กรุงเทพฯ 9 ก.ย. – วงเสวนา “รู้ทันภัยไซเบอร์” เตือนภัยรับมือความท้าทายยุค AI
พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามฯ สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า จากข้อมูลเชิงสถิติพบว่า ช่วงอายุ 25-40 ปี ประสบภัยไซเบอร์มากที่สุด 70% เป็นผู้หญิงกว่า 60% โดยช่องทางออนไลน์ที่ถูกมิจฉาชีพเข้าสวมรอยหรือแทรกแซงในธุรกรรมการเงินมากที่สุด คือ โซเชียลมีเดีย ประมาณ 80% การรับมือกับภัยออนไลน์ต้องอาศัยความร่วมมือแบบบูรณาการ ขณะที่ความท้าทาย คือ การแลกเปลี่ยนข้อมูลยังไม่เป็นระบบกลาง 100% และการตอบสนองต่อภัยใหม่ๆ ยังต้องใช้เวลาประสานงานหลายฝ่าย
นายไรวินทร์ วรวงษ์สถิตย์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานควบคุมงานปฏิบัติการและปฏิบัติการร้านค้า “เคทีซี” หรือบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภัยการเงินพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทั้งเทคโนโลยี Deepfake ทั้งเสียงและวิดีโอ และยิ่งเข้าสู่ยุค AI ก็ยิ่งสร้างข้อความ ภาพ และวิดีโอปลอมได้ทันที จนถึง Agentic AI ที่คิดวางแผนและโจมตีได้เองแบบเรียลไทม์ ดังนั้น แนวทางป้องกันที่สามารถทำได้ทันที คือ การไม่เปิดเผยรหัส CVV และ OTP ให้กับผู้ใดเด็ดขาด การตั้งวงเงินผ่าน Mobile Banking การเปิดการแจ้งเตือนทุกธุรกรรม รวมถึงเลือกใช้บัตรเครดิตเคทีซี ดิจิทัล ที่มี Dynamic CVV เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
เคทีซี เฝ้าระวังทุกธุรกรรมตลอด 24 ชั่วโมง แบบเรียลไทม์ ผ่านแอป KTC Mobile และหากพบธุรกรรมที่เสี่ยง เจ้าหน้าที่จะโทรศัพท์ยืนยันกับลูกค้าโดยตรง
นายนพรัตน์ สุริยา ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายป้องกันทุจริตบัตรเครดิตและร้านค้า “เคทีซี” กล่าวเสริมว่า เคทีซีได้ทำงานใกล้ชิดกับกองบังคับการปราบปรามฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยล่าสุดได้ร่วมแจ้งเบาะแสเพื่อสกัดกั้นการกระทำอันทุจริตของแก๊งปลอมบัตรเครดิต เพื่อยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับสมาชิกและสังคม นอกจากนี้ ครอบครัวควรมีบทบาทร่วมกันในการช่วยดูแลธุรกรรมของผู้สูงวัย ซึ่งมักตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพ.-111-สำนักข่าวไทย