กทม. 28 มิ.ย.- “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” แถลงปิดสำนวน “แอม ไซยาไนด์” ศุกร์นี้ ไม่กังวลแม้ “ทนายพัช” ยื่นศาลขอไต่สวนฉุกเฉินเพื่อคัดค้านการฝากขัง
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีของ แอม สรารัตน์ ผู้ต้องหาในคดีวางยาไซยาไนด์ฆ่าผู้อื่น 15 ราย ว่า ตำรวจจะส่งสำนวนให้อัยการเพื่อสั่งฟ้องทั้ง 15 สำนวนภายในวันศุกร์ที่ 30 มิถุนายนนี้ โดยจะเป็นการปิดสำนวนในส่วนของที่สรารัตน์, ธันย์นิชา หรือ ทนายพัช ทนายความของ สรารัตน์ และ พ.ต.ท.วิฑูรย์ อดีตสามีแอมเป็นผู้ต้องหา หลังจากนั้นสัปดาห์ต่อไปจะเริ่มทำการสืบสวนในส่วนของเว็บไซต์พนันออนไลน์ และเงินจำนวน 78 ล้านบาทของแอม ซึ่งขณะนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานเกือบแล้วเสร็จ รวมถึงกรณีดำเนินคดีกับโรงงานอุตสาหกรรม และเทรดเดอร์ (ผู้ค้าปลีก) ที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสารไซยาไนด์ ทั้งหมดก็จะแล้วเสร็จ
กรณีที่วันนี้ทนายพัช ไปยื่นขอให้ศาลอาญาไต่สวนฉุกเฉินเพื่อคัดค้านการฝากขังครั้งที่ 6 โดยระบุว่า แอมไม่ได้เข้ารับการพิจารณาการฝากขังผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ในเรื่องนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่าจะไม่ส่งผลต่อการส่งสำนวนของพนักงานสอบสวนที่จะเกิดขึ้นวันศุกร์นี้ โดยยืนยันว่าการแจ้งข้อกล่าวหาในส่วนของแอมนั้น มีทนายความเข้าร่วมรับฟังทั้งหมดตลอดเวลาที่ผ่านมา จึงไม่หนักใจเพราะเป็นการดำเนินการภายใต้กรอบของกฎหมาย และยืนยันว่าตำรวจมีหลักฐานพร้อมและเชื่อมโยงกันแล้ว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า การดำเนินคดีอาญาต้องดำเนินต่อไปส่วนการฟ้องร้องเป็นสิทธิที่ผู้ต้องหาสามารถทำได้โดยทางตำรวจจะส่งสำนวนให้ทันภายในผัดนี้(ศุกร์นี้) ตามกำหนดเดิมเพื่อให้อัยการมีเวลาพิจารณาสำนวนได้ละเอียดรอบคอบยิ่งขึ้น ที่ผ่านมาชุดสืบสวนสอบสวนมีการหารือทางอัยการถึงความคืบหน้าคดีตลอดเวลา จึงเชื่อว่าไม่เป็นปัญหาในการส่งสำนวน ส่วนกรณีที่ทนายความให้ข้อมูลว่าชุดสอบสวนที่เข้าไปสอบปากคำแอมในเรือนจำมีการสอบปากคำจนแอมรู้สึกบีบคั้นทางจิตใจและเป็นเหตุให้แท้งลูก เรื่องนี้ตนอยากให้รอแพทย์ชี้แจงถึงสาเหตุการแท้งลูกของแอมก่อน แต่ยืนยันว่าชุดสอบปากคำไม่ได้บีบคั้นหรือบีบบังคับแอม เจ้าตัวรู้สึกผ่อนคลายและให้ความร่วมมือกับตำรวจดี ไม่มีท่าทีตึงเครียดแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าไม่ใช่สาเหตุที่แอมแท้งลูก ซึ่งระหว่างสอบปากคำมีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เฝ้าดูแล
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตัวของแอมเองเป็นฝ่ายเขียนหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เพื่อขอพบตน ทั้งนี้สำนวนคดีทั้งหมดของแอมไม่มีความจำเป็นต้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับทราบ เนื่องจากตนเป็นหัวหน้าคณะสอบสวนเพียงแต่ต้องรายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย