยาบาล ได้ตรวจติดตามอาการแล้วพบว่ามีอาการตามที่กล่าวแล้วในประเด็นแรก จึงได้นำตัวส่งออกรักษาตามความเห็นของแพทย์


ประเด็นที่ 3 ไม่มีการตัดผมนักโทษตามระเบียบ แม้จะอ้างว่านักโทษยังอยู่ รพ.ตำรวจ และต้องรอให้ รพ.ตำรวจ ส่งตัวกลับมาที่เรือนจำ ซึ่งฟังไม่ขึ้น เพราะนักโทษที่ไป รพ.ยังถือว่าเป็นผู้ถูกคุมขัง สำหรับเรื่องการตัดผมผู้ต้องขัง ขอเรียนว่า กรมราชทัณฑ์ ได้มีระเบียบว่าด้วยการตัดผมผู้ต้องขังผู้ พ.ศ. 2565 โดยเรือนจำจะจัดให้ผู้ต้องขังเข้าใหม่ ได้รับการตัดผมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม แต่ทั้งนี้ไม่เกิน 7 วัน กรณีรายนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อเรือนจำได้รับตัว และกักโรคตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์แล้ว ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 23.59 น. ของวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ได้ส่งออกไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจตามความเห็นของแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ จึงเป็นระยะเวลาที่อยู่ในระหว่างการรักษาของแพทย์ เมื่อพ้นการรักษาแล้วเรือนจำก็จะได้ดำเนินการตามระเบียบต่อไป

ประเด็นที่ 4 การจัดให้อยู่ชั้น 14 ซึ่งเป็นห้องพิเศษ อยู่ต่อเนื่อง 180 วัน ผิดกฎกระทรวง ที่กำหนด ไม่มีเหตุผลที่อ้างเรื่องความปลอดภัย เพราะถ้ามีปัญหานี้ ตามกฎกระทรวง ต้องส่งกลับมารักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์ หรืออ้างเตียงสามัญและ ICU เต็ม ก็ฟังไม่ขึ้น สำหรับห้องพักรักษาตัวของผู้ป่วย โรงพยาบาลที่ทำการรักษาจะเป็นผู้กำหนดว่า จะให้ผู้ป่วยพักรักษาที่ห้องใด ตึกใด เพื่อการรักษาทางการแพทย์ กรณีอดีตนายกทักษิณ ชินวัตร โรงพยาบาลตำรวจได้กำหนดห้องสำหรับการพักรักษา ซึ่งเป็นไปตามกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 กล่าวคือ สถานพยาบาลที่ทำการรักษาจัดให้ และเป็นไปตามแผนการรักษาของแพทย์

ประเด็นที่ 5 การให้พักโทษกรณีพิเศษ ก็ให้คะแนนต่ำกว่าความเป็นจริง ที่สำคัญการมีคะแนนต่ำกว่า 11 คะแนน นักโทษต้องมีสภาพย่ำแย่ เพื่อไปใช้ชีวิตบั้นปลายกับครอบครัว สภาพการช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ต้องต่อเนื่อง ระยะยาว จึงได้รับสิทธิ์พักโทษกรณีพิเศษ ไม่ใช่ดูแข็งแรงแบบที่เห็น โดยการพักการลงโทษ เป็นไปตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 และกฎกระทรวง กำหนดประโยชน์ของนักโทษเด็ดขาดฯ พ.ศ.2562 และประกาศกรมราชทัณฑ์ เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาพักการลงโทษ พ.ศ. 2562 ได้กำหนดประโยชน์ที่ผู้ต้องขังเด็ดขาดได้รับ โดยกรณีนายทักษิณ ชินวัตร (อดีตนายกฯ) ได้เข้าคุณสมบัติที่ได้รับประโยชน์จากการพักการลงโทษ กรณีอายุ 70 ปี ขึ้นไป และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือช่วยเหลือตัวเองได้น้อย (โดยผลการประเมินตามแบบประเมินคัดกรองปัญหาสุขภาพผู้สูงอายุ ระยะยาวในชุมชน กรมอนามัยคะแนนไม่เกิน 11 คะแนน ) ซึ่งการประเมินดังกล่าวเป็นไปตามแบบเกณฑ์การประเมิน โดยผู้ทำการประเมินได้ดำเนินการประเมินตามสภาพข้อเท็จจริงที่ได้พบเห็นในช่วงระยะเวลาขณะนั้น.-119-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“วิสุทธิ์” รับ “เกษียร” เป็นคนขับรถตัวเอง เรียกมาด่าแล้ว

“วิสุทธิ์” ประธานวิปรัฐบาล ยอมรับ “เกษียร” ที่โยง “ต้นอ้อ” ขายวุฒิการศึกษา เป็นคนขับรถตัวเอง เผยเรียกมาด่าแล้วอย่าเชื่อคนง่าย ถูกสาวบางกอกหลอกใช้บัญชีรับโอนเงิน ยืนยันบริสุทธิ์ให้ ตร.สอบได้เต็มที่ไม่มีปกป้อง

“พร้อมพงศ์” ร้อง DSI ให้ตรวจสอบการฮั้วประมูล ก.สาธารณสุข

“พร้อมพงศ์” อดีต สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ร้องดีเอสไอให้ตรวจสอบการฮั้วประมูลระบบคลาวด์กระทรวงสาธารณสุข 1 พันล้านบาท ชี้มีชื่อกรรมการทับซ้อนกันหลายบริษัท

แจ้ง 4 ข้อหาหนุ่มใหญ่ซิ่งเก๋งชนรถพังยับ 6 คัน-เจ็บ 7

ตำรวจเร่งสอบปากคำและตรวจประวัติหนุ่มใหญ่ซิ่งเก๋งชนยับ 6 คัน บาดเจ็บ 7 คน ในจำนวนนี้อาการสาหัส 1 คน พร้อมแจ้ง 4 ข้อหา ก่อนให้ประกันตัวโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์

ทั่วไทยจัดพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์

ทั่วไทยประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

ข่าวแนะนำ

ทั่วไทยประกอบพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์

จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ประกอบพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา

เต็นท์รถดิ้นหนีตาย ขายขาดทุนคันเป็นแสน

ท่ามกลางสงครามราคา ทั้งรถไฟฟ้าและรถน้ำมัน รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจ ทำให้รถถูกยึดจำนวนมาก ไฟแนนซ์เข้มงวดปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้เต็นท์รถมือสองใน จ.เชียงใหม่ ซบเซาอย่างหนัก ปิดตัวลงไปเยอะ ที่เหลือต้องดิ้นรนอย่างหนัก ยอมขายขาดทุน เพื่อประคองตัวให้รอด ขณะที่อีกมุมอาจเป็นโอกาสทองของผู้บริโภค

รวบแล้ว ‘บอล ปากแหว่ง’ ก่อเหตุชิงทรัพย์ 3.3 ล้าน

รวบแล้ว “บอล ปากแหว่ง” ก่อเหตุชิงทรัพย์เงินสด 3.3 ล้านบาท บริเวณลานจอดรถห้างดังย่านพัฒนาการ หลังหนีกบดานที่ สปป ลาว กำลังประสานส่งตัวมาดำเนินคดีที่ไทย