กทม. 21 มี.ค.-ตำรวจขอศาลออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหา อุ้มรีดทรัพย์ล่ามภาษาจีนและชายชาวจีน ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รับผู้ก่อเหตุมีทั้งข้าราชการตำรวจและพลเรือน
พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง นำเอกสารหลักฐานไปยื่นขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาไม่น้อยกว่า 4 คนที่ร่วมกันอุ้มลักพาตัวหญิงชาวไทยที่เป็นล่ามภาษาจีน พร้อมเพื่อนชายชาวจีนอีก 1 คน ย่านดินแดง ไปรีดทรัพย์ เป็นเงินสกุลดิจิทัล มูลค่าตีเป็นเงินไทยกว่า 2 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 มีนาคม 2566 หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ชุดสืบสวนสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 3 คน มาสอบสวน เบื้องต้นผู้ต้องสงสัยทั้งหมดถูกแยกสอบปากคำ และยังคงให้การปฏิเสธ
สำหรับคดีนี้ ผู้เสียหายได้แจ้งความกับตำรวจว่า เป็นล่ามให้กับนายฉี ชาวจีน อายุ 62 ปี วันเกิดเหตุ นายฉี ได้ให้ผู้เสียหายไปพบที่บ้านในซอยประชาสงเคราะห์ 2 เพื่อจะให้ไปเป็นเพื่อนทำธุรกรรมต่ออายุหนังสือเดินทางและวีซ่า ที่ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อไปถึงก็มีเพื่อนชาวจีนของนายฉี ขับรถยนต์พาไปที่ศูนย์ราชการฯ โดยนายฉี ไม่ได้ไปด้วย เมื่อไปถึงก็พบว่าเอกสารที่เตรียมมาทำธุรกรรมไม่ครบถ้วน จึงต้องกลับไปที่บ้านนายฉี อีกครั้ง แต่กลับพบชายฉกรรจ์แต่งกายคล้ายตำรวจ 5 คน พร้อมรถยนต์ 3 คัน โดยชายกลุ่มดังกล่าวได้อุ้มผู้เสียหายและนายฉีขึ้นรถไปคนละคัน โดยเพื่อนของนายฉี ได้ขับรถตามประกบเป็นขบวนก่อนออกจากซอย รวมทั้งหมด 4 คัน ระหว่างที่อยู่บนรถ ชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจได้ถามผู้เสียหายว่า รู้จัก นายฉี ได้อย่างไร ผู้เสียหายก็บอกว่ารู้จักมา 1 ปีในฐานะล่ามแปลภาษา และชายคนดังกล่าวก็อ้างว่านายฉี มีความผิดฐานปลอมแปลงบัตรประชาชน จึงเรียกรับเงินเป็นสกุลเงินดิจิทัลจำนวน 60,000 USDT หรือประมาณ 2 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัวนายฉี นายฉี จึงได้ให้กลุ่มผู้ก่อเหตุพูดคุยกับลูกชายที่อยู่จีน จนสุดท้ายลูกชายยอมโอนเงินสกุลดิจิทัลให้กลุ่มผู้ก่อเหตุ 30,000 USDT หรือประมาณ 1 ล้านบาท หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุจึงยอมปล่อยตัวนายฉี และผู้เสียหายกลับมาจุดเดิม
ซึ่งผู้เสียหายยังบอกอีกว่าหลังเกิดเหตุก็ไม่สามารถติดต่อนายฉี ได้อีก จนมาทราบว่านายฉี ได้กลับไปอยู่กับลูกชายที่จีนแล้ว แต่ยังรู้สึกหวาดกลัว เกรงจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากคาดว่าคนกลุ่มนี้ทำเป็นขบวนการและไม่รู้ว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ จึงตัดสินใจมาแจ้งความ
ขณะที่ข้อมูลจากตำรวจเมื่อตรวจสอบแล้ว ก็พบว่านายฉี มีบัตรประชาชนคนไทย ปรากฏชื่อนายสาโรจน์ ทองค้าไม้ อายุ 55 ปี เป็นชาวจังหวัดสมุทรปราการ และเคยใช้บัตรนี้ทำธุรกรรมในไทย หลังจากนี้ตำรวจจะตรวจสอบว่าเจ้าของบัตรตัวจริงยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และนายฉี ทำบัตรประชาชนนี้ได้อย่างไร
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากแนวทางสืบสวนพบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุมีทั้งข้าราชการตำรวจและพลเรือนร่วมอยู่ด้วย เป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร 3 นาย และชั้นประทวน 1 นาย ขณะนี้อยู่ระหว่างขอหมายจับกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง 4 ราย หลังได้รวบรวมพยานหลักฐานตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เบื้องต้นเข้าข่ายความผิดในข้อหา “ร่วมกันกักขังและหน่วงเหนี่ยว / ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นฯ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 ”
เบื้องต้นมีรายงานว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการอุ้มรีดทรัพย์ครั้งนี้ 5 คน ในจำนวนนี้มีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 1 จำนวน 4 นาย ยศสูงสุดพันตำรวจตรี และได้เชิญตัวตำรวจทั้ง 4 นายมาสอบปากคำแล้วระหว่างขอศาลออกหมายจับ ส่วนผู้ร่วมก่อเหตุอีก 1 คนยังไม่ยืนยันว่าเป็นตำรวจหรือไม่อยู่ระหว่างหลบหนี.-สำนักข่าวไทย