กรุงเทพฯ 14 ต.ค. – “ทนายเดชา” ชี้คนร้ายแชทลวงสาวก่อนถูกกักขัง ทำร้ายร่างกาย บาดเจ็บสาหัสถึงขั้นเสียชีวิต ยังไม่ใช่ฆาตกรต่อเนื่อง
นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายชื่อดัง ต่อกรณีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวในลักษณะผู้ก่อเหตุลวงสาวมาทำร้ายร่างกาย เป็นฆาตกรต่อเนื่องนั้น ส่วนตัวมองว่าคดีดังกล่าวยังไม่สามารถใช้คำว่าฆาตกรต่อเนื่องได้ จนกว่าจะมีการสืบเสาะพฤติกรรมให้แน่ชัด เพราะคำว่าฆาตกรต่อเนื่องคือคนที่มีพฤติการณ์ฆ่าคนตาย โดยมีมูลเหตุ รวมแผนประทุษกรรมเดียวกันในทุกคดี หรือเคยต้องโทษคดีฆาตกรรมลักษณะเดียวกันมาก่อน
กรณีของนายธนเดชนั้น คดีแรกเป็นคดียิงผู้ชายตาย เพราะหึงหวงแฟนสาว ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากอีก 2 คดีหลังที่แชทผ่านแอปฯ หาคู่ ล่อลวงชักชวนเหยื่อสาวให้มาพบเจอกัน หรืออยู่ด้วยกัน ก่อนถูกกักขัง ทำร้ายร่างกาย บาดเจ็บสาหัสถึงขั้นเสียชีวิต
ด้านนายแพทย์ณัฐกร จำปาทอง ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เผยถึงพฤติกรรมของผู้ต้องหา เบื้องต้นสามารถที่จะบอกได้ว่าน่าจะมีปัญหาทางด้านสุขภาพจิต แต่การที่จะเข้าข่ายเป็นโรคหรือภาวะเจ็บป่วยทางจิตเวช คงจะต้องกลับเข้าสู่กระบวนการวินิจฉัยด้านสุขภาพจิตและจิตเวชอีกครั้ง ซึ่งคดีดังกล่าวมองว่าเป็นกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงแบบตรงไปตรงมา จนนำไปสู่การฆาตกรรม
ทั้งนี้ การใช้ความรุนแรงในปัจจุบันเกิดขึ้นบ่อย และพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งคนป่วยทางจิต ผู้ที่ก่อความรุนแรงจะรู้สึกพึงพอใจ มีความตื่นเต้น ตื่นตัว รวมถึงบางคนถึงขั้นมีความสุขทางเพศและมีแนวโน้มที่จะก่อความรุนแรงไปเรื่อยๆ เพราะต้องการจะเสพความสุข โดยกลุ่มคนเหล่านี้จะไม่มีความรู้สึกสงสารเห็นใจ ไม่รู้สึกผิด โดยในทางทฤษฎี คนกลุ่มนี้จะยากในการจะปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงหรือทำให้เกิดความรู้สึกผิดขึ้นมา ดังนั้น ควรเลี่ยงและออกห่างจากคนกลุ่มนี้
ส่วนอีกประเด็นที่สำคัญและกำลังเกิดขึ้นกับสังคมปัจจุบัน คือ กลุ่มคนนิยมใช้ความรุนแรงในชีวิตประจำวัน ต่างประเทศจะใช้คำว่า everyday sadist คือกลุ่มคนที่ซาดิสม์ในชีวิตประจำวัน แสดงออกได้บ่อย แฝงตัวอยู่ในกลุ่มคนชนชั้นกลาง บางคนพยายามจะทำให้คนอื่นรู้สึกเจ็บปวดทางจิตใจทั้งทางตรง ทางอ้อม ถูกลดทอนศักดิ์ศรี กลุ่มคนเหล่านี้มีความสุขจากการทำร้ายผู้อื่น และชอบเห็นคนอื่นทุกข์ทรมาน ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยง ไม่คบหาด้วย.-สำนักข่าวไทย