ปิดเมืองนราฯ ล่า SIM BOX ตัดเครื่องมือแก๊งคอลเซ็นเตอร์

นราธิวาส 27 ม.ค. – ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ปิดเมืองนราฯ ล่า SIM BOX ตัดเครื่องมือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนใต้


กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผบช.ประจำ บช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย, พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว, พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.อนุสรณ์ ทองไสย, พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวัลย์ภิยโย, พ.ต.ท.กันตเมศฐ์ อัครโชควรานนท์, พ.ต.ท.วริศร มัจฉา รอง ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ บุญทอง, พ.ต.ต.ธนาคาร อุชณรัศมี และ พ.ต.ต.จอมพฤทธิ์ แก้วเรือง สว.กก.6 บก.ป.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.6 บก.ป. สนธิกำลังกองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส และสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 3 คน คือ 1. น.ส.ซารีนา อายุ 24 ปี 2.Mr.KIANG WAN อายุ 25 ปี สัญชาติมาเลเซีย 3.Mr.KUOK RONG อายุ 36 ปี สัญชาติมาเลเซีย พร้อมของกลาง 1.อุปกรณ์ “SIM BOX” หรือ “GSM Gateway” สำหรับ 32 ซิมการ์ด จำนวน 15 เครื่อง 2.เครื่องกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ต (เราเตอร์ WI-FI) จำนวน 3 เครื่อง และพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง


โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดในข้อหา “ร่วมกันมี, ใช้ และนำเข้าเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตและใช้คลื่นความถี่โดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้อนุญาต” ตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498, พ.ร.บ.ว่าด้วยการประกอบกิจการโทรคมนาคม (ผู้ถูกจับที่ 2 แจ้งข้อหาเพิ่มเติม “บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามา และอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต)”

พฤติการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดอย่างหนักในสังคมไทย มีพี่น้องประชาชนโดนหลอกลวงเป็นจำนวนมาก ประเทศไทยสูญเสียเม็ดเงินต่อวันกว่าร้อยล้านบาท โดยกลุ่มแก๊งเหล่านี้มักตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่ชายแดน รอยต่อระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีวิธีการหลอกลวงที่ปรับเปลี่ยนอยู่ตลอด การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเองต้องปรับให้เท่าทันและล้ำหน้าแผนประทุษกรรมของคนร้ายอยู่เสมอเช่นกัน

หนึ่งในแผนประทุษกรรมยอดฮิตที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้เป็นประจำ คือ การโทรศัพท์เข้าหาผู้เสียหาย โดยอ้างตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แล้วข่มขู่ให้เหยื่อเชื่อว่าตัวเองกระทำผิดกฎหมาย หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมต่างๆ ใช้วิธีพูดจาหว่านล้อมต่างๆ นานา จนผู้เสียหายตกใจกลัว จำใจยอมโอนเงินให้คนร้ายในที่สุด แม้ว่าทางรัฐบาลจะมีมาตรการต่างๆ ในการป้องกันหมายเลขโทรศัพท์แปลกปลอม การยืนยันตัวตนของผู้ลงทะเบียนซิมการ์ด รวมถึงการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนแล้วก็ตาม แต่ยังมีประชาชนอีกหลายคนตกเป็นเหยื่อ


ตำรวจสอบสวนกลางได้ศึกษารูปแบบการกระทำความผิดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาต่อเนื่อง จนทราบว่าปัจจุบันกลุ่มคนร้ายมีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้โทรหาผู้เสียหาย โดยมีการแยกเครื่อง “SIMBANK” สำหรับเสียบซิมการ์ดโทรศัพท์ที่เป็นของค่ายโทรศัพท์ในประเทศไทยไว้ที่หนึ่ง “SIMBANK” จะตั้งอยู่ที่ในประเทศหรือต่างประเทศก็ได้ และจำเป็นต้องมีเครื่อง “SIM BOX” หรือ “GSM Gateway” ซึ่งเป็นอุปกรณ์แปลงสัญญาณอินเทอร์เน็ตเป็นสัญญาณมือถือ “SIM BOX” แต่ละเครื่องมีช่องเสียบซิมการ์ดโทรศัพท์จำนวน 32 ซิม แต่กลุ่มคนร้ายไม่ได้เสียบซิมการ์ดไว้ โดย “SIM BOX” จะถูกติดตั้งอยู่ในประเทศไทยหรือฝั่งชายแดนที่ติดต่อประเทศเพื่อนบ้าน โดย “SIMBANK” (เสียบซิมการ์ด) และ “SIM BOX” (ไม่เสียบซิมการ์ด) จะเชื่อมต่อกับผ่าน Router โดยมี “Cloud SIP Server” เป็นตัวกลาง

เมื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรจากต่างประเทศเข้ามาหลอกลวงผู้เสียหายคนไทย โดยใช้อุปกรณ์ดังกล่าว จะทำให้เห็นว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของประเทศไทย เพื่อหลบเลี่ยงมาตรการขึ้นหมายเลขหน้าเบอร์โทร (Prefix) ของ กสทช. ทำให้ประชาชนโดยทั่วไปหลงเชื่อได้ง่าย ในแต่ละวันคนร้ายจะใช้อุปกรณ์เหล่านี้สุ่มโทรหาผู้เสียหายวันละหลายแสนครั้ง โดยปกติอุปกรณ์ดังกล่าวต้องขออนุญาตจาก กสทช. ส่วนใหญ่จะนำมาใช้ในธุรกิจ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

ต่อมา กก.6 บก.ป. สืบสวนจนทราบว่าในพื้นที่ ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ชายแดนประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย มีการลักลอบติดตั้งอุปกรณ์ “SIM BOX” หรือ “GSM Gateway” เพื่อใช้โทรมาหลอกลวงผู้เสียหายชาวไทยหลายราย จนเป็นที่มาในการเปิดปฏิบัติการปิดเมืองนราฯ ล่า SIM BOX ตัดเครื่องมือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนใต้ ห้วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา

จากการปฏิบัติการสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 รายดังกล่าวข้างต้น พร้อมของกลางเครื่อง “SIM BOX” หรือ “GSM Gateway” จำนวน 15 เครื่อง และของกลางอื่นๆ นำส่งพนักงานสอบสวน กก.6 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมาย

สอบถามปากคำกลุ่มผู้ต้องหาเบื้องต้นให้การรับสารภาพ 2 ราย คือ น.ส.ซารีนา และ Mr.KIANG WAN ซึ่งให้การว่าทั้งคู่คบหาดูใจกัน และได้รับการว่าจ้างจากนายทุนชาวมาเลเซีย ให้ดูแลสถานที่ซึ่งมีการติดตั้ง SIM BOX โดยส่วนใหญ่นายทุนชาวมาเลเซียจะติดต่อคนไทยที่มีความสัมพันธ์กับคนมาเลเซีย ให้หาบ้านเช่าและติดตั้งสัญญาณอินเทอร์เน็ตในบ้านเช่า จากนั้นฝ่ายเทคนิคจะเข้ามาดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองคนจะได้รับค่าจ้างเป็นค่าดูแลอุปกรณ์เป็นเงิน 5,000 บาทต่อจุด สำหรับเช่าบ้าน ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าน้ำค่าไฟ จะจ่ายต่างหาก

ส่วน Mr.KUOK RONG ผู้ต้องหาอีกราย ยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่าตนเพียงโอนเงินให้ผู้ต้องหาที่ 1 ตามสั่งการของนายทุนชาวมาเลเซีย ส่วนตัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดแต่อย่างใด

ตำรวจสอบสวนกลางขอเตือนประชาชนทุกท่าน หากพบบุคคลต้องสงสัย มีพฤติกรรมน่าสงสัย หรือน่าเชื่อว่าได้มีการเช่าสถานที่เพื่อใช้การซุกซ่อนอุปกรณ์ SIM BOX หรือท่านใดพบเบาะแสหรือมีข้อมูลของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถแจ้งข้อมูลดังกล่าวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจใกล้บ้าน หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ให้ตรวจสอบ เพื่อดำเนินคดีกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไป.414-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย