บช.สอท. 22 ธ.ค. – กระทรวงดีอี ร่วม ตร.ไซเบอร์ แถลงผลปฏิบัติการ Fake profile จับกุม 2 สามีภรรยา หลอกผู้พิการสแกนใบหน้าเพื่อเปิดบัญชีม้า
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.กระทรวงดิจิทัลฯ พร้อมด้วย พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ,พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2, พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3, พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท. ร่วมกันแถลงข่าว “Operation Block the Bad Guys หยุดภัยไซเบอร์”
”ปฏิบัติการ Fake profile จับกุม 2 สามีภรรยา หลอกผู้พิการสแกนใบหน้าเพื่อเปิดบัญชีม้า“ สืบเนื่องจากผู้เสียหายเป็นผู้พิการได้เข้าแจ้งความกับตำรวจเนื่องจากตกเป็นเหยื่อถูกหลอกให้เปิดบัญชีม้าโดยพฤติการณ์ของมิจฉาชีพแฝงตัวในกลุ่มหางานโดยใช้บัญชี Facebook อวตารทักแชทเพื่อสนทนาส่วนตัวกับผู้เสียหายที่เข้ามาหางานในกลุ่มและอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากฝ่ายบุคคลขอนัดสัมภาษณ์งานกับผู้เสียหายโดยให้ผู้เสียหายเตรียมเอกสารสำหรับสมัครงานได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ใบรับรองคุณวุฒิการศึกษา สำเนาหนังสือรับรองคนพิการ และรูปถ่าย จากนั้นจะนัดพบกับผู้เสียหายที่ศูนย์อาหารของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านนวนคร จ.ปทุมธานี โดยมิจฉาชีพจะอ้างว่าผู้เสียหายถ่ายสำเนาบัตรประชาชนมาไม่ถูกต้อง และจะเอาสำเนาบัตรไปถ่ายสำเนาให้ เมื่อนำบัตรประจำตัวประชาชนมาคืนจะใช้อุบายว่ารูปถ่ายของผู้เสียหายที่นำมาใช้ไม่ได้ จึงขอใช้โทรศัพท์มือถือของมิจฉาชีพถ่ายให้แทน หรืออาจจะอ้างว่าเพื่อใช้ทำข้อมูลการสแกนใบหน้าสำหรับเข้าออกบริษัท แต่แท้จริงแล้วคือการหลอกให้สแกนใบหน้า เพื่อเปิดบัญชีธนาคาร เมื่อมิจฉาชีพได้ข้อมูลครบจะออกอุบายว่าไปทำธุระโดยให้ผู้เสียหายรอจนภายหลังพบว่าประวัติการสนทนาผ่านแชทในมือถือได้ถูกยกเลิกข้อความและมิจฉาชีพได้บล็อกบัญชีผู้เสียหายทำให้ไม่สามารถติดต่อได้อีก ต่อมาผู้เสียหายพบว่าตนเองถูกตำรวจออกหมายเรียกดำเนินคดี เนื่องจากบัญชีธนาคารมีชื่อตนเป็นเจ้าของบัญชีถูกนำไปใช้รับโอนเงินจากการหลอกลวงผู้อื่นจึงรู้ตัวว่าถูกหลอก
ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบตัวผู้ก่อเหตุคือ นางสาวบุสราภรณ์ อายุ 28 ปี ชาว จ.อุดรธานี และนายประมวล อายุ 36 ปี ชาว จ.บึงกาฬ ผู้เป็นสามี และเข้าจับกุมตัวได้พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาที่ใช้หลอกลวงผู้อื่น จากนั้นได้นำหมายค้นบ้านพักผู้ต้องหาที่ จ.พระนครศรีอยุธยา พบบัตรเอทีเอ็มและสมุดบัญชีธนาคารจำนวน 6 เล่ม โดยมีทั้งบัญชีธนาคารของผู้เสียหายที่เป็นผู้พิการ และเหยื่อรายอื่นที่ถูกหลอกให้เปิดบัญชีและยังตรวจพบเอกสารประจำตัวของบุคคลอื่นอีกจำนวน 20 แผ่น
ตำรวจส่งตัวดำเนินคดีในความผิดฐาน ร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบฯ, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์บิดเบือนฯ และนำบัตรของผู้อื่นไปใช้แสดงว่าตนเป็นเจ้าของบัตร.-417-สำนักข่าวไทย