กรุงเทพฯ 15 ก.พ.- “สายไหมต้องรอด” นำผู้เสียหายหลายสิบราย ร้อง ก.ยุติธรรม ขอรับเป็นคดีพิเศษ หลังถูกโบรกเกอร์ตุ๋นเทรดเหรียญคริปโท ก่อนหายเข้ากลีบเมฆ ถอนเงินไม่ได้ เสียหายรวมกว่า 1,000 ล้านบาท
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 15 ก.พ. ที่กระทรวงยุติธรรม นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมด้วยตัวแทนผู้เสียหายจากการถูกฉ้อโกงในการเทรดเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีรูปแบบใหม่กว่า 30 ราย โดยมีผู้ต้องหาเป็นกลุ่มบุคคลระดับสูงที่มีชื่อเสียงระดับประเทศรวมอยู่ด้วย ขณะที่มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 1,000 ล้านบาท เดินทางเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม โดยมีนายปริญญ์วัฒน์ เปี่ยมปินวงศ์ ผอ.ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม เป็นตัวแทนรับเรื่องแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
นายเค (นามสมมติ) ตัวแทนผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนถูกโบรกเกอร์รายหนึ่งชักชวนให้ร่วมลงทุนซื้อขายเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีในตลาด Forex ในต่างประเทศโดยใช้ชื่อว่า “MuVerse” โดยพฤติการณ์คือเปิดชักชวนให้นักลงทุนเช่นพวกตนมาเทรดเหรียญผ่านโบรกเกอร์รายนี้ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2565 โดยเสนอว่าหากลงทุนผ่านโบรกเกอร์รายนี้จะได้รับโบนัสในการลงทุนซื้อขาย 30% อีกทั้งยังมีแรงจูงใจด้วยการจัดทริปเดินทางไปเที่ยวในต่างประเทศและแจกโทรศัพท์มือถือ รวมถึงยังมีนักแสดงนายแบบและบุคคลในแวดวงสังคมชั้นสูงร่วมลงทุนและช่วยประชาสัมพันธ์ จึงทำให้มีผู้สนใจเข้าร่วมลงทุนจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการชักชวนกันแบบปากต่อปาก อาศัยความใกล้ชิด ความไว้วางใจ การมีเครดิตในสังคมในการจูงใจชักชวน
นายเค กล่าวอีกว่า ในระหว่างการลงทุนช่วงแรกๆ ตนและทุกคนยังสามารถถอนเงินออกได้ แต่การถอนเงินออกจะมีเงื่อนไขกำหนดว่าบุคคลนั้นจะหมดสิทธิ์ได้รับโบนัสการลงทุน 30% จึงทำให้นักลงทุนหลายคนตัดสินใจวางเงินไว้ภายในพอร์ตตัวเองเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว กลับพบว่าระบบเริ่มมีปัญหา ไม่สามารถถอนเงินออกจากในพอร์ตได้ และแอดมินให้เหตุผลว่าระบบถูกแฮกจากต่างจังหวัด ทำให้ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ จากนั้นก็พบว่ามีการปิดเว็บไซต์และระบบของโบรกเกอร์ซื้อขาย ทำให้ไม่สามารถนำเงินที่ลงทุนค้างไว้ออกมาได้ อย่างไรก็ตาม ในบรรดาผู้เสียหายบางส่วนได้รวมตัวกันจึงพบว่าเบื้องต้นขณะนี้มีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 1,000 ล้านบาทแล้ว เพราะการลงทุนนั้นเริ่มต้นที่ 30,000 บาท หลายคนเมื่อลงทุนแล้วเห็นปันผลดี มีกำไร จึงลงทุนเพิ่มขึ้นและค้างเงินไว้ในพอร์ต บางรายลงทุนสูงตั้งแต่หลักแสนบาท-หลักสิบล้านบาท ความเสียหายจึงมีมูลค่ามาก
นายเค กล่าวต่อว่า เมื่อผู้เสียหายทวงถามไปที่บริษัทโบรกเกอร์ดังกล่าว ก็มักจะถูกเกลี้ยกล่อมไม่ให้แจ้งความดำเนินคดี โดยอ้างว่าการแจ้งความนั้นไม่ได้ช่วยให้ได้รับเงินคืนมา แต่ให้ไปลงทุนเทรดเหรียญกับโบรกเกอร์อื่นแทน สักระยะไม่นานก็จะได้เงินคืนเอง การทำให้เป็นคดีความรังแต่จะทำให้เสียเวลาทำมาหากิน อีกทั้งระบบอาจจะกลับมาใช้บริการได้ปกติในอนาคต แต่ผู้เสียหายหลายรายเล็งเห็นว่าเวลาได้ล่วงเลยมาเป็นเวลานาน เกรงว่าจะไม่ได้รับเงินคืน จึงกระจายกันไปแจ้งความตามพื้นที่สถานีโรงพักต่างๆ ทั่วประเทศ ก่อนที่จะรวมตัวกันเข้ามาขอให้เพจสายไหมต้องรอดช่วยเหลือ เพื่อขอให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษเพื่อติดตามช่วยเหลือให้ผู้เสียหาย
ขณะที่นายโอ หนึ่งในตัวแทนผู้เสียหาย กล่าวด้วยว่า ตนคิดว่าโบรกเกอร์รายนี้มีพฤติการณ์ที่เป็นไปได้ 2 ลักษณะ คือ มีการอุ้มไว้เอง โดยที่ไม่ส่งเงินเทรดเหล่านี้เข้าระบบของต่างประเทศ (หรือเจ้ามือ) เพราะมั่นใจว่ารับไหวเคลียร์ได้ หรืออีกกรณีคือตั้งใจวางแผนไว้ว่าในกรอบระยะเวลาการลงทุนประมาณนี้ จำนวนมูลค่าการลงทุนทะลุเป้าแล้วก็ฉวยโอกาสหนีไปเมื่อระบบล่ม ตรงนี้คือสิ่งที่ตนติดใจสงสัย เพราะเราเป็นนักลงทุน ก็ไม่เคยคิดว่าจะถูกฉ้อโกงเช่นนี้ เพราะที่ผ่านมาก็มีการการันตีด้วยบุคคล ความใกล้ชิด ความสนิทสนมที่น่าเชื่อถือได้มาตลอด และเเรกๆ ก็ถอนเงินได้จริง จนมามีปัญหาเกิดขึ้นช่วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา
ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า การลงทุนแล้วได้มาง่ายๆมันไม่มีอยู่จริง การที่มีบุคคลใดอ้างว่าตัวเองนั้นเป็นโบรกเกอร์มืออาชีพที่สามารถทำให้นักลงทุนได้ผลตอบแทนสูง ตนอยากเตือนว่าโบรกเกอร์เก่งๆ ไม่มีจริง อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนที่มาชักชวนเหล่าผู้เสียหายกลุ่มนี้ ตนทราบว่าบางรายอยู่เบื้องหลังแชร์ Forex-3D อีกด้วย แต่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้ต้องหา ตนจึงขอให้ทางกระทรวงยุติธรรมช่วยเร่งรัดเรื่องนี้ และประสานขอให้รับเป็นคดีพิเศษ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตัวแทนกระทรวงยุติธรรมได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้ก่อนที่จะส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เสนอเข้าที่ประชุมพิจารณาว่าจะเข้าข่ายรับเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ตามขั้นตอนต่อไป.-สำนักข่าวไทย