เร่งหาหลักฐานเพิ่มคดี “แอม ไซยาไนด์”

28 เม.ย. – คดี “แอม ไซยาไนด์” มีตัวละครเพิ่มมาเรื่อยๆ ขณะที่ตำรวจเร่งรวบรวมหลักฐานนำมาเชื่อมโยงกัน ตอนนี้พบเหยื่อ 2 ราย มีปริมาณไซยาไนด์ในร่างกายทำให้เสียชีวิตได้


วันนี้ (28 เม.ย.66) มีการประชุมชุดคลี่คลายคดี “แอม ไซยาไนด์” โดย “บิ๊กโจ๊ก” พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลคดีนี้ ซึ่งแม้เจ้าตัวจะติดภารกิจต่างประเทศ แต่ได้นัดประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ถือเป็นการประชุมชุดใหญ่ครั้งแรก หลังได้รับมอบหมายให้แต่ละท้องที่ ทั้งในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 และ ภาค 4 ไปเก็บหลักฐาน และนำข้อมูลมาเชื่อมโยงกันในวันนี้ เพื่อดูว่าจะอนุมัติหมายจับ แอม หรือคนใกล้ชิดเพิ่มได้หรือไม่

หลังประชุม พลตำรวจตรี นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้บังคับการกองบังคับการศูนย์ฝึกอบรม บช.น. หนึ่งในหัวหน้าชุดทำคดี บอกว่า วันนี้ได้เรียกตำรวจแต่ละท้องที่เกิดเหตุรวบรวมหลักฐานเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลประกอบสำนวนในคดี ยืนยัน ณ ตอนนี้ยังพบผู้เสียชีวิตจากคดีนี้ 13 คน รอดชีวิต 1 คน และยังไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงบุคคลอื่น จึงยังไม่ได้ออกหมายจับเพิ่มเติม ส่วนการสอบสวนอดีตสามีแอมที่เป็นตำรวจ ก็ยังไม่พบหลักฐานความเกี่ยวข้องทางคดี และยังรอผลการตรวจหลักฐานภายในรถ


ด้านพลตำรวจตรีเอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม บอกว่า จากการตรวจสอบผู้เสียชีวิตที่พบผลการตรวจไซยาไนด์ในร่างกาย มีปริมาณทำให้เสียชีวิตได้ มี 2 ศพ คือ การเสียชีวิตของก้อย ที่บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และการเสียชีวิตของสารวัตรปู ที่ จ.นครปฐม ส่วนปริมาณเท่าใดนััน ไม่สามารถเปิดเผยได้ อยู่ในสำนวน ส่วนพฤติการณ์การใช้ไซยาไนด์ ว่าเป็นลักษณะการใช้รูปแบบใด ไม่สามารถบ่งชี้ได้ เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างผู้ตายกับผู้ต้องหาเท่านั้น แต่มีระยะเวลาการเสียชีวิต มีขั้นตอนตรวจสอบจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และจะนำข้อมูลไปประกอบสำนวน ซึ่งการจะดำเนินคดีผู้ต้องได้ อาจไม่ใช่เรื่องพบสารพิษในร่างกายอย่างเดียว มีหลายองค์ประกอบในการรวบรวมหลักฐาน

ส่วนอาการของแอม หลังถูกคุมขังในเรือนจำวันที่ 2 สามารถปรับตัวได้ดีขึ้น มีการพูดคุยกับผู้ต้องขังรายอื่น ทำให้อาการเครียดลดน้อยลง แต่ยังมีความวิตกกังวล แต่ก็ไม่เหมือนวันแรก ส่วนเด็กในครรภ์ของแอม เมื่อวานนี้ (27 เม.ย.) สูตินารีแพทย์ได้เข้ามาดูแล พบว่า อาการและสัญญาณชีพเด็กปกติ ไม่มีความน่ากังวลใดๆ โดยระหว่างที่แอมอยู่ในห้องกักโรค ไม่มีญาติขอเข้าเยี่ยม มีเพียงนางสาวธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ ทนายความของแอม ติดต่อเข้ามาเพียงคนเดียว

ครอบครัวเหยื่อที่ราชบุรีร้องตำรวจขอรื้อคดี


มีความเคลื่อนไหวที่ จ.ราชบุรี วันนี้ สามีและลูกสาว ของ น.ส.กะณิกา หรือ เอ๊ะ ที่คาดว่าเป็นหนึ่งในเหยื่อที่ถูกแอมวางยาจนเสียชีวิต ได้นำหลักฐานเพิ่มเติมไปมอบให้ตำรวจ สภ.โพธาราม หลังทางตำรวจยืนยันจะมีการรื้อคดีขึ้นมาทำใหม่

สามี บอกว่า ช่วงก่อนที่ภรรยาจะเสียชีวิต มีการโทรศัพท์พูดคุยกับแอมทุกวัน ซึ่งวันเกิดเหตุภรรยาขับรถออกไปคนเดียว และนัดเจอกันที่ปั๊มน้ำมัน ก่อนจะนั่งรถของแอมไป โดยภรรยาไม่ได้บอกว่าไปไหน มารู้ว่าอยู่ด้วยกันก็ตอนที่ลูกสาวโทรหา แล้วแอมเป็นคนรับสาย บอกว่าภรรยาเป็นลมล้มวูบ ให้รีบมาที่โรงพยาบาล ตอนนั้นตกใจและเอะใจเพราะภรรยาไม่เคยมีอาการป่วย สุขภาพดีมาโดยตลอด จากนั้น แอมก็ไม่ติดต่อมาอีกเลย ส่วนเงินที่หายไปนั้น ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน แต่เป็นยอดที่เยอะอยู่

ญาติมั่นใจการเสียชีวิตของ “หนิม” เกี่ยวข้อง “แอม”

ส่วนเคสล่าสุดที่มีการเปิดเผยจาก “บิ๊กโจ๊ก” เมื่อวานนี้ (27 เม.ย.) เป็นภรรยาตำรวจ ตม.ที่มุกดาหาร ชื่อ “หนิม” ซึ่งพบข้อมูลว่าแอมติดหนี้ หนิม เป็นเงินหลักแสน และลักษณะการเสียชีวิตของหนิม ก็คล้ายกับรายอื่นๆ ที่เป็นข่าว โดยวันนี้ ทีมข่าวไปที่บ้านของหนิม ได้พบกับเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นคนที่มาเจอหนิมนอนหมดสติในบ้านก่อนที่จะเสียชีวิต

เพื่อนบ้าน เล่าว่า วันเกิดเหตุ 25 พ.ย. 2563 ตัวเองได้รับโทรศัพท์จากญาติของหนิม ให้ช่วยไปดูว่าทำไมหนิมไม่รับโทรศัพท์ เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นหนิม นอนตะแคงอยู่บนที่นอน และมีปัสสาวะ อุจจาระ เรี่ยราด ตนเองได้ประคองและพยายามเขย่าตัวของหนิม แต่ไม่มีการตอบสนอง จึงเรียกเจ้าหน้ากู้ชีพมาช่วยปฐมพยาบาลแต่ไม่สามารถยื้อชีวิตได้

“อ.อ๊อด” เชื่อ “แอม” มีความรู้ทางเคมีหลังพบสั่งซื้อยาแก้พิษ

สำหรับประเด็นเรื่องของไซยาไนด์ วันนี้ อาจารย์อ๊อด รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี ม.เกษตรศาสตร์ เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม หลังตรวจสอบวัตถุพยานชิ้นล่าสุดที่เพิ่งได้รับจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเมื่อคืนวานนี้ เป็นกล่องพัสดุที่มีการสั่งซื้อ ส่งมาให้แอม ภายในบรรจุผลึกสีขาวใส จากการตรวจสอบ พบว่า สารสีขาวที่ว่านี้ คือ โซเดียมไทโอซัลเฟต (Sodium thiosulfate) ซึ่งจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ สารชนิดนี้ คือ ยาแก้พิษ “ไซยาไนด์” อาจารย์อ๊อดเลยมองว่า แอมมีความรู้ทางเคมี เพราะมีการสั่งซื้อสารดังกล่าว ซึ่งเป็นยาแก้พิษ อาจารย์อ๊อด ยังระบุว่า จากการตรวจสอบช่องทางออนไลน์ที่ก่อนหน้านี้ มีการโพสต์ขายไซยาไนด์กันแพร่หลาย แต่วันนี้หายไปเกือบหมดแล้ว

ส่วนที่มีการพูดกันว่าเป็นการฆาตกรรมต่อเนื่องหรือไม่ นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต อธิบายว่า คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ผู้กระทำมีทั้งป่วยและไม่ป่วย ส่วนใหญ่ทำเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน หรือ ความต้องการทางเพศ โดย 80% ของผู้ก่อเหตุมักเป็นผู้ชายและใช้วิธีรุนแรง ส่วนผู้หญิงมักประสงค์ทรัพย์ ใช้วิธีไม่รุนแรง โดยเฉพาะใช้ยาพิษ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]

ไร้คู่แข่ง “ไชยา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1

รัฐสภา 7ส.ค. – “ไชยา พรหมา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แบบไร้คู่แข่ง ประกาศพร้อมจับมือทุกฝ่ายทำให้สภาฯ เป็นที่พึ่งของประชาชน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาลงมติเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอชื่อนายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เพียงชื่อเดียว จากนั้นนายไชยา ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ขอบคุณประธานฯ และสมาชิก ที่ให้ความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ขอยืนยันว่าจะใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานทางการเมืองตลอดชีวิตการทำงานเพื่อสภาฯ แห่งนี้ อย่างน้อยสถาบันนิติบัญญัติเป็นกลไกที่มีความสำคัญไม่แพ้อำนาจฝ่ายบริหาร ประธานฯ และตัวไชยาเอง อยู่สภาฯ นี้มานาน ได้ผ่านกงล้อประวัติศาสตร์ทางการเมือง สถานการณ์การเมืองที่แตกต่างกันแต่ละยุคสมัย อยากเห็นองค์กรนิติบัญญัติแห่งนี้เป็นที่พึ่งของที่น้องประชาชนต่อไป และสิ่งหนึ่งที่อยากจะเห็นในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คือ อยากเห็นความร่วมมือร่วมใจ ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน […]

เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องรักษาสันติภาพ

มาเลเซีย 7 ส.ค.-เสร็จสิ้นแล้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่ 2 ชาติ เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้1.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี2.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย3.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา4.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน5.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์8.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากการประชุม […]

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]