24 พ.ค.- “ซิมผี” หลอกไปทั่ว จ.ขอนแก่น! ล่าสุดตำรวจไซเบอร์ ลุยกวาดล้างยึดได้เกือบ 1,000 ซิม ก่อนที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะซื้อไปใช้โทรหลอกลวงเหยื่อ
พ.ต.อ.พงศ์นรินทร์ เหล่าเขตกิจ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 และทีมงาน ทำการสืบสวนหาข่าวช่องทางออนไลน์ พบร้านค้าออนไลน์ รวมทั้งที่เปิดหน้าร้านแอบแฝงขาย “ซิมผี” ทั่วทั้งจังหวัดขอนแก่น กระทั่งพบผู้กระทำผิดกฎหมายจึงขออนุมัติศาลออกหมายค้น โดยมีเป้าหมาย
จุดที่ 1 เป็นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ม.12 ต.บ้านเป็ด อ.เมืองขอนแก่น จับกุมตัว น.ส.ภิญญดา อายุ 49 ปี พร้อมของกลาง ซิมการ์ดโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบทรูมูฟ จำนวน 269 หมายเลข ระบบดีแทค จำนวน 283 หมายเลข และระบบ
เอไอเอส จำนวน 388 หมายเลข รวมซิมการ์ดทั้งหมดจำนวน 939 หมายเลข ซึ่งลงทะเบียนโดยบุคคลอื่น
จากการสอบสวน น.ส.ภิญญดา ยอมรับว่า ได้เปิดร้านขายซิมการ์ดในระบบแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดัง เพื่อขายให้บุคคลทั่วไปโดยที่ไม่เคยมีการจดรายละเอียดผู้ซื้อซิมการ์ดไปแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังพบว่ามีซองพัสดุที่ใส่ซิมการ์ดซึ่งเตรียมนำไปส่งให้ลูกค้าที่สั่งซื้อทางแพลตฟอร์มออนไลน์อีกเกือบ 10 ซอง
จุดที่ 2 ตรวจค้นร้านจำหน่ายอุปกรณ์มือถือหนึ่งในพื้นที่ ม.19 ต.บ้านเป็ด อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น จับกุมตัว นายธนกฤติ อายุ 42 ปี พร้อมของกลางซิมการ์ดโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบทรูมูฟ ซึ่งลงทะเบียนโดยบุคคลอื่น จำนวน 4 หมายเลข
นายธนกฤติ ยอมรับว่าได้ซื้อซิมการ์ดดังกล่าวมา ครั้งละประมาณ 20-30 ซิมการ์ด แล้วนำมาขายต่อเพื่อเอากำไร โดยที่ไม่เคยมีการจดรายละเอียดผู้ซื้อซิมการ์ดดังกล่าวไปแต่อย่างใด
และจุดที่ 3 เข้าตรวจสอบที่ ตู้ร้านโทรศัพท์มือถือภายในห้างขอนแก่น 2 ต.เมืองเก่า อ.เมืองขอนแก่น จับกุมตัว น.ส.กัญญาภัค อายุ 34 ปี พร้อมของกลางซิมการ์ดโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบทรูมูฟ ซึ่งลงทะเบียนโดยบุคคลอื่น จำนวน 5 ซิมการ์ด
น.ส.กัญญาภัค ยอมรับว่าได้ซื้อซิมการ์ดดังกล่าวมา โดยซื้อมาครั้งละประมาณ 50 ซิมการ์ด แล้วนำมาขายต่อเอากำไรในราคาซิมละ 200 บาท เนื่องจากเห็นว่ามีกำไรดี โดยที่ไม่เคยมีการจดรายละเอียดผู้ซื้อซิมการ์ดดังกล่าวไปแต่อย่างใด
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย โดยกล่าวหาว่า “เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าว โดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ หรือขาย หมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้” พร้อมสืบสวนขยายผลเพื่อติดตามจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป .-สำนักข่าวไทย