ผบก.ปส.3 บช.ปส. แจงดำเนินคดีเครือข่าย “ทุน มิน ลัต” ตรงไปตรงมา

กรุงเทพฯ 13 มี.ค. – ตำรวจ ปส. ชี้แจงขั้นตอนดำเนินคดีเครือข่าย “ทุน มิน ลัต” แยกเป็น 2 สำนวน อัยการและพนักงานสอบสวนทำงานร่วมกัน ยืนยันทำงานตรงไปตรงมา ไม่ได้ถูกกดดันให้ช่วยเหลือฝ่ายใด


พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 บช.ปส. เปิดเผยว่า จากกรณี พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท ชี้แจงขั้นตอนการดำเนินคดีกับเครือข่าย “ทุน มิน ลัต” นักธุรกิจชาวเมียนมาร์ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติดและฟอกเงิน โดยประเด็นการดำเนินคดีกับ เครือข่าย “ทุน มิน ลัด” คดีนี้ เริ่มจาก พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง สว.กก.2 บก.สส.บช.น.

สำนวนที่ 1 เป็นคดีระหว่าง พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ ผู้กล่าวหา กับ นาย “ทุน มิน ลัด” กับพวกรวม 10 คน ผู้กล่าวหามีการดำเนินการยื่นคำร้องขอออกหมายจับผู้ต้องหา รวม 6 ราย ในฐานะเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวน (ชั้นการสืบสวนความผิดก่อนร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน) ต่อมา ผู้กล่าวหาได้มีการจับกุมตัวผู้ต้องหา รวม 4 ราย ส่งให้ บช.ปส. ดำเนินคดี (หลบหนี 2 ราย) และผู้กล่าวหามีการร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ นายอุปกิต เพิ่มเติม 1 ราย รวมเป็น 7 ราย


ต่อมา อสส. ได้พิจารณาสำนวนที่ 1 เห็นว่า “คดีนี้เป็นความผิดตามกฎหมายไทยที่ได้กระทำลงนอกราชอาณาจักร จึงอยู่ในอำนาจของอัยการสูงสุด” ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 และมีคำสั่งมอบหมายให้ ผบก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบและมอบหมายให้พนักงานสอบสวน บก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานอัยการ โดยสำนวนแรกพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการได้มีสอบสวนร่วมกันและมีความเห็นว่าพฤติการณ์ผู้ต้องหาในคดีเข้าข่ายเป็น “องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 เห็นควรให้แจ้งข้อหาในความผิดตามกฎหมายดังกล่าวที่พบเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง จากนั้น คณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการสำนวนที่ 1 ได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 9 ราย เนื่องจากผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย มีการควบคุมตัวผู้ต้องหาใกล้ครบระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด สำหรับกรณี นายอุปกิต ที่ร้องทุกข์เพิ่มเติมในภายหลังได้มีการแยกดำเนินคดีเป็นอีกสำนวน

สำนวนที่ 2 เป็นการกล่าวหา นายอุปกิต เป็นผู้ต้องหาเพิมเติมภายหลังในชั้นการดำเนินคดีของพนักงานสอบสวนที่ได้มีการแยกดำเนินคดีเป็นอีกสำนวน ซึ่ง อสส. ได้พิจารณาสำนวนที่ 2 เมื่อ 26 ม.ค.66 ยังคงเห็นว่า คดีส่วนนี้เป็นความผิดตามกฎหมายไทยที่ได้กระทำลงนอกราชอาณาจักร เช่นเดียวกันกับสำนวนที่ 1 จึงอยู่ในอำนาจของอัยการสูงสุด ตาม ป.วิอาญา มาตรา 20 จึงมอบหมายให้ ผบก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ และมอบหมายให้พนักงานสอบสวน บก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานอัยการสำนักงานสอบสวน รวม 7 ท่าน ซึ่งมี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เป็นหัวหน้าคณะพนักงานอัยการเข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการก็ได้ร่วมกัน สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด อย่างรวดเร็ว

โดยมีประเด็นข้อสงสัยที่ปรากฏในสื่อสาธารณะหลายสื่อมีเนื้อหาระบุว่า “ศาลได้ให้พนักงานสอบสวนไปออกหมายเรียกเนื่องจาก นายอุปกิต เป็น สว. ภายใน 15 วัน แล้วเหตุใดพนักงานสอบสวนไม่ออกหมายเรียกตามที่ศาลสั่งการ” ประเด็นดังกล่าว คณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการ ได้พิจารณาร่วมกันตลอด เห็นว่า พยานหลักฐานในสำนวนหลายประการยังไม่มีความสมบูรณ์เนื่องจากมีเอกสารที่ไม่ใช่ภาษาไทย มากกว่า 1,000 แผ่น จะต้องจัดแปลให้เป็นภาษาไทย เพื่อที่จะพิสูจน์ความผิดได้ซึ่งมีรายละเอียดพยานหลักฐานที่สำคัญมาก ประกอบกับอัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งการให้สอบสวนเพิ่มเติมในสำนวนที่ 1 ซึ่งมีรายละเอียดพยานหลักฐานเกี่ยวพันกับผู้ต้องหาในสำนวนที่ 2 ด้วย รวม 4 ประเด็น ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการ ดำเนินการไปแล้วหลายประเด็น คงเหลือประเด็นที่สำคัญที่ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ อาทิ การสั่งให้สอบสวนเกี่ยวกับการซื้อแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายค่าไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2551 – ปัจจุบัน การตรวจสอบบัญชีเงินฝากและเส้นทางการเงินของบัญชีที่เกี่ยวข้อง ประมาณกว่า 500 บัญชีที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายค่าไฟฟ้า และพิจารณาว่ามีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องเชื่อมโยงขบวนการเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มนี้หรือไม่ รวมทั้งการตรวจสอบกรรมการผู้มีอำนาจซึ่งเป็นผู้แทนนิติบุคคลในต่างประเทศ เพื่อใช้ในการแจ้งข้อเท็จจริงและแจ้งข้อหากับนิติบุคคลต่างประเทศภายในกำหนดอายุความ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในสำนวนได้ทั้งหมด จึงขอชี้แจงความคืบหน้าว่า


  1. อำนาจในการสอบสวนคดีนี้ ตามมาตรา 20 ป.วิอาญา พนักงานอัยการมีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวนเช่นเดียวกับพนักงานสอบสวน อำนาจและหน้าที่ประการอื่นที่กฎหมายบัญญัติไว้ให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของพนักงานอัยการ และให้พนักงานสอบสวนปฏิบัติตามคำสั่งและคำแนะนำของพนักงานอัยการในเรื่องที่เกี่ยวกับการรวบรวมพยานหลักฐาน การดำเนินคดีจึงเป็นการดำเนินการเห็นชอบร่วมกันทั้งสิ้น
  2. การสอบสวนในคดีอาญา ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหา โดยต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ต้องรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิด และพิจารณาให้เสร็จสิ้นโดยต้องไม่มีประเด็นสงสัย และต้องชี้แจงต่อสาธารณชนได้ คดีไม่ถือว่าล่าช้าแต่เป็นการแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อเป็นประโยชน์ในการอำนวยความยุติธรรมและพิจารณาสั่งคดีของอัยการสูงสุดเนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักรซึ่งเป็นอำนาจของอัยการสูงสุดแต่ผู้เดียว
  3. ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในความผิดที่ถูกกล่าวหาตาม มาตรา 8 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ต้องระวางโทษเป็น 2 เท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิด และตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 มาตรา 180 ต้องระวางโทษเป็น 3 เท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ผู้ต้องหาได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด และ บช.ปส. ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการได้รับทราบแล้ว จึงต้องดำเนินการสอบสวนต่อไปด้วยความรวดเร็ว ต่อเนื่องและเป็นธรรม รวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด

ท้ายเอกสารชี้แจง ผบก.ปส.3 ยืนยันในนามคณะทำงานร่วมกัน ว่าคณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการ ไม่มีบุคคลใดทั้งฝ่ายผู้กล่าวหาและฝ่ายผู้ต้องหา หรือ ผู้บังคับบัญชาทั้งสองฝ่ายทั้งตำรวจและพนักงานอัยการ เข้ามากดดันการสอบสวน หรือสั่งการในการสอบสวนเพื่อช่วยเหลือบุคคลใดๆ ทั้งสิ้น และผู้รับผิดชอบจะต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ หากเข้าไปช่วยเหลือผู้กระทำผิดหรือกลั่นแกล้งผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษเป็น 3 เท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“อนุทิน” โชว์ตัวว่าที่ รมต.ทีมเศรษฐกิจ ล้อมวงกินเค้กส้ม

พรรคภูมิใจไทย 6 ก.ย.- “อนุทิน” โชว์ตัว ว่าที่ 3 รมต.ทีมเศรษฐกิจป้ายแดง ล้อมวงกินเค้กส้ม “เอกนิติ” นั่งขุนคลัง เตรียมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ชี้ปล่อยฟื้นคนละครึ่งกระแสเต็มฟีด ขณะ “สีหศักดิ์” เตรียมนั่ง รมว.กต. มั่นใจชื่อนี้นานาชาติยอมรับ รับเผือกร้อนแก้ปมชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะ “อรรถพล” อดีต CEO ปตท. นั่ง รมว.พลังงาน ทำงานได้เลยไม่ต้องรำมวย ยอมรับเก้าอี้กลาโหม ต้องมีความรู้ในวิชาชีพ ปัดตอบชิงดำ “บิ๊กป้อม-ธรรมนัส” นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีต ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน และอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ดื่มกาแฟร่วมกันที่ร้านจานิสตาร์ ชั้น 1 ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ภายหลังหารือร่วมกันที่บริเวณชั้นบน ทั้งนี้ คาดว่านายสีหศักดิ์ ถูกทาบทาม […]

“ธรรมนัส” ปัดแย่งเก้าอี้กลาโหม “บิ๊กป้อม” ไม่กังวลปมคุณสมบัติ

พรรคภูมิใจไทย 6 ก.ย.- “ธรรมนัส” ปัดแย่งเก้าอี้กลาโหม “บิ๊กป้อม” อุบตอบ “กล้าธรรม” ได้กระทรวงอะไรเพิ่ม ไม่กังวลปมคุณสมบัติ เหตุตัวเองเป็น “รมต.” มา 2 รอบแล้ว แย้ม เลขาฯ พรรค ต้องได้เก้าอี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม เดินทางมายังที่ทำการพรรคภูมิใจไทย เพื่อพบกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะว่าที่นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเป็นการส่วนตัว จากนั้นเวลา 16.50 น. นายอนุทิน และ ร.อ.ธรรมนัส เดินลงจากที่ทำการพรรคมายังร้านกาแฟจาริสต้าร์ ซึ่งมี น.ส.ธนพร ศรีวิราช ภรรยาของ ร.อ.ธรรมนัส รออยู่ ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส สั่งเครื่องดื่มอเมริกาโน่ร้อน ไม่หวาน ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า มาซื้อกาแฟวันนี้ หมายความว่าได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้วใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนมารับภรรยา เมื่อถามว่า พรรคกล้าธรรมมีการพูดคุยตำแหน่งรัฐมนตรีลงตัวแล้วหรือไม่ […]

พายุไต้ฝุ่น ‘เผ่ย์ผ่า’ ถล่มชิซูโอกะในญี่ปุ่น

โตเกียว 6 พ.ย. – พายุไต้ฝุ่น “เผ่ย์ผ่า” (Peipah) ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักในจังหวัดชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ในวันศุกร์ โดยมีรายงานว่าลมกระโชกแรงจากพายุลูกนี้ทำลายอาคารไปอย่างน้อย 220 หลัง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 23 คน เอ็นเอชเค สื่อสาธารณะของญี่ปุ่นรายงานว่า ตรวจพบกระแสลมแรงใน เขตเทศบาล 4 แห่งของจังหวัดชิซูโอกะ ซึ่งรวมถึงเมืองโยชิดะและเมืองมากิโนะฮาระ เจ้าหน้าที่เมืองมากิโนะฮาระระบุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อย 20 ราย ณ เวลา 21:30 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 19.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย นอกจากนี้ เอ็นเอชเค ยังรายงานด้วยว่า มีอาคารอย่างน้อย 43 หลังในเมืองมากิโนะฮาระถูกทำลายทั้งหมดหรือเสียหายครึ่งหนึ่งและอีก 184 หลังได้รับความเสียหายบางส่วน พายุ “เผ่ย์ผ่า” ได้ลดระดับลงเป็นพายุโซนร้อนเมื่อเวลาประมาณ 21:00 น. ของวันศุกร์ ตามเวลาท้องถิ่น […]

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลั่นนั่งนายกฯ ควบ มท.1 เร่งแก้ปัญหา 4 ด้าน

พรรคภูมิใจไทย 7 ก.ย.- “อนุทิน” ลั่นไม่ติดหนี้บุญคุณใคร นอกจากประชาชน โพล่งนั่งนายกฯ ควบ มท.1 ประกาศเร่งแก้ปัญหา 4 ด้าน ยันไม่มีแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. ทุกอย่างกางบนโต๊ะโปร่งใส ไม่ยัดเยียดปรุงแต่ง หรือกลั่นแกล้งใคร เหมือนที่เคยโดน สั่งล่วงหน้า ครม.หนู เวลาน้อยแค่ 4 เดือน ต้องไม่เหนื่อย-ไม่ป่วย-ไม่ลา-ทำงานไม่มีวันหยุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า นับเป็นพระมหากรุณากรุณาธิคุณ แก่ตัวกระผมอันหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ผมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ผมยืนยันด้วยความตระหนักดีว่าการเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันนี้ อาจมีข้อจำกัดหลายประการหลายด้าน ในการปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน อย่างไรก็ตาม ผมให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่าน ว่า ตนและคณะรัฐมนตรีของผมทุกคน จะมุ่งมั่นทุ่มเททำงานด้วยความไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย จะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเรามีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกำลังกาย กำลังสมอง เพื่อให้ประเทศไทยของเราได้หลุดพ้นจากสถานการณ์วิกฤตต่าง ๆ โดยเร็วที่สุด ต้องขอขอบพระคุณพี่น้องประชาชนที่ได้ให้ความมั่นใจโดยผ่านความไว้วางใจและการลงคะแนนเสียงของบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคประชาชนที่ได้ให้การสนับสนุนตนให้เข้ามาแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า และได้เสียสละให้ประเทศไทยมีทางออกและหลังจากลงคะแนนเสียงเรียบร้อยแล้ว ได้กลับไปอยู่ในเจตนารมณ์เดิมของพรรคประชาชนคือการเป็นฝ่ายตรวจสอบ ตนได้ขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาล เช่น พรรรกล้าธรรม […]

“อนุทิน” รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32

พรรคภูมิใจไทย 7 ก.ย. – “อนุทิน ชาญวีรกูล” รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ถวายสัตย์จะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเต็มกําลังความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และมีคุณธรรม ขณะที่พรรคร่วมฯ เข้ายินดีพร้อมเพรียง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 กันยายน 2568) เวลา 11.30 น. ณ ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อัญเชิญพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 เดินทางมาถึงที่ทำการพรรคภูมิใจไทย โดยได้อัญเชิญไปยังสถานที่ในการรับสนองพระบรมราชโองการฯ ซึ่งพรรคจัดไว้ที่ชั้น 4 ของอาคารที่ทำการพรรคภูมิใจไทย จากนั้น เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้อ่านพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ความว่า “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ด้วยความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี […]

ชัยภูมิน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกตลอดคืน

ชัยภูมิ 7 ก.ย.-น้ำท่วมหนักใน 3 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ หลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) หลังพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน ระดับน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ย่านเศรษฐกิจในตัวอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอบ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้.-สำนักข่าวไทย

สส. รวมชื่อยื่นศาลวินิจฉัย “อนุทิน-ณัฐพงษ์” พ้นสมาชิกภาพ ปมทำ MOA

รัฐสภา 7 ก.ย.-เปิดหนังสือ สส. รวมชื่อส่งประธานสภาฯ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “อนุทิน-ณัฐพงษ์” พ้นสมาชิกภาพ ปมทำ MOA ยุบสภา 4 เดือน-ทำประชามติแก้ รธน. แลกโหวตนั่งนายกฯ เหตุเข้าข่ายครอบงำชี้นำพรรคการเมือง ก้าวก่ายแทรกแซงเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ วันที่ 7 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสภาฯ ได้ร่วมกันเข้าชื่อยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพการเป็น สส. ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคประชาชน และ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (2) ประกอบมาตรา 185 (1) และ (2) ซึ่งประทับตรารับหนังสือโดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 เวลา 11.38 น. […]