กทม. 24 ก.ค.- ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดี “สุเทพ” กับพวก กรณีโครงการแฟลตตำรวจ 163 แห่ง และโรงพักทดแทน 396 แห่ง วงเงินกว่า 5.8 พันล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า จากการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งองค์คณะไต่สวน (กรรมการ ป.ป.ช. 9 รายเป็นองค์คณะ) เพื่อไต่สวน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กับพวก ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ในการอนุมัติโครงการแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ 163 แห่งทั่วประเทศ และกรณีอนุมัติโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ (โรงพัก) ทดแทน 396 แห่ง ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 วงเงินกว่า 5.8 พันล้านบาท
ในการประชุม ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ประชุมได้ลงมติชี้มูลความผิด นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กรณีอนุมัติโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ (โรงพัก) ทดแทน 396 แห่ง ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค (บช.ภ.) 1-9 วง เงิน 5,800 ล้านบาท โดยจากการไต่สวนของ ป.ป.ช.พบว่า นายสุเทพในฐานะรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในขณะนั้น ได้สั่งให้เปลี่ยนวิธีการประมูลการจัดสร้างโรงพักทดแทน จากเดิมที่ใช้วิธีแยกประมูลสัญญาเป็นรายภาค มาเป็นรวมศูนย์การประมูลเป็นแห่งเดียวในปี 2552 ทั้งที่เมื่อเสนอเข้า ครม.ไปแล้วถูกทักท้วงจาก ครม.ขณะนั้น โดยสั่งให้ไปหารือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงบประมาณก่อน แต่นายสุเทพไม่ดำเนินการตามที่ถูกทักท้วง โดยยืนยันจะใช้วิธีการประมูลแบบรวมศูนย์ อ้างว่าเป็นไปตามระเบียบของกรมบัญชีกลางที่อนุญาตให้ทำได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ที่ประชุม ป.ป.ช.ยังชี้มูลความผิดคดีการอนุมัติโครงการก่อสร้างแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ 163 แห่งทั่วประเทศ ที่นายสุเทพ เสนอขึ้นมาพร้อมกับคดีโรงพักทดแทนในลักษณะแพ็กคู่ เนื่องจากเป็นโครงการในลักษณะที่ต้องดำเนินการควบคู่กันไป โดยในส่วนคดีแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ 163 แห่งนั้น ที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายสุเทพ และ พล.ต.อ.สุพร พันธุ์เสือ อดีตรอง ผบ.ตร. เป็นผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง (ผบช.สกบ.) ในขณะนั้น เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดในลักษณะเดียวกับคดีโรงพักทดแทนคือ มีการเปลี่ยนวิธีการดำเนินการประมูลก่อสร้างจากแยกเป็นรายภาคมาเป็นวิธีการรวมศูนย์แห่งเดียว จนกลายเป็นต้นเหตุให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดินจำนวนมากในภายหลัง เนื่องจากโครงการก่อสร้างไม่เดินหน้า โรงพักและแฟลตหลายแห่งถูกทิ้งร้างจำนวนมาก เห็นว่าพฤติการณ์นายสุเทพเข้าข่ายการทุจริตและประพฤติมิชอบต่อหน้าที่ ให้ส่งเรื่องดำเนินคดีอาญากับนายสุเทพ และผู้เกี่ยวข้องต่อไป ขณะนี้ ป.ป.ช.อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำสำนวนให้สมบูรณ์ภายใน 30 วัน หลังจากการลงมติเพื่อส่งให้อัยการดำเนินการต่อไป โดยเร็วๆ นี้ ป.ป.ช.เตรียมจะแถลงข่าวเรื่องดังกล่าวให้สาธารณชนรับทราบต่อไป
โครงการการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน)เป็นโครงการคู่ขนานกับโครงการก่อสร้างแฟลตที่พักอาศัยของข้าราชการตำรวจ โดยทั้งสองโครงการถูกต้องขึ้นมาพร้อมกัน
ในปี 2552 พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ได้เสนอโครงการการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง ต่อครม. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อนุมัติ 17 ก.พ. 2552 ให้ประมูลแบบรายภาค งบผูกพันสามปี วงเงิน 6,672 ล้านบาท จากนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลง ผบ.ตร. จาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ มาเป็น พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ เข้ามารักษาราชการแทน ผบ.ตร.
จากนั้นมีการเปลี่ยนแปลงสัญญาการก่อสร้าง จากการสร้างแยกเป็นรายภาค ให้มารวมเป็นดำเนินการจ้างก่อสร้างทุกอาคารรวมกันในครั้งเดียวหรือสัญญาเดียว
ในปี 2553 เป็นปีที่หาผู้ประมูลและทำหนังสือตามขั้นตอนต่างๆ จนช่วง ต.ค.2553 จึงได้ผู้ชนะการประมูลตามขั้นตอนต่างๆ จนได้มาทำสัญญากับบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด วงเงิน 5,848 ล้านบาท เริ่มสัญญาวันก่อสร้างเมื่อช่วง มี.ค.2554 ผู้รับเหมาก็สร้างต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จใน 450 วัน นั่นคือต้องเสร็จในช่วงมิถุนายน 2555
ซึ่งในปี 2555 เป็นยุคสมัยของรัฐบาลเพื่อไทย ซึ่งฝ่ายค้านได้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลโครงการนี้ แต่เมื่อขุดรากไปจริงๆ กลับพบว่า โครงการนี้ถูกอนุมัติขึ้นในสมัยของรัฐบาลประชาธิปัตย์ช่วงโครงการไทยเข้มแข็ง โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้เห็นชอบโครงการนี้ จากสัญญารวมโครงการนี้ทำให้โรงพักหลายแห่งถูกทิ้งร้าง นำไปสู่การที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สมัยนายธาริต เพ็งดิษฐ์ เป็นอธิบดีดีเอสไอ เข้ามาตรวจสอบ ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ
ปี 2562 มีรายงานข่าวว่า ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดคดีทุจริตโครงการก่อสร้างโรงพักตำรวจ 396 แห่ง และพ่วงคดีก่อสร้างแฟลตตำรวจ 163 แห่งด้วย
ด้านเฟซบุ๊กแฟนเพจชื่อ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์เมื่อ 24 ก.ค.62 ตอน 11.19 ระบุว่า “โรงพักร้าง” ค่าโง่ของคนไทย (อีกแล้ว)? ผมจำเป็นต้องพูด เพราะเป็นคนเปิดประเด็นนี้ตั้งแต่แรก สังคมคงจำได้เมื่อสมัยเป็นฝ่ายค้านเกือบ 10 ปีก่อน เรื่องยังแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำของผม
ประเทศไทยมี “ค่าโง่” สารพัด ที่เกิดขึ้นทุกยุค ทุกสมัย ทั้งค่าโง่โฮปเวลล์ ค่าโง่คลองด่าน ค่าโง่รถดับเพลิง และค่าโง่อื่นๆ อีกมากมาย เงินค่าโง่นั้น คือ ภาษีอากรที่รีดมาจากคนกินเงินเดือน ผู้ทำมาค้าขาย ธุรกิจเอกชนทุกประเภท
“โครงการโรงพักทดแทน 396 แห่ง” ขณะที่ผมอภิปรายเรื่องนี้ไปกระทบชิ่งถึง คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น
ประเด็นที่อยากให้ชาวบ้านฟังแล้วเข้าใจในเรื่องนี้ คือ
1. การสร้างโรงพักตามต่างจังหวัด ไม่ได้ใหญ่โตมโหฬาร หรือเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ต้องใช้เทคโนโลยีสลับซับซ้อนแต่อย่างใดเป็นเพียงตึกคอนกรีต 2-4 ชั้นธรรมดา ผู้รับเหมาที่ไหนก็สร้างได้ แต่ที่เป็นปัญหาคือ “สร้าง 396 แห่ง ทั่วประเทศพร้อมๆ กัน”เพราะตามประสาผู้รับเหมา ต้องหาผู้รับเหมาช่วงในท้องถิ่นนั้นๆ ไปดำเนินการก่อสร้าง จะให้ผู้รับเหมาเจ้าเดียวไปทำทุกที่ เหนือ ใต้ ออก ตก ใครจะมีปัญญา? ถึงจะเป็นผู้รับเหมายักษ์ใหญ่ก็เถอะ มันผิดหลักการด้านบริหารจัดการแม้แต่ ครม. ในขณะนั้น ยังมีความเห็นว่าควรจะจ้างผู้รับเหมาเป็นรายภาค ดีกว่าที่จะไปจ้างรายเดียวสร้างทั่วประเทศ แต่ก็ไม่มีใครสนใจฟัง ได้แต่บันทึกไว้เป็นหลักฐานเท่ๆ ว่ามีผู้ท้วงติงแล้ว ซ้ำในสัญญาที่เซ็นไป ยังห้ามไม่ให้ผู้รับเหมาที่ได้งานนี้ไปจ้างผู้รับเหมาช่วง หรือหากจะจ้าง ต้องได้รับการอนุมัติเสียก่อน
2. จนอีกเดือนนึงจะสิ้นสุดสัญญา เป็นจังหวะที่ผมได้คิวอภิปรายพอดี งานยังทำได้แค่ตอกเสาเข็ม แต่แทนที่จะยกเลิกสัญญา หารายใหม่ กลับตะบี้ตะบันขยายเวลา ต่อสัญญาไปหลายครั้งหลายคราให้กับรายเดิม เหมือนคนไม่รับรู้ ทั้งๆ ที่เห็นอยู่ต่อหน้า
3. ขั้นตอนการตรวจสอบของราชการ มีระเบียบต่างๆ มากมายกว่าจะเบิกเงินได้ แต่ก็ยังปล่อยให้สัญญาหมดคาตาเรื่องนี้ หากผมไม่ตายไปเสียก่อน ต้องได้เห็นคนติดคุก เพราะความเสียหายเกิดขึ้นทั่วประเทศ มูลค่าโครงการตั้ง 5,848 ล้าน
เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้เกี่ยวข้องจะรอดพ้นกันไปหมด แล้วยกให้คนไทยที่เสียภาษีนี่แหละ เป็นคนโง่เสียเองอีกตามเคย
วันนี้คุณสันติวิธี พรหมบุตร พาไปดูหนึ่งในโรงพักที่เคยสร้างไม่เสร็จ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร มากนัก คือที่สถานีตำรวจภูธรหลักห้า ที่หมู่ 5 ตำบลประสาทสิทธิ์ ซึ่งสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี 2558 หรือเมื่อ 4 ปึก่อน ภาพอาคารก็เหมือนที่เห็นในภาพ เป็นแบบเดียวกับสถานีตำรวจ 396 แห่ง ที่เป็นข่าว ณ ขณะนั้น
ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ สถานีตำรวจ เล่าว่า บริเวณที่ตั้งโรงพักหลักห้า เป็นป่าช้าเก่า พอตอนนั้น สร้างไม่เสร็จ ภาพยิ่งดูน่ากลัว รกร้าง มีแต่เถาวัลย์ปกคลุมเต็มเสาที่ตั้งโด่เด่ สภาพป่าช้าดีๆ นี่เอง
นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ กรณีมีข่าวว่า ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ทุจริตโครงการก่อสร้างโรงพักตำรวจ 396 แห่ง ในพื้นที่ บช.ภ. 1-9 วงเงิน 5,800 ล้านบาท ว่าขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และสำนักงาน ป.ป.ช.ยังไม่แล้วเสร็จ จึงยังไม่สามารถบอกอะไรได้
เมื่อถามว่า ชี้มูลแล้วหรืออยู่ระหว่างรอส่งให้อัยการ นายวรวิทย์ กล่าวว่า ขั้นตอนของ ป.ป.ช.รวมทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องการรับรองรายงานการประชุม การส่งหลักฐานให้กับอัยการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ ถ้าส่งให้อัยการแล้วจะแถลงให้ทราบต่อไป รวมถึง ทุกๆ เรื่องที่จะเปิดเผย หลังจากที่ส่งให้อัยการแล้ว ซึ่งมีหลายเรื่องสำคัญที่จะเปิดเผยหลังส่งให้อัยการ
นายวรวิทย์ กล่าวว่า ขั้นตอนการการการยื่นเรื่องให้อัยการ จะต้องส่ง ให้อัยการภายใน 30 วัน หากเป็นคดีของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อัยการจะต้องส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ภายใน 180 วัน แต่ถ้าอัยการเห็นว่าสำนวนยังไม่สมบูรณ์ ต้องแจ้งต่อ ป.ป.ช. ภายใน 90 วัน เพื่อตั้งคณะทำงานร่วมกัน ส่วนนักการเมืองที่ถูกชี้มูลความผิด จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ต้องรอให้ศาลมีคำสั่งรับเรื่องไว้ก่อน
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ถึงรายงานข่าวคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด นายสุเทพ และ ผู้เกี่ยวข้อง 2 คน กรณีอนุมัติโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ (โรงพัก) ทดแทน 396 แห่ง ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค (บช.ภ.) 1-9 วงเงิน 5,800 ล้านบาท ว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งจาก ป.ป.ช. ว่าชี้มูลเรื่องอะไร ทราบเพียงข่าวจากสื่อมวลชนเท่านั้น
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมถูกหยิบยกมาโจมตีทางการเมือง และ ป.ป.ช. ก็ใช้เวลาทำคดียาวนานถึง 5 ปีเศษ และเมื่อ ป.ป.ช. มีมติชี้มูล ก็จะใช้โอกาสนี้ชี้แจงข้อเท็จจริงในศาล” นายสุเทพ กล่าว และว่าเคยมีคนแนะนำให้ไปวิงวอนขอความช่วยเหลือจากผู้มีอำนาจ แต่ตนทำงานการเมืองมานาน มีศักดิ์ศรี ไม่ใช่สุนัขที่จะไปขอความเมตตาจากคนที่มีอำนาจ จึงจะขอพิสูจน์ตัวเองด้วยการสู้คดีตามกระบวนการ เชื่อว่าอีกไม่นานความจริงก็จะปรากฏ
นายสุเทพ ยังขอให้สื่อมวลชนใช้ความระมัดระวังในการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับคดีนี้ เพราะข้อมูลบางอย่างยังมีความคาดเคลื่อน และแหล่งที่มายังไม่ชัดเจน และขอให้ประชาชนที่สนับสนุน ให้ทนไม่สบายใจอีกไม่นาน ความจริงก็จะปรากฏในศาล
กรณีอนุมัติโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ (โรงพัก) ทดแทน 396 แห่ง ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค (บช.ภ.) 1-9 วง เงิน 5,800 ล้านบาท ที่สร้างไม่เสร็จตามกำหนด.-สำนักข่าวไทย








