ไทย-มาเลเซีย หารือร่วมปราบปรามคดีถูกหลอกไปทำงาน ตปท.

สตช. 17 ก.พ. – “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” รอง ผบ.ตร. พบปะหารือกับผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ประสานความร่วมมือปราบปรามคดีถูกหลอกไปทำงานต่างประเทศ


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้ให้การต้อนรับ ดาโต๊ะ สรี อับดุล จาลิล บิน ฮัซซาน (CP Dato’ Sri Abd Jalil bin Hassan) ผู้บัญชาการแผนกสืบสวนอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย, ดาตุ๊ก โจจี้ ซามูแอล (H.E Datuk Jojie Samuel) เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย และคณะผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะ และประสานงานความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามคดีที่ผู้เสียหายชาวมาเลเซีย ซึ่งถูกหลอกไปทำงานยังต่างประเทศ ณ ห้องพรหมนอก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ได้นำเสนอข้อมูลคดีเกี่ยวกับผู้เสียหายชาวมาเลเซีย ซึ่งถูกหลอกให้สมัครงานผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะหลอกว่าเป็นงานดูแลลูกค้า ซึ่งมีรายได้ดี ทำงานที่ประเทศลาวและเมียนมา โดยค่าใช้จ่ายผู้รับสมัครจะออกให้ทั้งหมด เมื่อมีผู้หลงเชื่อก็จะพาเดินทางผ่านประเทศไทย มีทั้งทางบก และทางอากาศ แล้วพาผู้เสียหายออกไปยังประเทศที่ 3 ทั้งลาวและเมียนมา เมื่อไปถึงพบว่างานที่ให้ทำไม่ตรงกับที่สมัครไว้ กลับเป็นงานที่ให้หลอกคนมาลงทุน หรือหลอกให้โอนเงิน ทำให้ไม่อยากทำงาน สุดท้ายต้องลงเอยด้วยการเสียเงินไถ่ตัว เพื่อจะเดินทางกลับประเทศ สุดท้ายต้องหาทางเดินทางกลับมาเลเซียด้วยตนเอง ทั้งนี้ จึงต้องการประสานความร่วมมือกับทางการไทย ซึ่งถูกใช้เป็นทางผ่าน ในการร่วมกันปราบปรามอาชญากรรมประเทศดังกล่าว เพื่อป้องกันเหตุลักษณะเดียวกันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติอื่นๆ ต่อไป


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การพบปะหารือกันในวันนี้ ถือเป็นการสร้างความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของทั้งสองประเทศ ในการปราบปรามอาชญากรรมเกี่ยวกับการหลอกผู้เสียหายไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ที่ต่างประเทศ ซึ่งจากกรณีดังกล่าว ประเทศไทยมีสถานะเป็นทางผ่านให้ผู้เสียหายเดินทางไปสู่ประเทศที่ 3 ซึ่งคดีเหล่านี้มีลักษณะการกระทำผิดคล้ายกับที่ผู้เสียหายชาวไทยได้เคยประสบเหตุมาแล้ว และเราสามารถให้การช่วยเหลือผู้เสียหายชาวไทยกลับมาได้อย่างปลอดภัยเป็นจำนวนมาก ครั้งนี้จึงถือเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลในการให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายในต่างประเทศ รวมทั้งร่วมมือกันในการป้องกันอาชญากรรมในลักษณะดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในอนาคตต่อไป. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง