ตั้ง “พล.ต.อ.สราวุฒิ” ปธ.สอบ “บิ๊กโจ๊ก” พร้อมพวก

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 18 เม.ย.- “บิ๊กต่าย” รรท.ผบ.ตร. เซ็นคำสั่งแต่งตั้ง “พล.ต.อ.สราวุฒิ” เป็นประธานสอบ “บิ๊กโจ๊ก” พร้อมพวก


พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) มีหนังสือคำสั่ง ตร.ที่ 177/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.67 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ใจความว่า

ด้วยข้าราชการตำรวจดังต่อไปนี้


  1. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
  2. พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา
  3. พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธร พระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ
  4. ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผู้บังคับหมู่ (ทำหน้าที่จราจร) งานปฏิบัติการจราจรตามโครงการพระราชดำริ 1 กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจจราจร
  5. ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร ผู้บังคับหมู่ งานสายตรวจ 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการ ตำรวจจราจร

มีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง สืบเนื่องจากตำรวจภูธะจังหวัดสมุทรปราการมีคำสั่งที่ 746/2566 ลงวันที่ 18 ธ.ค.2566 และคำสั่งที่ 114/2567 ลงวันที่ 6 มี.ค.2567 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ กรณีต้องหาคดีอาญาในความผิดฐานสมคบ โดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน ตามคดีอาญาที่ 391/2566 ของสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน และตามหมายจับของศาลอาญาที่ 4549/2566 ลงวันที่ 4 ธ.ค.2566 จากการสอบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่นว่ามีส่วนร่วมในการกระทำการในเรื่องที่ทำการสอบสวนนั้นด้วย ตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ.2547 ข้อ 28 และจากรายงานของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ 593/2566 ลงวันที่ 25 ต.ค.2566 มีพฤติการณ์การกระทำ ดังนี้

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2566, 8, 16 ม.ค.2567 และ 5 มี.ค.2567 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 4 ศูนย์ปฏิบัติการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 593/2566 ลงวันที่ 25 ต.ค.2566 ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน ให้ดำเนินคดีกับผู้ร่วมกระทำผิดเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ ชื่อ BNKMASTER รวม 22 คน ในความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” ซึ่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน รับคำร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 391/2566 โดยปรากฎว่า นางสาวพิมพ์วิไล ปล้องอ่อน ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการเว็บพนันออนไลน์ใช้บัญชีของบุคคลอื่นในการบริหารจัดการเว็บไซต์ที่จัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์ ด้วยการรับเงินเข้า-ออก จากผู้เข้าเล่นการพนัน รวมทั้งจ่ายสินพนัน และเก็บผลประโยชน์จาการเล่นพนันออนไลน์ และมีการโอนเงินจากบัญชีธนาคารของ นางสาวพิมพ์วิไล ปล้องอ่อน ผ่านทางบัญชีธนาคารของ นางสาวเบญจมิน แสงจันทร์ ซึ่งเป็นบัญชีที่ พันตำรวจโท คริษฐ์ ปริยะเกตุ เป็นผู้ครอบครองและใช้เป็นจำนวนหลายครั้ง เมื่อโอนเงินแล้วจะมีการส่งหลักฐานการโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันไลน์ต่อกันไปให้กับนายณพรรษกรณ์ แหเกิด พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร และ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ทราบ

จากนั้นจะมีการโอนเงินจากบัญชีของนางสาวเบญจมิน แสงจันทร์ เข้าบัญชีของ ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว หรือ ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร แล้ว พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ สั่งการให้ ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว หรือ ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ให้นำเงินสดใส่ซองแล้วนำไปวางบนโต๊ะทำงานซึ่งอยู่ภายในบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และมีการรับโอนเงินสดมาจากหน้าเคาน์เตอร์ธนาคารและเครื่องฝากเงินอัตโนมัติอีกจำนวนมาก และมีการโอนเงินจากบัญชีดังกล่าวออกไปยังบัญชีบุคคลอื่น โดยศาลอาญาอนุมัติให้ออกหมายจับ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 4549/2567 ลงวันที่ 4 ธ.ค.2566 พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1063/2567 ลงวันที่ 12 มี.ค.2567 ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1064/2567 ลงวันที่ 12 มี.ค.2567 ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1065/2567 ลงวันที่ 12 มี.ค.2567 และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1396/2567 ลงวันที่ 2 เม.ย.2567


เหตุเกิดระหว่างวันที่ 8 ก.พ.2565 ถึงวันที่ 3 พ.ย.2565 สถานที่เกิดเหตุทั่วราชอาณาจักร

ในส่วน พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ที่ถูกสอบสวนวินัยไว้ก่อนแล้ว ตามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการที่ 746/2566 ลงวันที่ 18 ธ.ค.2566 และคำสั่งที่ 114/2567 ลงวันที่ 6 มี.ค.2567 นั้น เป็นการดำเนินการไปภายในอำนาจตามข้อเท็จจริงในขณะนั้น แต่เมื่อปรากฎข้อเท็จจริงในภายหลังว่า เป็นกรณีข้าราชการตำรวจตำแหน่งต่างกันและอยู่ต่างสังกัดกันถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงร่วมกัน ให้ผู้มีอำนาจสำหรับผู้ถูกกล่าวหาที่มีตำแหน่งสูงกว่าหรือผู้มีอำนาจพิจารณาสั่งการสำหรับผู้ถูกกล่าวหาทุกคนเป็นผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน

อาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 105 มาตรา 108 มาตรา 119 และมาตรา 179 ประกอบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 108/2567 ลงวันที่ 20 มี.ค.2567 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน และคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 436/2548 ลงวันที่ 20 มิ.ย.2548 เรื่องมอบอำนาจการดำเนินการทางวินัย การสั่งให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการ และกำหนดแนวทางปฏิบัติ จึงให้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการที่ 746/2566 ลงวันที่ 18 ธ.ค.2566 และคำสั่งที่ 114/2567 ลงวันที่ 6 มี.ค.2567 และแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อทำการสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาในเรื่องดังกล่าว ประกอบด้วยบุคคลดังต่อไปนี้

  1. พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานกรรมการ
  2. พล.ต.ท.ณพวัฒน์ อารยางกูร รองจเรตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการ
  3. พล.ต.ต.ธวัชชัย นาคฤทธิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นกรรมการ
  4. พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นกรรมการ
  5. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม เป็นกรรมการและเลขานุการ
  6. พล.ต.ต.ศุภณัฏธ์ เจริญเรืองสกุล ผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 4 เป็นกรรมการ
  7. พ.ต.อ.บัณฑิต นิลอ่อน รองผู้บังคับการ (สอบสวน) กองบังคับการกฎหมายและคดี ตำรวจภูธรภาค 2 เป็นกรรมการ
  8. พ.ต.อ.พนม เชื้อทอง ผู้กำกับการ สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ เป็นกรรมการ
  9. พ.ต.อ.เทิดสยาม บุญะเสนา ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 เป็นกรรมการ
  10. พ.ต.อ.อัครเดช สุริยงค์ ผู้กำกับการ ฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการตำรวจสันติบาล 2 เป็นกรรมการ
  11. พ.ต.อ.มิ่งมนตรี ศิริพงษ์ ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม เป็นกรรมการ
  12. พ.ต.ท.บุญนำ ลบโลกา รองผู้กำกับการ (สอบสวน) กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
  13. พ.ต.ท.ศิริพล บุญหนุน รองผู้กำกับการ ฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการ 2 กองตรวจราชการ 2 สำนักงานจเรตำรวจ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
  14. พ.ต.ท.รชต ฉัตรวชิระวงษ์ สารวัตร กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการสอบสวนดำเนินการสอบสวนพิจารณาตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ.2547 ให้แล้วเสร็จ แล้วเสนอสำนวนการสอบสวนมาเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป

อนึ่ง ถ้าคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่ากรณีมีมูลว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงในเรื่องอื่นนอกจากที่ ระบุไว้ในคำสั่งนี้ หรือกรณีที่การสอบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่น และคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาเบื้องตันแล้วเห็นว่าข้าราชการตำรวจผู้นั้นมีส่วนร่วมกระทำการใดในเรื่องที่สอบสวนอยู่ด้วยให้ประธานกรรมการรายงานมาโดยเร็ว . 419.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]