สตช. 13 มี.ค. – “อัจฉริยะ” เปิดเวทีแฉอดีตตำรวจและตำรวจปัจจุบันสีเทารอบ 2 ระบุมี “พล.ต.อ.” เป็นหัวหน้าแก๊งมิยาบิ ควบคุมธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่หวั่นคดีถูก ส.ว.ทรงเอ ฟ้องหมิ่น เนื่องมี ส.ว.พญาไท มือขอหมายจับ ส.ว.ทรงเอ เป็นพยานต่อสู้คดี
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเวทีแฉ ตำรวจสีเทาทั้งในอดีตและปัจจุบัน Ep 2 พร้อมขึ้นป้ายไวนิล หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุข้อความ พล.ต.อ. ส. เป็นหัวหน้าแก๊งมิยาบิ กำกับดูแลธุรกิจสีเทาเป็นระบบ มีตำรวจปัจจุบันเป็นลูกน้อง โดยการเปิดข้อมูลครั้งนี้ของนายอัจฉริยะ ไม่ได้ยื่นหนังสือ เอกสาร หรือหลักฐานใด ๆ ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่แฉเพื่อเปิดข้อมูลเชิงลุกให้สังคม ประชาชน รวมถึงผู้บังคับบัญชาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับทราบปัญหา และเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อสร้างภาพลักษณ์องค์กรตำรวจให้ดี
ทั้งนี้ ในป้ายไวนิลของนายอัจฉริยะ ยังระบุข้อความว่า พล.ต.อ. หัวหน้าแก๊งมิยาบิ มีเซฟเฮ้าส์สำหรับประชุมลับ เป็นเจ้าของฉายานักสืบ 3 เส้น มีมือขวาเป็นเจ้าของรางวัลจักรดาวที่ถูกสั่งห้ามขึ้นรับรางวัลบนเวทีให้นำรางวัลใส่กล่องกลับบ้าน และมีเครือข่ายเป็นพลตำรวจโท เป็นอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงพลเรือน ฉายาปุ๋ยชลบุรี ก็อยู่ในเครือข่ายด้วย
การแฉของนายอัจริยะ ได้บรรยายพฤติการณ์ของ พล.ต.อ.ส. และเครือข่าย โดยอ้างว่าพัวพันกับเว็บพนันออนไลน์ และฮั้วการประมูลอาคารโรงผลิตกระสุน 10 แห่ง ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 และกองบัญชาการตำรวจนครบาล แต่เมื่อตรวจสอบพบว่า อาคารแห่งนี้ถูกปล่อยร้าง ไม่สามารถผลิตกระสุนหรือจัดเก็บดินปืนหรือวัตถุที่ใช้สำหรับผลิตกระสุนได้ ทั้งที่มีการใช้งบประมาณไปเป็นจำนวนมาก สำหรับการใช้งบจัดซื้อจัดจ้างอาคารนี้ พล.ต.อ.ส. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท. มือซ้าย เป็นผู้จัดซื้อจัดจ้าง และมีล็อบบี้ยิสต์ คือ นายโต และ ปุ๋ย ชลบุรี ดำเนินการจัดหาผู้รับเหมา โดยตัวเองเตรียมนำเรื่องนี้ไปร้องเรียนผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบต่อไป
นอกจากนั้นยังมีการนำภาพลูกชายอดีตนายตำรวจระดับผู้บังคับการภาคตะวันออก ที่เป็นตำรวจ ร.ต.ท. และเป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ โดยเปิดเผยว่า นายตำรวจคนนี้มีทรัพย์สินมากกว่า 1,000 ล้านบาท เป็นการร่ำรวยผิดปกติ โดยที่ผ่านมาตัวเองได้ร้องเรียนไปยัง ผบ.ตร. แล้วแต่คดีก็ยังไม่คืบหน้า ซึ่งตัวเองก็จะเดินหน้าเปิดโปงขบวนการเว็บพนันต่อไป
นอกจากนี้นายอัจริยะ ยังได้พา นายวีรโชติ เหยื่อที่ถูกดำเนินคดีข้อหาสมคบยาเสพติดและฟอกเงินปี 2563 และถูกจำคุกที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพถึง 2 ปี มาเล่าเหตุการณ์ว่า ตัวเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดยาเสพติด แต่กลับถูกดำเนินคดีเนื่องจากมีพยานชี้ตัวผิด ทำให้ถูกจำคุกและต้องต่อสู้คดีในคุก เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตัวเอง จนสามารถออกมาต่อสู้คดีใสชั้นอุทธรณ์
จึงมองว่ากรณีดังกล่าว แสดงให้เห็นความเหลื่อมล้ำในการทำคดีของตำรวจกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 3 มองว่า เป็นการทำคดี 2 มาตรฐาน โดยเฉพาะคดี ส.ว.ทรงเอ ที่อัยการสูงสุดสั่งให้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 3 ออกหมายเรียก ซึ่งเป็นการดำเนินการในข้อหาเดียวกันแต่ก็ยังไม่ถูกดำเนินการใดๆ อีกทั้งตำรวจชุดที่จับกุม “ทุนมินลัต” กลับถูกกองบัญชาการตำรวจนครบาล โยกย้ายโดยไม่เป็นธรรม
นายอัจริยะ ระบุว่า ภายใน 2 สัปดาห์จะมีการนำรายชื่อตำรวจ ทหาร และบุคคลที่มีชื่อเสียง ที่ไปเล่นการพนันบ่อนของ อัลลัวร์ กรุ๊ป มาเปิดเผย ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติรอบที่ 3 หรือ ep3 ต่อไป
ส่วนคดีที่ตัวเองถูก ส.ว.ทรงเอ ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีที่ยื่นเลขาฯ ป.ป.ส. ระบุว่า ส.ว.ทรงเอ เกี่ยวข้องกับการการฟอกเงินคดียาเสพติด นายทุนมินลัด โดยถูกเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท คดีนี้ตัวเองจะสู้คดีเต็มที่พร้อมกับ ให้ พ.ต.ท.มานะพงศ์ และพวกทีมขอหมายจับ ส.ว.ทรงเอ มาเป็นพยานในคดี ส่วนกรณี ส.ว.ทรงเอ อ้างพยานในคดีลำดับที่ 6 คือ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เรื่องนี้ตัวเองสอบถามไปยังคนใกล้ชิดอดีต ผบ.ตร.แล้ว ได้รับการชี้แจงว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ ไม่ทราบเรื่อง ส่วนตัวเชื่อว่ากรณีที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ มาเป็นพยาน ต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เนื่องจากตัวเองและพล.ต.อ.สุวัฒน์ เคยทำงานร่วมกันในหลายๆ คดี ในสมัยที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ยังดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ย้ำว่าตัวเองรู้ว่า นายตำรวจใหญ่ใน ตร. ที่โทรศัพท์สอบถาม พ.ต.ท.มานะพงศ์ มือขอหมายจับ ส.ว.ทรงเอ ต่อศาลอาญา และเป็นเจ้าของเอกสารชี้แจงขั้นตอนการถอนหมายจับ 7 แผ่น เพื่อสอบถามเหตุผลการขอหมายจับ ส.ว.ทรงเอ ว่า ผู้บังคับบัญชาคนดังกล่าวคือใคร รวมถึงอดีตผู้บังคับบัญชาอีกคน ที่โทรหา พ.ต.ท.มานะพงษ์ พร้อมตำหนิการขอหมายจับ ส.ว.ทรงเอ ว่าอดีตนายตำรวจคนดังกล่าวคือใคร แต่ข้อมูลชุดนี้ อยากให้รอนายโรม รังสิมันต์ เป็นผู้เปิดเผยจะดีกว่า. -สำนักข่าวไทย