
ทูตอิสราเอลย้ำเหตุผลที่ต้องเปิดปฏิบัติการต่ออิหร่าน
กรุงเทพฯ 23 มิ.ย. – เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ย้ำเหตุผลที่อิสราเอลต้องเปิดฉากปฏิบัติการต่ออิหร่าน และยืนยันว่าอิสราเอลให้การดูแลชาวต่างชาติ รวมถึงชาวไทย เช่นเดียวกับที่ดูแลชาวอิสราเอล นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวไทยในวันนี้ ชี้แจงสาเหตุที่อิสราเอลต้องใช้ปฏิบัติการสิงโตผงาดต่ออิหร่านตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายนว่า อิสราเอลต้องดำเนินการตอนนี้ เพราะอิหร่านเป็นภัยที่ใกล้จะเกิดขึ้นไม่เพียงกับอิสราเอล แต่กับโลก อิหร่านเพิ่มศักยภาพนิวเคลียร์ โดยอ้างว่าเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานและเป็นไปเพื่อสันติ แต่การกระทำของอิหร่านสวนทางกับคำพูด อิหร่านเสริมสมรรถนะยูเรเนียมให้มีความบริสุทธิถึง 60% ซึ่งไม่ใช่สำหรับการใช้งานทางพลเรือน แต่เพื่อทำอาวุธนิวเคลียร์ เชื่อว่าอิหร่านจะสามารถผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้ 9 ลูกภายใน 6 เดือน อิหร่านเลือกเปิดเจรจากับสหรัฐก็เพื่อต้องการซื้อเวลาในการเพิ่มปริมาณยูเรเนียมและเพิ่มขีปนาวุธทิ้งตัวที่อิหร่านตั้งเป้าจะมีมากถึง 10,000 ลูกภายในไม่กี่ปี แม้อิสราเอลมีระบบป้องกันภัยหลายชั้น แต่ก็ไม่สามารถรับมือกับขีปนาวุธจำนวนมากที่จะมาพร้อมกันเช่นนั้นได้ นอกจากนี้ผู้นำอิหร่านยังเรียกร้องอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะเรื่องทำลายหรือกำจัดอิสราเอล อิสราเอลฟังในสิ่งที่ศัตรูพูดและเชื่อว่าศัตรูมีศักยภาพที่จะทำเช่นนั้น อีกทั้งอิหร่านยังได้สร้างวงแหวนแห่งไฟรอบอิสราเอลผ่านกลุ่มตัวแทน ทั้งฮามาสในกาซา ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน กองกำลังชีอะห์ในซีเรียและอิรัก และฮูตีในเยเมน เอกอัครราชทูตอิสราเอลฯ กล่าวว่า อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการนี้เพราะมีเป้าหมายบางอย่างที่ต้องทำให้สำเร็จ คือ การกำจัดภัยคุกคาม เนื่องจากอิหร่านสั่งสมขีปนาวุธจำนวนมากและยังมีศักยภาพที่จะผลิตระเบิดนิวเคลียร์ อิสราเอลไม่ต้องการสงคราม แต่เป็นปฏิบัติการอย่างจำกัด เมื่อบรรลุเป้าหมายปฏิบัติการก็จะจบ แต่ต้องรอดูท่าทีของอิหร่านต่อไปด้วย เพราะตอนนี้อิหร่านยังคงยิงถล่มเมืองในอิสราเอลอยู่ และโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือน อย่างไรก็ตาม […]