กรุงเทพฯ 17 พ.ย. – ตำรวจสอบสวนกลางตั้งคณะทำงาน 3 หน่วย ร่วมตรวจสอบกรณีโบรกเกอร์ 11 บริษัท รวมตัวร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีฉ้อโกงกับผู้ซื้อ-ขายหุ้น MORE กว่า 4,500 ล้านบาท
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยหลังจากพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. รับคำร้องทุกข์จากตัวแทนบริษัทโบรกเกอร์รวม 11 บริษัท ให้ดำเนินคดีกับผู้ซื้อหุ้น MORE 1 คน และผู้ขายหุ้นอีกกว่า 20 คน หลังพบความผิดปกติในการซื้อขายหุ้น จนทำให้พบความเสียหายกว่า 4,500 ล้านบาท
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า บริษัทที่เข้ามาร้องทุกข์มีทั้งตัวแทนของธนาคาร และบริษัทโบรกเกอร์ที่มีความเสียหายแตกต่างกันไป ตั้งแต่หลักร้อยล้านถึงพันล้านบาท และสงสัยว่าผู้ซื้อกับผู้ขายหุ้นเป็นกลุ่มเดียวกัน หรือเกี่ยวพันกันในทางธุรกิจ ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง และขณะนี้ตำรวจสอบสวนกลางได้ตั้งคณะทำงาน โดยให้ตำรวจกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี หรือ ปอท. และตำรวจ ปอศ. ร่วมกันตรวจสอบทั้ง 3 หน่วยงาน ส่วนผู้ถูกกล่าวหาจะเข้าข่ายความผิดหรือตั้งใจเข้ามาปล้นโบรกเกอร์หรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
หลังจากนี้จะออกหมายเรียกให้ผู้เกี่ยวข้องมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ทั้งเจ้าหน้าที่จากตลาดหลักทรัพย์ เจ้าหน้าที่ ก.ล.ต. รวมทั้งผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้งกว่า 20 คน
เบื้องต้นยังไม่พบว่าบุคคลใดหลบหนีออกนอกประเทศ และเตรียมตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของผู้เกี่ยวข้อง ส่วนจะเข้าข่ายลักษณะการปั่นหุ้นหรือไม่ จะตรวจสอบร่วมกัน หรือหากพบความผิดอื่นๆ จะดำเนินคดีเพิ่มได้
ทั้งนี้ 11 บริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีหุ้น MORE พบการซื้อขายหุ้น MORE ในลักษณะผิดปกติ หลังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แจ้งว่าพบความผิดปกติในการซื้อขายหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE และให้หยุดพักการซื้อขายเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
จากกรณีดังกล่าวเกิดความปั่นป่วนกับบรรดาวงการโบรกเกอร์อย่างมาก ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้น MORE มีการซื้อขายหุ้นผิดปกติ โดยเป็นผู้ซื้อรายหนึ่งซึ่งสงสัยว่าอาจรู้เห็นกับผู้ขาย ไม่สามารถชำระราคาค่าหุ้นได้ ภาระจ่ายทั้งหมดจะตกอยู่กับโบรกเกอร์ที่ต้องเป็นผู้จ่ายเงินแทนให้กับผู้ขาย
ทั้งนี้ ต.ล.ท. พบความผิดปกติการซื้อขายหุ้น MORE เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าการซื้อขายผิดปกติมากถึง 7,143 ล้านบาท (เฉลี่ย 30 วันก่อนหน้าอยู่ที่เพียง 360 ล้านบาท) โดยเฉพาะช่วงที่เปิดตลาดมีปริมาณการซื้อขายสูงถึง 1,500 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณเกือบ 4,300 ล้านบาท ลักษณะของการส่งคำสั่งซื้อขายที่ผิดปกติคือ ฝั่งซื้อพบว่าเป็นการส่งคำสั่งซื้อจากผู้ซื้อเพียง 1 ราย ผ่านบริษัทสมาชิกหลายแห่ง ที่ราคา 2.90 บาท ฝั่งขายพบว่ามีการส่งคำสั่งขายเป็นจำนวนมากจากผู้ขายหลายรายที่ระดับราคาใกล้เคียงกับราคาเสนอซื้อ
หลังจากนั้นภายในไม่ถึง 20 นาที หลังเปิดตลาด ราคาทยอยปรับตัวลงจนไปต่ำสุดที่ Floor ที่ราคา 1.95 บาท และยังเกิดแรงขายต่อเนื่องในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 ราคาลงไป Floor ที่ 1.37 บาท แต่มูลค่าการซื้อขายเบาบางลงมาก เพลือเพียง 134 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย