ก.ศึกษาธิการ 31 ต.ค. – “กัน จอมพลัง” พา “สีดา” เมียหลวง สุดช้ำ หลังถูกสามี ผอ.รร.แห่งหนึ่งใน จ.เพชรบุรี และหญิงรักใหม่ จับมือฟ้องร้องดำเนินคดีเมียหลวง ลั่นจะไม่ยอมถูกกระทำอีกต่อไป ร้องกระทรวงศึกษาฯ สอบพฤติกรรมสามี ขณะที่ ก.ศึกษาฯ สั่งตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้ว
นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พา สีดา หญิงวัย 52 ปี หอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่แสดงถึงพฤติกรรมของสามี ผอ.รร.แห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรี และหญิงอีกคน โดย สีดา กล่าวว่า เชื่อว่าหญิงคนนั้นเป็นชู้กับสามีเธอ หลังจากพยายามติดตามหาหลักฐาน ทั้งภาพ เสียง และพิกัดจากการจีพีเอสรถสามีมาสักพักจนมั่นใจว่าสามีนอกใจจริง และตนได้ฟ้องร้องหญิงคนนั้นข้อหาเป็นชู้กับสามีตนที่ยังมีทะเบียนสมรสอยู่ แต่สุดท้ายสามีร่วมมือกับหญิงรักใหม่ ฟ้องเธอในข้อหาทำร้ายร่างกายและทิ้งไม่ดูแล ส่วนหญิงคนนั้นก็ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทอีก
กัน จอมพลัง กล่าวว่า พาพี่สีดา มาร้องเรียนกับกระทรวงศึกษาธิการที่เป็นต้นสังกัดของ ผอ.คนดังกล่าว อยากให้สอบว่าพฤติกรรมที่สีดา ภรรยาถูกกระทำและมีหลักฐานต่างๆ จะเข้าข่ายผิดระเบียบ ผิดจริยธรรมหรือไม่
ขณะที่ สีดา เปิดเผยว่า อยากให้สามีโดนโทษวินัยให้ถึงที่สุด ไม่ต้องเป็น ผอ.อีก จะได้ลองออกมาทำมาหากินแบบเธอ และกล่าวตัดพ้อทั้งน้ำตาว่า แม้จะใช้ชีวิตด้วยกันมา 30 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน ก็ไม่มีความหมาย เธอยอมรับว่าตั้งแต่สามีรู้จักหญิงใหม่ที่เป็นพยาบาลคนนั้น เธอก็ถูกกระทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ ทั้งคำพูด เปรียบเทียบต่าง ๆ เพราะเธอเป็นแม่ค้า และมีช่วงปี 2020 ที่เธอยังมาป่วยเป็นมะเร็งอีก สามีก็ไม่เคยมาดูแล พร้อมเผยตอนนี้จะไม่ยอมเป็นคนถูกกระทำอีกต่อไป อยากจะสั่งสอนว่า ถ้าอยากเลิกกับตนทำไมพูดดี ๆ แต่มาทิ้งเมียป่วยเป็นปีแล้วไปมีคนอื่น และยังมากล่าวหาว่า ตนไปมีคนอื่นอีก ท้าถ้ามีคลิปแฉว่าตนมีชู้ก็เอามาเปิดเลย แม้ทางสามีและผู้หญิงจะอ้างไม่ได้เป็นชู้กัน เป็นแค่ที่ปรึกษาแต่ไปอยู่ด้วยกันที่โรงแรมเป็นคืน ไปทำอะไร โดยตนมีหลักฐานทุกอย่าง มีพยานบุคคลที่เห็นว่า ทั้งคู่ไปโรงแรมด้วยกันหลายครั้ง ไปร้านอาหาร มาศาลด้วยกัน ที่เจ็บสุดคือสามีมาเป็นพยานให้หญิงอื่น ฟ้องร้องตน
ด้านนายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นผู้รับหนังสือร้องเรียน ได้เปิดเผยว่า ทางกระทรวงฯ ได้สั่งการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพชรบุรี เขต 2 ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยให้เร่งรัดสืบสวนให้ได้ใน 7 วัน ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ล่าสุดทาง สพฐ.เขตต้นสังกัด ได้พูดคุยกับ ผอ.คนดังกล่าวแล้ว แม้จะเป็นความผิดส่วนตัว ไม่มีโทษผิดมีกิ๊กมีชู้โดยตรงแต่หากมีมูลความผิดจริง อาจเข้าข่ายการประพฤติชั่วได้ ทางคณะกรรมการจะเป็นผู้พิจารณาตามขั้นตอน หากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ตรวจสอบว่ามีมูลความผิดก็จะดูว่าจะถึงขั้นตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงหรือไม่ โดยมีลำดับโทษทางวินัยตั้งแต่ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ลดขั้นเงินเดือน ปลดออก จนถึงไล่ออก โดยยืนยันว่ากระทรวงศึกษาธิการจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย. -สำนักข่าวไทย