10 พ.ค. – สาวร้องถูกพี่ชายตำรวจทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง หลบหนีออกจากบ้านมา 2 ปี ล่าสุดถูกตามถึงบ้านสามี หวั่นความปลอดภัย
กรณีหญิงสาวรายหนึ่งได้ร้องเรียนมายัง “กัน จอมพลัง ” ภายหลังถูกพี่ชายรับราชการเป็นนายสิบตำรวจอยู่ที่จังหวัดนครปฐม ทำร้ายร่างกาย และพยายามคุกคามครอบครัว จนเป็นเหตุทำให้รู้สึกกังวลในเรื่องของความปลอดภัย วันนี้ นางสาวเอ (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ผู้ร้องเรียนซึ่งเป็นน้องสาวถูกพี่ชายที่เป็นตำรวจทำร้ายร่างกายจนต้องหลบหนี โดยพี่ชายพยายามตามหาตัวจึงเกรงจะถูกทำร้ายอีก ได้เดินทางมาพบนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง เพื่อร้องทุกข์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว อยากให้นายกัณฐัศว์ เป็นคนกลางพูดคุย
นางสาวเอ เล่าว่า ตัวเองมีพี่ชายคนหนึ่งรับราชการเป็นนายสิบตำรวจอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม โดยตัวเองได้ถูกพี่ชายทำร้ายร่างกาย และจิตใจมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2565 ทั้งทุบตีและขู่ฆ่า ซึ่งในช่วงเวลานั้นมั่นใจว่าเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนตอนนี้ไม่ทราบเพราะไม่ได้ติดต่อกันมา 2 ปีแล้ว หลังจากที่ถูกทำร้ายร่างกาย พี่ชายก็มักจะบังคับให้ตัวเองทักยืมเงินเพื่อนหรือแฟนหนุ่มแทบทุกครั้ง เพื่ออ้างว่าจะได้นำเงินมาช่วยรักษาแม่ที่นอนป่วยติดเตียงอยู่
นางสาวเอ ทนพฤติกรรมของพี่ชายไม่ไหว จึงตัดสินใจไปลงบันทึกประจำวันไว้ และได้หนีออกจากบ้านมาอยู่กับแฟนหนุ่ม เนื่องจากรู้สึกกังวลเรื่องความปลอดภัย จากนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่อกับพี่ชายอีกเลย ขณะที่มาพักอาศัยอยู่กับแฟนหนุ่มได้มีการติดต่อพูดคุยกับผู้เป็นย่าเพียงคนเดียวเท่านั้น และที่ผ่านมาย่าก็จะเป็นคนคอยอัพเดทอาการของแม่ให้ฟังอยู่ตลอดเวลา ส่วนตัวตนยอมรับว่า รู้สึกเป็นห่วงแม่ทุกครั้ง และคิดอยากจะกลับไปเยี่ยม แต่ก็กลับไม่ได้ เพราะพี่ชายมีพฤติกรรมรุนแรง
ในปี 2568 ตัวเองได้ตัดสินใจจดทะเบียนกับแฟนหนุ่มในวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากนั้นเมื่อช่วงวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ได้มีเบอร์แปลกโทรศัพท์เข้ามาหา เมื่อรับสายจึงพบว่าเสียงปลายสายนั้นเป็นเสียงย่าจึงได้มีการพูดคึยกัน โดยตอนนั้นย่าซึ่งเป็นหมอดูได้มีการสอบถามชื่อ-นามสกุลของแฟนหนุ่ม โดยอ้างว่าจะเอาไปดูดวงให้ จึงได้บอกชื่อและนามสกุลไปโดยที่ไม่ได้เอะใจอะไร หลังจากนั้นย่าได้ทักไลน์มาบอกว่า สาเหตุที่โทรศัพท์ไปสอบถามชื่อเพราะพี่ชายได้บีบบังคับให้ถาม เพื่อต้องการเอาชื่อไปค้นทะเบียนราษฎร์ ว่าตัวเองและแฟนอยู่ที่ไหน ตอนนั้นยอมรับว่า รู้สึกกังวลใจในเรื่องความปลอดภัยเป็นอย่างมาก เพราะไม่รู้ว่าพี่ชายต้องการอะไร
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมาย่าได้มีการทักมาบอกว่าพี่ชายจะเดินทางไปที่บ้านแฟนหนุ่มที่จังหวัดสกลนคร ตอนแรกไม่เชื่อเพราะคิดว่าอย่างไรพี่ชายคงไม่ไปถึงจังหวัดสกลนคร จนกระทั่งเมื่อวานนี้ทางบ้านแฟนหนุ่มได้ติดต่อมาว่า พี่ชายได้พาแม่ที่ป่วยติดเตียงเข้าไปที่บ้านของแฟนหนุ่ม อ้างว่าต้องการเป็นผู้ดูแลแม่เพียงคนเดียว โดยจะนำเอกสารมาให้ตัวเองเซ็น ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้เซ็นเอกสารยกให้เขาเป็นผู้ดูแลแต่เพียงผู้เดียวและเอาเอกสารดังกล่าวไปแขวนไว้ที่หน้าบ้านมาก่อนหน้านี้แล้ว สิ่งที่ต้องการตอยนี้คือไม่อยากให้มายุ่งกันอีก เพราะตัวเองเลือกที่จะออกมานานแล้ว ยอมรับว่ารู้สึกกังวลใจในเรื่องความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากพี่ชายเป็นคนที่มีพฤติกรรมรุนแรง
นายกัณฐัศว์ กล่าวว่า หลังรับเรื่องได้ประสานติดต่อทางผู้บังคับบัญชาของตำรวจนายนี้ เพื่อนัดให้มีการพูดคุยเจรจากันต่อหน้า และจากการพูดคุยกับพี่ชายของผู้ร้องเรียนเพื่อจะหาให้ข้อมูลพบว่าตำรวจคนนี้เป็นคนค่อนข้างคุยยาก ถามอะไรเพื่อจะให้ได้คำตอบแต่กลับโดนย้อมกลับมา โดยเขาอ้างว่าแม่อยากเจอที่แต่งงานแล้วทำไมไม่บอก ซึ่งผู้ร้องเรียนบอกว่าแม่พูดไม่ได้ เรื่องนี้ต้องมาพูดคุยกันเพื่อทางออกเพราะเป็นภาพลักษณ์ของตำรวจ เพราะตำรวจไม่ควรทำร้ายผู้หญิง และจะสอบถามไปยังกระทรวงมหาดไทยให้ช่วยตรวจสอบว่ามีใครค้นทะเบียนราษฎร์หรือค้นเบอร์ของผู้ร้องเรียนหรือไม่ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป.-419 -สำนักข่าวไทย