จับตาบ่ายนี้ “บิ๊กต่อ” ส่งทนายฟ้อง “ทนายตั้ม” หมิ่นประมาท

กรุงเทพฯ 29 มี.ค. – บ่ายวันนี้ (29 มี.ค.) จับตา “บิ๊กต่อ” ส่งทนายความยื่นฟ้อง “ทนายตั้ม” ข้อหาหมิ่นประมาท หลังถูกพาดพิงจากการที่ “ทนายตั้ม” ออกมาแฉเส้นทางการเงินเว็บพนันออนไลน์โยงบิ๊กตำรวจ


มีรายงานว่าเวลา 13.30 น. วันนี้ (29 มี.ค.67) ทีมกฎหมายของ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะยื่นฟ้อง “ทนายตั้ม” นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ในคดีอาญาและคดีแพ่ง ข้อหา “หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา” ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้

ก่อนหน้านี้ นายสุธีพงศ์ ชีวิตเจริญ หนึ่งในทีมทนายความของบิ๊กต่อ บอกว่าจะมีการแถลงข่าวและไปฟ้องทนายตั้ม จากกรณีออกมาเปิดเผยข้อมูลหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงบิ๊กต่อ จนทำให้ได้รับความเสียหายหลายอย่าง ทั้งครอบครัว หน่วยงานที่ดูแล และวัดต่างๆ โดยยืนยันจะมีการแถลงข่าวข้อเท็จจริงทั้งหมดที่ด้านหน้าศาล


นายสุธีพงศ์ บอกด้วยว่าบิ๊กต่อไม่ได้เครียดอะไร เพราะมันไม่มีหลักฐานอยู่แล้ว ยืนยันได้ว่าท่านไม่ได้ทำตามข่าวที่ออกไป

ส่วนการยื่นฟ้องครั้งนี้จะสู้อย่างไร เพราะทนายตั้มมีหลักฐานเส้นทางการเงิน ทั้งการเก็บส่วย 18 ประเภท และข้อมูลต่างๆ นายสุธีพงศ์ ตั้งคำถามกลับว่าเรื่องนี้ประเด็นหลักคือ เรื่องที่มาของเอกสารเป็นสิ่งสำคัญว่าได้มาอย่างไร เพราะไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ จะเอาข้อมูลของใครมาเปิดก็ได้ แล้วมีคดีเกิดขึ้นแล้วหรือยัง และข้อมูลที่ได้มาเป็นของจริงหรือไม่ ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ตรงนี้ต้องตรวจสอบก่อน ไม่ใช่ว่าใครนำอะไรมาเสนอก็เชื่อไปหมดว่าต้องเป็นไปตามนั้น ตรงนี้ต้องระมัดระวัง ยิ่งข่าวที่ออกไปตอนนี้ ทำให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก เราจึงต้องจัดการตรงนี้

“ประธาน ป.ป.ช.” ไม่หนักใจทำคดี “บิ๊กโจ๊ก” ลั่นต้องชัดเจนโปร่งใส
ส่วนคดีของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กับพวก ที่ถูกกล่าวหาเรียกรับผลประโยชน์จากเว็บพนันออนไลน์ ทาง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ย้ำว่าเรื่องนี้ ป.ป.ช. มีมติไปแล้วว่าจะพิจารณาเอง เพราะถือเป็นเรื่องร้ายแรง จึงอยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะต้องไต่สวน ซึ่งต้องรอให้เจ้าหน้าที่หาข้อเท็จจริงและดำเนินการก่อน ส่วนจะใช้เวลานานแค่ไหน ต้องเป็นไปตามกระบวนการ เมื่อรับเข้ามาก็ต้องมีการตรวจสอบ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับเอกสาร หากมีพยานหลักฐานเพียงพอ ก็ต้องตั้งไต่สวน ซึ่งทำได้ 2 กรณี โดยตอนนี้ไม่มีอนุกรรมการเหมือนอดีต ถ้าเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญมีผลกระทบเกี่ยวกับผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงจะเป็นกรรมการไต่สวนโดยใช้กรรมการ 2 คน แต่หากเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่มากๆ จะให้คณะกรรมการทุกคนเป็นผู้ไต่สวน ดังนั้น เมื่อ ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องกลับมาดู เอกสารทั้งหมดจะต้องส่งมาที่ ป.ป.ช. จากนั้นจะต้องมาดูว่าเอกสารมีพยานหลักฐานอะไรบ้างที่จะดำเนินการ จะเข้าสู่กระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.


ส่วนกรณีที่ “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด ออกมาเปิดข้อมูลเพิ่มเติม จะนำมาประกอบการพิจารณาหรือไม่นั้น ประธานกรรมการ ป.ป.ช. บอกว่าตอนนี้ยังไม่มีการยื่นข้อมูลมา หากส่งมา ทาง ป.ป.ช. จะพิจารณา ซึ่งเรื่องที่ปรากฏเป็นข่าว แม้บางเรื่องจะมีการร้องทุกข์กล่าวโทษ แต่ข้อมูลยังไม่มาที่ ป.ป.ช. ยังไม่สามารถพิจารณาได้

ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ยืนยันไม่หนักใจในการทำคดี แม้ “บิ๊กโจ๊ก” จะเป็นตำรวจรุ่นน้อง เพราะทุกอย่างต้องขึ้นอยู่ที่พยานหลักฐาน ที่สำคัญคือต้องให้ความเป็นธรรม พร้อมย้ำว่าจะไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบ เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญและประชาชนให้ความสนใจ ป.ป.ช. จะต้องทำให้ชัดเจนและมีความโปร่งใส

เลขาธิการต่อต้านคอร์รัปชัน ชี้นายกฯ ต้องมีคำตอบปม 2 บิ๊กตำรวจ
มีความเห็นจากเลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) นายมานะ นิมิตรมงคล ถึงประเด็นร้อนระหว่างบิ๊กต่อ และบิ๊กโจ๊ก ที่ตอนนี้แม้ทั้งคู่จะถูกสั่งย้ายไปสำนักนายกรัฐมนตรี และมีการตั้งกรรมการสอบสวน แต่ยังมีบุคคลอื่นออกมาแฉข้อมูลต่อเนื่อง เรื่องนี้ เลขาธิการองค์การการคอร์รัปชัน บอกว่าทางออกคือต้องทำให้เกิดความกระจ่างชัดโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บริหารสูงสุด และยังเป็นประธาน ก.ตร. ที่จะต้องหาคำตอบให้เกิดความกระจ่างชัด จะซุกขยะไว้ใต้พรมไม่ได้ พร้อมยกตัวอย่างในฮ่องกง ซึ่งได้รับการยอมรับเรื่องการปราบทุจริตก็เริ่มต้นด้วยการขจัดทุจริตในวงการตำรวจ โดยมีการลงโทษตำรวจระดับสูงอย่างเด็ดขาด

เช่นเดียวกันในประเทศไทย ซึ่งมีตำรวจประมาณ 220,000 นาย หากจะมีการปลดตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต 2,000 คน แล้วทำให้วงการตำรวจดูสูงขึ้น ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อวงการตำรวจและประเทศไทย

ส่วนคณะกรรมการสอบสวนที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้นจะต้องมีคำตอบที่ชัดเจน ไม่ใช่ถูกมองว่าเป็นพรรคพวกเดียวกัน และหากเป็นไปได้อยากให้มีการตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ที่มีความหลากหลาย เพื่อให้เกิดการยอมรับในผลการสอบสวน เพราะทุกเรื่องมีการกล่าวหากันไปมา รวมถึงเส้นทางการเงินต่างๆ ควรต้องมีคำตอบที่ชัดเจนให้กับสังคม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ ข่าว สส.ดังนครศรีฯ ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา

กทม. 30 พ.ค.-“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ-ไม่รู้ ข่าว สส.ดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมากลางงานบวช ยืนยันไม่เป็นความจริง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าว สส.ชื่อดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา กลางงานบวชลูกชายของนายก อบต. ต่อหน้าชาวบ้านนับร้อยคน โดยนายชัยชนะ ได้ปฏิเสธข่าวบอก ไม่รู้ ไม่ทราบข่าว พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อถามว่า เป็นคนรู้จัก หรือคนใกล้ชิดหรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวเลย ก่อนย้ำอีกครั้งว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ตอบว่า “ครับผม” เมื่อถามว่า ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เลยใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนลงพื้นที่วันละหลายงาน และเมื่อถามทิ้งท้ายว่า ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ยืนยันว่า “ไม่มี“.-315.-สำนักข่าวไทย

รวบพระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกดับ

นครราชสีมา 30 พ.ค. – รวบแล้ว พระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกเสียชีวิต และล่วงละเมิดลูกเลี้ยงผู้หญิงคนเล็กอายุ 11 ขวบ เจ้าตัวยังปากแข็ง แต่จำนนด้วยหลักฐาน ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา บุกรวบตัว นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเก “ลักยิ้มทับทิมสยาม” ได้คาบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ โดยขณะนี้คุมตัวอยู่ในห้องขัง สภ.เมืองนครราชสีมา ขณะจับกุมตัวผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา” และ “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี” ขณะนี้กำลังเค้นสอบปากคำ เนื่องจากผู้ต้องหายังปากแข็ง แต่จำนวนด้วยหลักฐาน ก่อนเตรียมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คาดว่าเป็นช่วงบ่ายวันนี้ คดีนี้สืบเนื่องจาก น.ส.หมิว อายุ 46 ปี นางเอกลิเก พาลูกสาวอายุ 11 ปี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังลูกชายคนโต อายุ 18 ปี ซึ่งป่วยออทิสติก […]

“สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 หมอ คดีชั้น 14

สธ. 29 พ.ค. – “สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เผย “สมศักดิ์” สภานายกพิเศษ ส่งคำตอบให้มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 แพทย์ กรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจเมื่อวานนี้ ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ให้ใช้คำว่าเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย นายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ได้ยื่นรายงานความเห็นจากคณะกรรมการฯ ต่อมติแพทยสภาให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภา เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) สภานายกพิเศษฯ ได้ทำหนังสือตอบกลับไปยังแพทยสภาแล้ว เมื่อเวลา 16.00 น. โดยที่ตนเองก็ยังไม่ทราบว่า มีเนื้อหาบ้าง แต่ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ขอให้ใช้คำว่ามีส่วนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เบื้องต้นเป็นความส่งความเห็นกลับต่อมติของแพทยสภา ซึ่งมีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนแพทย์จำนวน 4 […]

จับแล้ว! “สามีภรรยา” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

29 พ.ค.- จับแล้ว! สองสามีภรรยา คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มือคุมบัญชีประมูลร้านค้างานประจำปี – ร้านค้าสวัสดิการ หลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ วันนี้ ( 29 พ.ค.68) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม สองสามีภรรยา คนสนิทนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน ข้อหาฟอกเงิน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้ภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขณะเดียวมีรายงานว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับอดีตพระลูกวัดคนสนิท ทิดแย้ม ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย พนักงานสอบสวน เตรียมประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ […]

ข่าวแนะนำ

เด้งผู้การกองบิน-รองผู้การ-ช่างอากาศยาน รวม 4 นาย เซ่นปม ฮ.ตก

กรุงเทพฯ 30 พ.ค. – ผบ.ตร. สั่งเด้งผู้การกองบิน-รองผู้การ-ช่างอากาศยาน รวม 4 นาย ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม ปมอากาศยานของกองบินตำรวจตก 2 ครั้ง ห้วงใกล้เคียงกัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงนามในคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 308/2568 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจช่วยราชการและรักษาราชการแทน ใจความระบุว่า ด้วย กรณีเหตุการณ์อากาศยานของกองบินตำรวจตก เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 และวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 ซึ่งเป็นการเกิดเหตุ 2 ครั้ง ในห้วงระยะเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้มีข้าราชการตำรวจเสียชีวิตหลายนาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้สั่งการให้จเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงในรายละเอียดการซ่อมบำรุงอากาศยานของกองบินตำรวจที่ผ่านมา ให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง มีข้อสังเกตหรือความบกพร่องในกรณีใด และจเรตำรวจได้มีคำสั่ง ที่ 89/2568 ลงวันที่ 30 เมษายน 2568 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ประกอบกับกรณีดังกล่าวเป็นประเด็นสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชนและสังคมในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสื่อสังคมออนไลน์ […]

“สมศักดิ์” แจงยิบวีโต้มติแพทยสภา ยันไร้ใบสั่ง ปัดเอื้อ “ทักษิณ”

รัฐสภา 30 พ.ค.- “สมศักดิ์” แจงยิบ วีโต้มติแพทยสภา ยกโทษให้หมด แพทย์ไม่มีความผิด อ้างไม่อยากสร้างบรรทัดฐานใหม่ เกรงกระทบแพทย์ทั้งประเทศ ยันไม่มีใบสั่ง-ไม่ได้เอื้อ “ทักษิณ” ขึ้นศาล 13 มิ.ย. ไม่หวั่นถูกล่าชื่อถอดถอน บอกทำการเมืองมา 43 ปีแล้ว ไม่ห่วงเรื่องพวกนี้ มั่นใจไม่ใช่การเปิดศึกแพทย์ เพราะถ้าอยู่ในวิชาชีพจะรู้ว่าเป็นการปกป้อง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงเหตุผลหลังวีโต้มติแพทยสภา ว่า หลังจากการพิจารณาในรายละเอียดขั้นตอนการพิจารณาลงโทษ 3 แพทย์ พบว่า คณะกรรมการจริยธรรมรับเรื่องรองเรียนพบว่ามีความผิด จึงส่งเรื่องให้คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งใช้เวลารวบรวมข้อเท็จจริงและพิจารณาถึง 4 เดือน ก่อนจะความเห็นว่านายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ผู้ถูกร้องที่1 ไม่มีความผิด ส่วนแพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์ ในฐานะแพทย์ผู้ตรวจร่างกาย ขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่ รพ.ราชทัณฑ์ ผู้ถูกร้องที่2 มีความผิด ลงโทษให้ว่ากล่าวตักเตือน ขณะที่พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ มีความผิดให้ลงภาคทัณฑ์ […]

มอบตัวแล้วหลานคลั่งยิงญาติดับ 3 เจ็บสาหัส 1

สุพรรณบุรี 30 พ.ค. – มอบตัวแล้ว หลานคลั่งยิงญาติเสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 1 ราย คาดปมเหตุมาจากเรื่องที่ดินมรดกที่ยังแบ่งกันไม่ลงตัว เหตุสลดหลานชายคลั่งใช้อาวุธปืนยิงนายภาสกร อายุ 67 ปี ลุง, นายลำเพย อายุ 71 ปี ป้า, นางชตารัตน์ อายุ 50 ปี ญาติ เสียชีวิตรวม 3 คน และยังมีนางชุติมน อายุ 67 ปี ญาติ บาดเจ็บสาหัสอีก 1 คน เหตุเกิดเมื่อช่วงสายวันนี้ บริเวณหลังบ้าน ม.2 ต.บ้านดอน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นหลานของผู้ตาย ทราบชื่อต่อมาคือ นายไพบูลย์ หรือ บาส อายุ 32 ปี อาชีพเป็นช่างสัก หลังก่อเหตุได้ขี่จักรยานยนต์พ่วงข้างหลบหนีออกจากบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ โดยมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย […]

จเรตำรวจฯ เผยผลสอบ ฮ.ตก ประจวบฯ นอตยึดใบพัดหลุดทำเครื่องเสียการทรงตัว

30 พ.ค. – จเรตำรวจแห่งชาติ เผยผลสอบเหตุเฮลิคอปเตอร์ เบลล์ 212 ตกที่ประจวบฯ เบื้องต้นพบนอต 2 ตัวยึดใบพัดหางหลุด เสียการทรงตัวจนตัดส่วนหางขาด เตรียมรายงาน ผบ.ตร. ยันไม่มีมวยล้มต้มคนดู พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ประชุมติดตามความคืบหน้าคลี่คลายกรณีเหตุเฮลิคอปเตอร์ รุ่นเบล 212 ประสบเหตุตกในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่งผลให้มีนักบินและช่างเครื่องเสียชีวิตรวม 3 นาย โดยมี พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รองจเรตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ต.อำนาจ เดชบุณเหลือง ผบก.กองบินตำรวจ, นักบินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุดังกล่าว หลังจากที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ตนเองเร่งคลี่คลายคดีโดยเร็ว โดยภายหลังจากที่ได้มีการประชุมแล้ว จเรตำรวจแห่งชาติ และผู้เข้าร่วมประชุมได้เข้าตรวจสอบซากเฮลิคอปเตอร์ รุ่นเบล 212 ที่ตกและได้มีการลำเลียงมาไว้ที่กองเป็นตำรวจเพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ พล.ต.อ.ธัชชัย เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ เฮลิคอปเตอร์ตก และร่วมประชุมกับผู้บังคับการกองบิน, นักบินและช่างเครื่องทั้งหมด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง […]