เปิดใจคนในรถปาเจโร่ ถูกรถหรูซิ่งชนพังยับบนทางด่วน

กทม. 8 ม.ค. – กรณีรถหรูเบนท์ลีย์ พุ่งชนท้ายรถมิตซูบิชิ ปาเจโร่ ก่อนที่รถปาเจโร่จะถูกรถดับเพลิงของ อปพร. พุ่งชนซ้ำ เหตุการณ์นี้มีผู้บาดเจ็บหลายคน ด้านผู้เสียหายตั้งข้อสังเกตคนขับรถเบนท์ลีย์ ทำไมไม่เป่าแอลกอฮอล์ ขณะที่ตำรวจแจ้งว่าคู่กรณีขอไปตรวจเลือดที่ รพ.ตำรวจ คาดผลออกมาเร็วสุดภายใน 7 วัน


กล้องหน้ารถบันทึกเหตุการณ์รถยนต์ชนกัน 3 คันบนทางพิเศษเฉลิมมหานคร ห่างจากทางขึ้นถนนสุขสวัสดิ์ประมาณ 9-10 กิโลเมตร มุ่งหน้าไปทางดินแดง ในภาพเห็นรถเบนท์ลีย์ สีดำ ขับมาด้วยความเร็วและแซงซ้าย ก่อนพุ่งชนท้ายรถมิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีดำ ป้ายแดง ที่วิ่งอยู่เลนกลาง จนรถปาเจโร่เสียหลักหมุนคว้างพุ่งชนขอบทางขวาสุด ก่อนถูกรถกระบะดับเพลิง อปพร.บางรัก ที่ขับอยู่ช่องทางขวา ซึ่งกำลังรีบไปที่เกิดเหตุไฟไหม้ย่านอุดมสุข พุ่งชนอย่างรุนแรง เป็นเหตุให้รถปาเจโร่หงายท้อง เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.30 น.

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พูดคุยกับคนขับรถปาเจโร่ ซึ่งยังอยู่ในอาการบาดเจ็บให้ข้อมูลว่า ขับรถออกจากบ้านพักย่านทุ่งครุ นั่งกันมา 6 คน เป็นผู้ใหญ่ 5 และเด็ก 4 ขวบ 1 คน ขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าลงดินแดงเพื่อกลับบ้านที่บึงกาฬ ขณะอยู่บนทางด่วนขับอยู่เลนกลาง ใช้ความเร็วประมาณ 90 กม./ชม. จากนั้นรู้สึกโดนกระแทกแล้วจำอะไรไม่ได้เลย หลังเกิดเหตุพบว่ารถคว่ำ จึงพยายามตั้งสติพาทุกคนออกมาจากรถ


เช่นเดียวกับแฟนสาว บอกว่า ทุกคนรอดมาได้เพราะคาดเข็มขัดนิรภัย พ่อที่นั่งด้านข้างคนขับได้รับบาดเจ็บแขน ส่วนแม่และหลานชาย รวมถึงตนเองนั่งอยู่แถวที่ 2 ส่วนน้องสาวนั่งอยู่ด้านหลัง ในรถมีสัมภาระจำพวกที่นอน ส่วนของที่เหลือจัดไว้ด้านบน เพราะจะเดินทางไกลไปต่างจังหวัด และเนื่องจากไม่ได้เจอพ่อแม่มาหลายปี จึงตั้งใจออกรถเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม เพื่อนำรถกลับไปให้ครอบครัวดู แต่มาประสบเหตุก่อน หากไม่ได้รถกู้ภัยมาชนซ้ำ อาจทำให้รถตกทางด่วนไปแล้ว

ผู้เสียหายตั้งข้อสังเกตคนขับ “เบนท์ลีย์” ไม่เป่าแอลกอฮอล์
จนถึงขณะนี้ทั้งสองคน เจ้าหน้าที่กู้ภัย และเจ้าของรถเบนท์ลีย์ยังไม่ได้พูดคุยเจรจาค่าเสียหาย 3 ฝ่าย แต่ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดคู่กรณีไม่ได้ตรวจวัดแอลกอฮอล์ที่สถานีตำรวจ ทั้งที่กลุ่มเจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามให้เป่า ขณะที่ตำรวจแจ้งว่าคู่กรณีขอไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลตำรวจ ทราบเบื้องต้นว่าผลจะออกอย่างเร็วสุดใน 7 วัน อย่างไรก็ตาม ร้องขอให้บริษัทประกันเคลมรถคันใหม่ให้ เพราะเพิ่งออกมาได้เพียง 21 วัน รวมถึงต้องการให้เยียวยาสภาพร่างกายและจิตใจ เพราะพ่อแขนหัก

ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง พ.ต.ท.พิเชษฐ์ ก้อนแพง รองผู้กำกับการ (สอบสวน) งานศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 1 กองกำกับการ 2 บก.จร. บอกว่า คนขับรถเบนท์ลีย์ ยอมรับผิดและยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้กับคู่กรณีทั้งหมด จึงทำบันทึกประจำวันและส่งตัวผู้ขับขี่ไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาปริมาณแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นการตรวจที่ได้มาตรฐาน อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมีฝั่งรถปาเจโร่บาดเจ็บทุกคน หนักสุดแขนหัก อยู่ระหว่างการรักษาที่โรงพยาบาล


ส่วนการเจราจาไกล่เกลี่ย มีทนายของฝั่งรถปาเจโร่ติดต่อเข้ามาแล้ว ขณะนี้ต้องรอให้ผู้บาดเจ็บรักษาอาการให้หายดีก่อน และจะต้องรอผลตรวจเลือดยืนยันจากโรงพยาบาลอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ อีกทั้งต้องรอฝั่งผู้เสียหายรักษาอาการบาดเจ็บ ก่อนแจ้งข้อหา

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ขับรถยนต์หรู “เบนท์ลีย์” คือ นายสุทัศน์ จากการตรวจสอบประวัติพบว่ามีชื่อเป็นกรรมการถึง 7 บริษัท ทำธุรกิจซื้อขายที่ดิน ทำตลาดสด และขายวัสดุก่อสร้าง

ส่วนรถกระบะดับเพลิงคันเกิดเหตุได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นกัน จากการสอบถามเจ้าหน้าที่อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยมัสยิดฮารูณ บอกว่า ผู้ใหญ่ของมูลนิธิฯ ไปพูดคุยกับคู่กรณี แต่ยังไม่ได้ข้อมูลอะไรว่าจะชดใช้อย่างไร ส่วนคนขับเบนท์ลีย์ไม่ได้ลงมาช่วย และยืนอยู่ริมทาง

ด้านนายอานนท์ อายุ 44 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยหน่วยฐานพระยาตาก กล่าวว่า หลังเกิดเหตุพบว่าคนขับเบนท์ลีย์ลงจากทางด่วนเพื่อเรียกแท็กซี่ จึงมีอาสาสมัครที่เห็นเหตุการณ์ขับรถตามไป กระทั่งพบว่าไปที่ สน. จากนั้นได้พยายามเดินเข้าห้องน้ำและเลี่ยงออกหลังห้องน้ำ กระทั่งมีการพูดคุยกับตำรวจ จึงทราบว่าพร้อมที่จะรับผิดชอบความเสียหายทั้งรถดับเพลิง และรถปาเจโร่

สำนักข่าวไทย ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจาก พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ระบุไว้ว่า หากคนขับรถมีพฤติการณ์หย่อนสมรรถภาพขับขี่ หรือเมาสุรา หรือเมาอย่างอื่น เจ้าพนักงานสามารถสั่งให้มีการทดสอบ (เป่าแอลกอฮอล์) ได้ แต่หากคนขับไม่ยอมให้ทดสอบ ก็ให้กักตัวไว้ดำเนินการทดสอบตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็น แต่ในกรณีที่มีพฤติการณ์อันควรเชื่อว่าผู้ขับขี่รถในขณะเมาสุรา หรือของเมาอย่างอื่น หากยังไม่ทดสอบอีก ให้สันนิษฐานว่าเมาแล้วขับ

ส่วนการตรวจวัดแอลกอฮอล์โดยการเจาะเลือด ตามปกติจะดำเนินการเมื่อตรวจทางลมหายใจไม่ได้ ที่ผ่านมาใช้ในกรณีที่คนขับรถมีอาการบาดเจ็บและต้องถูกส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาล จากนั้นจะเป็นขั้นตอนของการทำหนังสือและโรงพยาบาลจะเจาะเลือดคนขับภายใน 2 ชั่วโมง ซึ่งต้องได้รับความยินยอมจากคนขับ (หากมีสติ) หรือญาติ สำหรับการเจาะเลือดจะใช้ค่าที่ได้ขณะนั้น แต่มีสูตรคำนวณย้อนหลังกลับไปในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ เพื่อไม่ให้ “ระยะเวลา” เป็นตัวแปรทำให้ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดคลาดเคลื่อน. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว

สุรินทร์ 28 ส.ค.-รองผู้ว่าฯ สุรินทร์ เผยเด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าน้องเป็นคนไทย น้องยังต้องได้รับสิทธิตามอนุสัญญาหลักสิทธิเด็ก เข้ารับการศึกษาต่อไป นายประภาส ศรีจันทร์เวียง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยกับสำนักข่าวไทยว่า ขณะนี้ พมจ.สุรินทร์ ตม.สุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กำลังดูแลน้องอายุ 13 ปี ที่มีแม่เป็นชาวกัมพูชาและทั้งคู่ถูกแจ้งจับเนื่องจากเป็นคนต่างด้าวอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายและไม่มีใบอนุญาต ได้รับรายงานว่า เด็กชาย อายุ 13 ปีรายนี้ เกิดที่ จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ส่วนแม่ทำงานในบ่อนการพนันที่ช่องสะงำ จากนั้นก็ได้เดินทางกลับประเทศโดยถูกกฎหมาย และคลอดน้องที่ประเทศกัมพูชา ก่อนจะกลับมาประเทศไทยอีกครั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต และลอบอยู่ในประเทศไทย โดยน้องได้รับการศึกษาในประเทศไทยตั้งแต่ ป.1 จนกระทั่งปัจจุบันคือ ม.1 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะดำเนินการพาน้องอายุ 13 ปี ตรวจดีเอ็นเอ เนื่องจาก พมจ.สุรินทร์ ได้รับข้อมูลจากฝ่ายแม่เด็กว่า พ่อที่แท้จริงของน้องคือ ชายไทยที่อยู่ด้วยกันในปัจจุบัน แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถยืนยันความจริงได้ นอกจากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น เพื่อดำเนินการทางกฎหมายในขั้นตอนต่อไป เช่น หากพิสูจน์ได้ว่า น้องมีบิดา […]

มติสภาประชุมลับญัตติด่วน MOU43-44 ฝ่ายค้านชี้ปิดหูปิดตา ปชช.

28 ส.ค. – สภาฯ ถกญัตติด่วน “MOU 43-44” เพื่อไทยขอประชุมลับ หวั่นอภิปรายเนื้อหาล้ำเส้น กังวลกัมพูชารู้ทาง ด้านฝ่ายค้านยันต้องเปิดเผย ไม่ใช่ปิดหูปิดตาประชาชน สุดท้ายเปิดเผยเฉพาะผู้เสนอญัตติ ส่วนผู้อภิปรายเป็นประชุมลับ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯคนที่หนึ่งเป็นประธานการประชุม หลังพิจารรณากระทู้ถามทั่วไปแล้วได้มีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา 5 ฉบับ ได้แก่ 1. น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใทย เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 ระหว่างไทยกัมพูชา 2.นายกรวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เสนอให้สภาฯทำการศึกษาบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 แก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย กัมพูชา 3.นายสฤษพงศ์ ​เกี่ยวข้องสส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าเนื่องจากตนได้เสนอญัตติดังกล่าวเป็นหนังสือไว้แล้ว ก็ขอให้นำมาอยู่ในวาระด่วนเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นเรื่องทำนองเดียวกัน 4.นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเรื่องขอให้สภาฯพิจารณาศึกษMOU 43 และ44 […]

เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด

แม่ฮ่องสอน 28 ส.ค. – เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด คอสะพานห้วยโป่งถูกน้ำป่าซัดเสียหายกว้างกว่า 80 เมตร คาด 1 ก.ย.นี้ สามารถเปิดเส้นทางสัญจรได้ สภาพความเสียหายของพื้นที่ริมทางหลวง 108 บริเวณห้วยบ้านตำข่อน บ้านแม่จ๋า บ้านผาบ่องเหนือ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน หลังระดับน้ำลดลงเป็นปกติ ยังคงมีท่อนไม้ ต้นไม้กองทับถมอยู่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนำรถและเครื่องจักรใหญ่เข้าเคลียร์ท่อนไม้ เศษไม้ที่กีดขวาง สามารถเปิดให้รถสัญจรไปมาได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวัง ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลาก เส้นทางหมายเลข 108 บริเวณสะพานห้วยโป่ง ต.ห้วยโป่ง ข้ามลำน้ำแม่จ๋า ซึ่งคอสะพานถูกน้ำป่าซัดได้รับความเสียหายเป็นแนวกว้าง ทำให้การสัญจรถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง จึงประสานศูนย์สร้างและบูรณะสะพานจังหวัดพิจิตร เพื่อขอสนับสนุนสะพานแบริ่ง หรือสะพานเหล็กสำเร็จรูป สำหรับใช้งานชั่วคราว ขณะที่วิศวกรจากศูนย์ฯ จะเข้าตรวจสอบความเสียหายของสะพานห้วยโป่ง เพื่อดำเนินการติดตั้งสะพานแบริ่ง หากไม่มีอุปสรรคคาดว่าสะพานจะพร้อมใช้งานและเปิดให้สัญจรได้อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 1 กันยายนนี้ น้ำที่ท่วม 13 หมู่บ้านรวมทั้งตัว อ.แม่แจ่ม เริ่มลดลงส่วนที่ จ.เชียงใหม่ […]

จนท.ตรึงกำลังเข้มบ้านหนองจาน หวั่นเผชิญหน้า

สระแก้ว 28 ส.ค. – คนไทยรวมพลบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว แสดงพลังปกป้องแผ่นดินไทย เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังเข้ม หวั่นเหตุเผชิญหน้า หลังชาวกัมพูชาท้าทาย ขณะที่ “กัน จอมพลัง” ขนรถดูดส้วม 14 คัน เสิร์ฟเขมร.-สำนักข่าวไทย