กรุงเทพฯ 23 พ.ย. – “ชูวิทย์” หอบหลักฐานข้อมูลทรัพย์สินและนอมินีของ “ตู้ห่าว” เป็นหญิงไทยขายเครื่องครัวย่านพระโขนง ให้ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” ขยายผลจับกุม
เวลา 15.00 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับนายตู้ห่าว มอบให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระหว่างแถลงขยายผลการดำเนินคดีกับกลุ่มนายทุนจีนและนอมินีร้านจินหลิง, ผับเบเบี้เฟซ, ท็อปวัน, คลับวัน และการดำเนินคดีกับนายตู้ห่าว หลังเข้ามอบตัวเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ (23 พ.ย.65)
ทั้งนี้ เอกสารที่มอบให้ครั้งนี้เป็นรายการทรัพย์สินของนายตู้ห่าว จากคนจีนที่ต้องเช่าห้องเช่าราคา 4,000 บาท ย่านรัชดาภิเษก 10 เวลาผ่านไปเพียง 10 ปี กลับมีทรัพย์สินมูลค่ามากมาย โรงแรม 395 ห้อง โฉนดที่ดินอีกเป็น 100 ไร่ ซึ่งคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท รวมถึงยังมีข้อมูลเกี่ยวข้องกับหนังสือสัญญาซื้อขาย การจดจำนองที่ดินกับธนาคาร มูลค่าพันล้าน และเส้นทางการเงินบัญชีที่เชื่อมโยงและข้อมูลหญิงไทยที่เป็นนอมินีให้กับตู้ห่าว ขายเครื่องครัวอยู่ในย่านพระโขนง ชื่อ นางสาวพัชรินทร์ และจากข้อมูลยังพบว่าเป็นภรรยาอีกคนของตู้ห่าว และเกี่ยวพันกับผู้ใหญ่ของบ้านเมืองคนหนึ่ง แต่ไม่ขอเอ่ยชื่อ และอยู่เบื้องหลังให้ความช่วยเหลือด้วย ทั้งนี้ มองว่าถ้านำอิทธิพลไปใช้กับเรื่องบ่อน เรื่องธุรกิจสีเทาอ่อน ๆ กว่านี้ก็คงไม่มีใครว่า แต่ถ้ามาใช้กับเรื่องยาเสพติดไม่มีทางยอม และสังคมก็ไม่มีทางยอมรับได้เช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับรอง ผบ.ตร. ว่าจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำให้พี่น้องตำรวจทำงานได้อย่างสบายใจหรือไม่ เพราะไม่ใช่เรื่องของคนอื่น แต่เป็นต่างชาติที่มาสร้างเรื่องในไทย
ส่วนที่หลายคนถามว่ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำไมนั้น มองว่าสังคมต้องมีคนที่แข็งแกร่งและช่วยกัน ตนเพียงแค่นำข่าวสารมาแจ้งให้ตำรวจทราบ ไม่ได้อยากดังหรือหิวแสง เพราะดังมานานแล้ว คดีใหญ่เช่นนี้ ถ้าไม่เร่งดำเนินการ หมายจับคงไม่ออก ซึ่งคดีดังกล่าวสังคมกำลังจับจ้อง ดังนั้น การดำเนินการใด ๆ ก็ขอให้ตำรวจทำด้วยความรวดเร็ว ตัดสินใจฉับไว กลัวจะไม่ทันการณ์ เพราะจะมีการยัดไส้การเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา ซึ่งดีใจมีส่วนช่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ หลังจากนี้ยืนยันหมดหน้าที่แล้ว จึงไว้วางใจและฝากเรื่องให้กับรอง ผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ต่อไป.-สำนักข่าวไทย