เปิดใจคนในรถปาเจโร่ ถูกรถหรูซิ่งชนพังยับบนทางด่วน

กทม. 8 ม.ค. – กรณีรถหรูเบนท์ลีย์ พุ่งชนท้ายรถมิตซูบิชิ ปาเจโร่ ก่อนที่รถปาเจโร่จะถูกรถดับเพลิงของ อปพร. พุ่งชนซ้ำ เหตุการณ์นี้มีผู้บาดเจ็บหลายคน ด้านผู้เสียหายตั้งข้อสังเกตคนขับรถเบนท์ลีย์ ทำไมไม่เป่าแอลกอฮอล์ ขณะที่ตำรวจแจ้งว่าคู่กรณีขอไปตรวจเลือดที่ รพ.ตำรวจ คาดผลออกมาเร็วสุดภายใน 7 วัน


กล้องหน้ารถบันทึกเหตุการณ์รถยนต์ชนกัน 3 คันบนทางพิเศษเฉลิมมหานคร ห่างจากทางขึ้นถนนสุขสวัสดิ์ประมาณ 9-10 กิโลเมตร มุ่งหน้าไปทางดินแดง ในภาพเห็นรถเบนท์ลีย์ สีดำ ขับมาด้วยความเร็วและแซงซ้าย ก่อนพุ่งชนท้ายรถมิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีดำ ป้ายแดง ที่วิ่งอยู่เลนกลาง จนรถปาเจโร่เสียหลักหมุนคว้างพุ่งชนขอบทางขวาสุด ก่อนถูกรถกระบะดับเพลิง อปพร.บางรัก ที่ขับอยู่ช่องทางขวา ซึ่งกำลังรีบไปที่เกิดเหตุไฟไหม้ย่านอุดมสุข พุ่งชนอย่างรุนแรง เป็นเหตุให้รถปาเจโร่หงายท้อง เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.30 น.

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พูดคุยกับคนขับรถปาเจโร่ ซึ่งยังอยู่ในอาการบาดเจ็บให้ข้อมูลว่า ขับรถออกจากบ้านพักย่านทุ่งครุ นั่งกันมา 6 คน เป็นผู้ใหญ่ 5 และเด็ก 4 ขวบ 1 คน ขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าลงดินแดงเพื่อกลับบ้านที่บึงกาฬ ขณะอยู่บนทางด่วนขับอยู่เลนกลาง ใช้ความเร็วประมาณ 90 กม./ชม. จากนั้นรู้สึกโดนกระแทกแล้วจำอะไรไม่ได้เลย หลังเกิดเหตุพบว่ารถคว่ำ จึงพยายามตั้งสติพาทุกคนออกมาจากรถ


เช่นเดียวกับแฟนสาว บอกว่า ทุกคนรอดมาได้เพราะคาดเข็มขัดนิรภัย พ่อที่นั่งด้านข้างคนขับได้รับบาดเจ็บแขน ส่วนแม่และหลานชาย รวมถึงตนเองนั่งอยู่แถวที่ 2 ส่วนน้องสาวนั่งอยู่ด้านหลัง ในรถมีสัมภาระจำพวกที่นอน ส่วนของที่เหลือจัดไว้ด้านบน เพราะจะเดินทางไกลไปต่างจังหวัด และเนื่องจากไม่ได้เจอพ่อแม่มาหลายปี จึงตั้งใจออกรถเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม เพื่อนำรถกลับไปให้ครอบครัวดู แต่มาประสบเหตุก่อน หากไม่ได้รถกู้ภัยมาชนซ้ำ อาจทำให้รถตกทางด่วนไปแล้ว

ผู้เสียหายตั้งข้อสังเกตคนขับ “เบนท์ลีย์” ไม่เป่าแอลกอฮอล์
จนถึงขณะนี้ทั้งสองคน เจ้าหน้าที่กู้ภัย และเจ้าของรถเบนท์ลีย์ยังไม่ได้พูดคุยเจรจาค่าเสียหาย 3 ฝ่าย แต่ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดคู่กรณีไม่ได้ตรวจวัดแอลกอฮอล์ที่สถานีตำรวจ ทั้งที่กลุ่มเจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามให้เป่า ขณะที่ตำรวจแจ้งว่าคู่กรณีขอไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลตำรวจ ทราบเบื้องต้นว่าผลจะออกอย่างเร็วสุดใน 7 วัน อย่างไรก็ตาม ร้องขอให้บริษัทประกันเคลมรถคันใหม่ให้ เพราะเพิ่งออกมาได้เพียง 21 วัน รวมถึงต้องการให้เยียวยาสภาพร่างกายและจิตใจ เพราะพ่อแขนหัก

ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง พ.ต.ท.พิเชษฐ์ ก้อนแพง รองผู้กำกับการ (สอบสวน) งานศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 1 กองกำกับการ 2 บก.จร. บอกว่า คนขับรถเบนท์ลีย์ ยอมรับผิดและยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้กับคู่กรณีทั้งหมด จึงทำบันทึกประจำวันและส่งตัวผู้ขับขี่ไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาปริมาณแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นการตรวจที่ได้มาตรฐาน อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมีฝั่งรถปาเจโร่บาดเจ็บทุกคน หนักสุดแขนหัก อยู่ระหว่างการรักษาที่โรงพยาบาล


ส่วนการเจราจาไกล่เกลี่ย มีทนายของฝั่งรถปาเจโร่ติดต่อเข้ามาแล้ว ขณะนี้ต้องรอให้ผู้บาดเจ็บรักษาอาการให้หายดีก่อน และจะต้องรอผลตรวจเลือดยืนยันจากโรงพยาบาลอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ อีกทั้งต้องรอฝั่งผู้เสียหายรักษาอาการบาดเจ็บ ก่อนแจ้งข้อหา

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ขับรถยนต์หรู “เบนท์ลีย์” คือ นายสุทัศน์ จากการตรวจสอบประวัติพบว่ามีชื่อเป็นกรรมการถึง 7 บริษัท ทำธุรกิจซื้อขายที่ดิน ทำตลาดสด และขายวัสดุก่อสร้าง

ส่วนรถกระบะดับเพลิงคันเกิดเหตุได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นกัน จากการสอบถามเจ้าหน้าที่อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยมัสยิดฮารูณ บอกว่า ผู้ใหญ่ของมูลนิธิฯ ไปพูดคุยกับคู่กรณี แต่ยังไม่ได้ข้อมูลอะไรว่าจะชดใช้อย่างไร ส่วนคนขับเบนท์ลีย์ไม่ได้ลงมาช่วย และยืนอยู่ริมทาง

ด้านนายอานนท์ อายุ 44 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยหน่วยฐานพระยาตาก กล่าวว่า หลังเกิดเหตุพบว่าคนขับเบนท์ลีย์ลงจากทางด่วนเพื่อเรียกแท็กซี่ จึงมีอาสาสมัครที่เห็นเหตุการณ์ขับรถตามไป กระทั่งพบว่าไปที่ สน. จากนั้นได้พยายามเดินเข้าห้องน้ำและเลี่ยงออกหลังห้องน้ำ กระทั่งมีการพูดคุยกับตำรวจ จึงทราบว่าพร้อมที่จะรับผิดชอบความเสียหายทั้งรถดับเพลิง และรถปาเจโร่

สำนักข่าวไทย ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจาก พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ระบุไว้ว่า หากคนขับรถมีพฤติการณ์หย่อนสมรรถภาพขับขี่ หรือเมาสุรา หรือเมาอย่างอื่น เจ้าพนักงานสามารถสั่งให้มีการทดสอบ (เป่าแอลกอฮอล์) ได้ แต่หากคนขับไม่ยอมให้ทดสอบ ก็ให้กักตัวไว้ดำเนินการทดสอบตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็น แต่ในกรณีที่มีพฤติการณ์อันควรเชื่อว่าผู้ขับขี่รถในขณะเมาสุรา หรือของเมาอย่างอื่น หากยังไม่ทดสอบอีก ให้สันนิษฐานว่าเมาแล้วขับ

ส่วนการตรวจวัดแอลกอฮอล์โดยการเจาะเลือด ตามปกติจะดำเนินการเมื่อตรวจทางลมหายใจไม่ได้ ที่ผ่านมาใช้ในกรณีที่คนขับรถมีอาการบาดเจ็บและต้องถูกส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาล จากนั้นจะเป็นขั้นตอนของการทำหนังสือและโรงพยาบาลจะเจาะเลือดคนขับภายใน 2 ชั่วโมง ซึ่งต้องได้รับความยินยอมจากคนขับ (หากมีสติ) หรือญาติ สำหรับการเจาะเลือดจะใช้ค่าที่ได้ขณะนั้น แต่มีสูตรคำนวณย้อนหลังกลับไปในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ เพื่อไม่ให้ “ระยะเวลา” เป็นตัวแปรทำให้ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดคลาดเคลื่อน. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สั่งย้ายครูแบทแมน

สั่งเด้ง “ครูแบทแมน” ถ่ายคลิปไม่เหมาะสมในโรงเรียน

กัน จอมพลัง บุก ก.ศึกษาธิการ ร้องเอาผิดครูชายสวมหน้ากากแบทแมน ถ่ายคลิปไม่เหมาะสมในโรงเรียน จ.อุทัยธานี ล่าสุดสั่งย้าย “ผอ.โรงเรียน-ครูแบทแมน” เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ด้าน “สส.ชาดา-กัน จอมพลัง” ลงพื้นที่ ขีดเส้นตายสอบเอาผิด

แม่อดีตครูสาว ยังติดใจสาเหตุ หลังพบศพในรถลานจอด รพ.

“น้องกิ๊ฟ” อดีตครูหายตัวไปเกือบ 1 เดือน พบอีกทีเป็นร่างไร้วิญญาณในรถยนต์บนลานจอดของโรงพยาบาล ญาติยังติดใจสาเหตุวอนตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด ไขข้อสงสัย

สั่งจำคุก “อัจฉริยะ” 2 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีละเมิดอำนาจศาล

ศาลอาญาสั่งจำคุก “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” 2 เดือน ไม่รอลงอาญา ฐานละเมิดอำนาจศาล เผยแพร่เอกสารสรุปย่อคำพิพากษาต่อสื่อมวลชนโดยไม่ได้รับอนุญาต

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เรียก “รมต.จิราพร-ผบ.ตร.” ถกปราบบุหรี่ไฟฟ้า

“แพทองธาร” นายกฯ เรียก “รมต.จิราพร-ผบ.ตร.” ประชุมปราบปราม “บุหรี่ไฟฟ้า” ขีดเส้น 30 วัน ดำเนินการให้เด็ดขาด สั่งเข้มห้ามขายใกล้สถานศึกษา ต้องจัดการผู้นำเข้า

รถบัสดูงานคว่ำ

เร่งหาสาเหตุรถบัสคณะดูงานบึงกาฬ พลิกคว่ำทางลงเขาศาลปู่โทน

เจ้าหน้าที่เร่งกู้ซากรถบัสคณะดูงานเทศบาลบึงกาฬ เสียหลักพลิกคว่ำบริเวณทางลงเขาศาลปู่โทน จ.ปราจีนบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 คน บาดเจ็บอีกจำนวนมาก พร้อมเร่งหาสาเหตุของอุบัติเหตุ หลังมีรายงานว่าตอนลงเขารถบัสใช้ความเร็วเกิน 100 กม./ชม.

ดราม่ายิว

“มท.1” ลงพื้นที่โบสถ์ชาบัด ด้านผู้นำศาสนายูดาห์ ลั่นไม่เคยคิดยึดปาย

“มท.1” ลงพื้นที่โบสถ์ชาบัด เมืองปาย หลังมีกระแสข่าวชาวอิสราเอลตั้งถิ่นฐาน-ก่อความวุ่นวาย ด้านผู้นำศาสนายูดาห์ ลั่นประเทศไทยเป็นของคนไทย ไม่เคยคิดยึดปาย รับเสียใจคนเข้าใจผิด ทั้งที่คนอิสราเอลชอบประเทศไทยและคนไทย

รถบัสคว่ำ

รถบัสดูงานจากบึงกาฬ พลิกคว่ำดับ 18 – คนขับอ้างไม่ชินทาง

รถบัสทัศนศึกษาดูงานจากบึงกาฬ พลิกคว่ำทางลง “เขาศาลปู่โทน” ปราจีนฯ เสียชีวิต 18 คน บาดเจ็บกว่า 30 คน เบื้องต้นคนขับอ้างไม่ชินทาง