กรุงเทพฯ 17 ม.ค. – ตำรวจกองปราบ รวบพันตรีเก๊ วัย 28 ปี หนีประกันศาล พบประวัติอื้อ ลวงผู้เสียหายร่วมลงทุนกว่า 100 ราย เสียหายกว่า 50 ล้านบาท
ตำรวจ กองปราบปราม ร่วมกันจับกุม นายจิตรภณ อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 605/2563 ลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน”โดยในการจับกุมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ตรวจสอบ พบหมายจับที่ยังมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายอีก 4 หมายจับ คือ
- หมายจับศาลอาญา ที่ 30/2563 ลงวันที่ 20 มกราคม 2563 กระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง
ฉ้อโกงประชาชน” - หมายจับศาลอาญา ที่ 49/2563 ลงวันที่ 20 มกราคม 2563 กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน”
- หมายจับศาลอาญา ที่ 162/2563 ลงวันที่ 9 มีนาคม 2563 กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน”
- หมายจับศาลแขวงพระนครใต้ ที่ 249/2563 ลงวันที่ 11 สิงหาคม 2563 กระทำความผิดฐาน “ความผิดฐานฉ้อโกง”
โดยจับกุมได้ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เขตราชวิถี กรุงเทพมหานคร พฤติการณ์คดี เมื่อประมาณปี พ.ศ.2562 ผู้ต้องหาได้หลอกลวงให้ร่วมลงทุนโครงการซื้อขายทำกำไรระยะสั้นของหุ้นต่างประเทศ (ชอร์ตหุ้น) โดยอ้างว่ามีผู้บริหารระดับประเทศทั่วโลกจะดำเนินการนำเงินลงทุนไปซื้อขายหุ้นในช่วงที่ตลาดหุ้นของวอลล์สตรีทปิดทุกวัน ซึ่งจะได้รับผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง โดยในการหลอกลวงดังกล่าวจะมีผู้ร่วมขบวนการอีก 2 คน คือ นายศรฉัตร อายุ 40 ปี และนายพีระยุทธ อายุ 34 ปี ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน และเป็นผู้ดูแลโปรแกรมการลงทุน โดยทั้งสองจะทำทีประกาศชักชวนให้ผู้เสียหายเข้ามาเป็นสมาชิกร่วมลงทุนกับกลุ่มเอนปี (NEW BLOCD) ที่มีผู้ต้องหาเป็นผู้บริหารงาน อีกทั้งยังมักจะกล่าวอ้างกับผู้ลงทุนให้ทราบว่า ผู้ต้องหาเป็นนายทหารยศพันตรี เป็นลูกของรองประธานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และมีบุคคลสำคัญของประเทศคอยหนุนหลังอยู่ จึงทำให้มีผู้สนใจเข้าร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยในระยะเริ่มแรกประมาณ 3-4 เดือน กลุ่มผู้ต้องหาได้มีการจ่ายเงินปันผลให้กับทางผู้ลงทุนจริง แต่ต่อมากลุ่มผู้ต้องหาได้ขอเลื่อนจ่ายเงินปันผลออกไป จนกระทั่งปฏิเสธการจ่ายเงิน และหลบหนีไป ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้ เนื่องจากเป็นคดีที่มีพฤติการณ์ในการกระทำผิดอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า 50 ล้านบาท โดยผู้ต้องหากระทำไปโดยมิได้เกรงกลัวต่อกฎหมาย และยังคงหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่
ต่อมา ในวันที่ 16 มกราคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ลงพื้นที่สืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหา จนทราบว่าผู้ต้องหาได้เดินทางมาในพื้นที่กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกำลังลงจับกุม โดยสามารถจับกุมได้ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ หลังจากนั้นจึงนำตัวส่งศาลอาญาดำเนินคดีตามกฎหมาย สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา .-สำนักข่าวไทย