กรุงเทพฯ 27 มี.ค. – ตามรวบครบแก๊งตำรวจ ตม. ร่วมกันอุ้มหญิงชาวไทยและเป็นล่ามภาษาจีน พร้อมเพื่อนชายชาวจีน รีดทรัพย์
กรณีตำรวจ ตม. ร่วมกันอุ้ม น.ส.นามี แซ่ลี อายุ 38 ปี หญิงชาวไทยและเป็นล่ามภาษาจีน พร้อมนายฉี เพื่อนชายชาวจีน อีก 1 คน จากบ้านพักย่านซอยประชาสงเคราะห์ 2 แขวงดินแดง เขตดินแดง ก่อนรีดทรัพย์เป็นเงินคริปโตฯ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมา น.ส.นามี เข้าแจ้ง ก่อนตำรวจขอศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับตำรวจรวม 5 นาย และติดตามจับกุมได้ ได้แก่ พ.ต.ต.สรวิศ อินทร์ลับ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1, ร.ต.ท.สุริยะ รุกขชาติ รอง สว.สืบสวน บก.ตม.1, ด.ต.พีระศักดิ์ ยิ้มไพบูลย์ ผบ.หมู่ สืบสวน บก.ตม.1, ร.ต.ท.ประวิต พลจังหรีด รอง สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 และ พ.ต.ต.จิรภัทร บุญนำ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 ทั้งหมดไม่ได้รับการประกันตัว
ความคืบหน้าคดีนี้ เมื่อเวลา 19.00 น. (27 มี.ค.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เจ้าหน้าที่ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. และ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุมนายสุรชัย พัฒนาชัยเจริญ อายุ 58 ปี ในฐานะคนชี้เป้าให้ตำรวจ ตม. อุ้มเหยื่อชาวจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ.59/2566 ลงวันที่ 27 มี.ค.66
ข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงาน เรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, สนับสนุนเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, สนับสนุนให้ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และสนับสนุนผู้ใดให้ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป
จับกุมได้บริเวณลานจอดรถชั้น 2B ห้างฯ ย่านลาดพร้าว ถนนลาดพร้าว กรุงเทพฯ ก่อนคุมตัวมาสอบสวนที่ สน.ดินแดง โดยมี พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. คุมการสอบสวนด้วยตัวเอง ก่อนแจ้งข้อหาตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย