กระทรวงดีอีเอสแจ้งความเพจผิดกฎหมาย

กรุงเทพฯ 19 ส.ค. ดีอีเอส แจ้งความเอาผิดเพจรอนัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส  ผู้สื่อข่าวรายงาน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้มอบหมายให้ นายภุชพงค์  โนดไธสงค์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะโฆษกกระทรวงฯ เข้ายื่นรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีที่ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน และได้นำมายื่นต่อพนักงานสอบสวนบก.ปอท. เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้บริหารกลุ่มเฟซบุ๊ก ชื่อ “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส” และหรือผู้ที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมกระทำความผิดโดยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรสร้างการดูหมิ่นเกลียดชังจนทำให้เกิดจนทำให้เกิดการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักตามรัฐธรรมนูญของราชอาณาจักรไทยซึ่งกระทบต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง แห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายและอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป นายพุทธิพงษ์ฯ กล่าวว่า กระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างมากจากประชาชน ส่งข้อมูลแจ้งเบาะแสสื่อสังคมออนไลน์และเว็บผิดกฎหมายเข้ามาที่เพจ “อาสา จับตา ออนไลน์” โดยมีจำนวนการแจ้งเข้ามาระหว่างวันที่ 7-17 สิงหาคม2563 จำนวน 3,083 รายการ (ยูอาร์แอล) หรือเพิ่มขึ้นราว 2 เท่าจากการเปิดตัวเพจในสัปดาห์แรก โดยจำนวนที่แจ้งมามีข้อมูลซ้ำซ้อนกันจำนวน 840 รายการ โดยเมื่อดำเนินการตรวจสอบแล้วเข้าข้อกฎหมาย 1,395 รายการ กระจายกันอยู่บนช่องทางโซเชียล และเว็บไซต์ ดังนี้  1. เฟซบุ๊ก จำนวน 1,014 รายการ  2.ยูทูบ จำนวน 226 รายการ 3.ทวิตเตอร์ จำนวน 121 รายการ 4. เว็บไซต์ จำนวน 25 รายการ (ยูอาร์แอล) และ 5.Tiktok จำนวน 9 รายการ โดยศาลมีคำสั่งให้ดำเนินการปิดหรือลบข้อมูลแล้วทั้งสิ้น 653 รายการ อยู่ระหว่างดำเนินการยื่น ขอศาล จำนวน 742 รายการ และอยู่ระหว่างการตรวจสอบ 848 รายการ และสื่อโซเชียลเป็นช่องทางที่เข้าถึงคนส่วนใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว และมีจุดอ่อนในเรื่องกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องและความเหมาะสมของข้อมูล ดังนั้น ประชาชนคนไทยและผู้ใช้สื่อโซเชียลทุกคน จึงเป็นกำลังสำคัญ ในการช่วยกันตรวจสอบ สอดส่อง และแจ้งเบาะแสเข้ามาที่เพจอาสา จับตา ออนไลน์ เพื่อช่วยกันป้องกันความเสียหายและผลกระทบทั้งในระดับตัวบุคคลและสังคม ที่จะเกิดขึ้นจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ผิดกฎหมาย รวมถึงข้อมูลที่บิดเบือน ได้อย่างทันท่วงที ขณะเดียวกัน มีข้อสังเกตว่า สื่อโซเชียล ยังเป็นช่องทางหลักของการเผยแพร่เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมหรือผิดกฎหมาย โดยเฟซบุ๊ก ยังเป็นช่องทางที่มีจำนวนมากสุด ส่วน Tiktok ซึ่งเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่แนวโน้มกระแสความนิยมเพิ่มขึ้น ก็เริ่มถูกใช้เป็นช่องทางกระทำการผิดกฎหมายในลักษณะนี้เช่นกัน-สำนักข่าวไทย.

พบเป้ใส่ชุดนักเรียนหญิงทิ้งริมน้ำบางปะกง คาดเป็นของนักเรียนหายตัวจากพิษณุโลก

ฉะเชิงเทรา 19 ส.ค.- ตำรวจพิสูจน์เป้ทิ้งริมน้ำบางปะกง-ฉะเชิงเทรา พบชุดนักเรียนหญิงปักชื่อ-นามสกุล และโทรศัพท์มือถือถอดซิม-เมมโมรี่การ์ด เร่งขยายผลเป็นของนักเรียนพิษณุโลกที่หายตัวไปกับคนขับบิ๊กไบค์หรือไม่ หลังผู้ปกครองแจ้งความไว้แล้ว เมื่อเวลา 09.30 น. (19 ส.ค.) ร.ต.อ.นพดล ทวีชาติ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมสายตรวจรถจักรยานยนต์ เข้าตรวจสอบกระเป๋าต้องสงสัยอยู่ริมตลิ่งแม่น้ำบางปะกง บริเวณท่าเรือ หมู่ 1 ต.บางปะกง อ.บางปะกง พบชุดนักเรียนหญิงชั้นมัธยม ปักชื่อ-นามสกุล รวมทั้งเสื้อผ้าชุดอื่น ของใช้ส่วนตัว เอกสารใบรับรองผลการเรียน โทรศัพท์มือถือไม่มีซิมและเมมโมรี่การ์ด คาดว่าเป็นของนักเรียน อายุ 17 ปี จากพิษณุโลกที่มีข่าวหายตัวไปกับรถบิ๊กไบค์ ไม่ทราบทะเบียนมารับที่โรงเรียนเวลาประมาณ 14.00 น. วานนี้ (18 ส.ค.) ทางบ้านไม่สามารถติดต่อได้ และแจ้งความไว้ที่ สภ.นครไทย จ.พิษณุโลก เบื้องต้นตำรวจ สภ.บางปะกง จะประสานกับชุดสืบสวน สภ.นครไทย เพื่อตรวจพิสูจน์ให้ชัดเจนและเร่งหาตัวนักเรียนหญิงเจ้าของชุดดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย

กสทช.คาดสรุปเรียงช่องทีวีดิจิตอลกันยายน

กรุงเทพฯ 19 ส.ค. อนุกระจายเสียงเตรียมสรุปผลฟังความเห็นเรียงข่องคาดชงเข้าบอร์ดออกมติเดือนกันยายน พันเอกนที ศุกลรัตน์ รองประธาน กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( กสทช.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาเรื่องการเรียงช่องทีวีดิจิตอลว่า คณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ จะมีการประชุมในวันที่ 31 สิงหาคม 2563 โดยที่ประชุมจะนำผลการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องมาพิจารณา จากนั้นจะนำข้อสรุปเสนอที่ประชุมบอร์ดกสทช.ช่วงกลางเดือนกันยายน  “ขณะนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้าหรือข้อสรุปจากที่ประชุมอนุกลั่นกรองฯ เมื่อประชุมกันแล้วถึงจะทำข้อสรุปเสนอบอร์ดชุดใหญ่ซึ่งมติของบอร์ดจะมีผลทางกฎหมาย ” พันเอกนที กล่าวอีกว่า การออกประกาศกสทช.เรื่องการเรียงช่องทีวีดิจิตอลขึ้นอยู่กับความเห็นกรรมการกสทช. โดยหลักการกรรมการจะพิจารณาว่าประกาศจะช่วยแก้ปัญหาที่มีอยู่อย่างไร ส่วนตัวมองว่าการเปลี่ยนช่องโดยไม่มีกฎเกณฑ์รอวัยจะทำให้ประชาชนซึ่งเป็นผู้ชมเกิดความสับสน แต่กติกาที่จะออกมาก็ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบโดยมุ่งประโยชน์เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายที่สุด เรื่องที่จะพิจารณาไม่ห่วงอะไร กรรมการทุกคนมีวิจารณญาณของตัวเอง ที่ผ่านมาตัวแทนของช่องทีวี และสื่อก็ได้ให้ความคิดเห็นในเวทีที่กสทช.เปิดรับฟังความคิดเห็นไปหมดแล้ว ซึ่งอนุกรรมการจะต้องเอาความเห็นทั้งหมดมาพิจารณา -สำนักข่าวไทย.

ยังไม่พบเบาะแสช้างป่า “สีดอแก้ว” หนีสถานกักฯ ที่สระแก้ว

สระแก้ว 19 ส.ค.- เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอ่างฤาไนตามแกะรอยอย่างใกล้ชิด แม้ล่าสุดยังไม่พบเบาะแสของช้างป่า “สีดอแก้ว” ตกมันหนีออกจากสถานกักกันช้างป่าฯ สระแก้ว หลังพบรอยเท้าบริเวณโซน 1 ก่อนหายไป สงสัยผ่านรั้วช่วงไฟฟ้าดับ หรือตามช้างเพศเมียเข้าป่า พร้อมประสานป่าไม้ช่วยเฝ้าระวังและเตือนชาวบ้าน นายเอนก วงค์ษา ผู้ช่วยหัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอ่างฤาไน เปิดเผยความคืบหน้าการตามหาช้างป่าสีดอแก้วหนีออกจากสถานกักกันช้างป่าในโครงการจัดการช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พื้นที่เขาตะกรุบ ต.ทุ่งมหาเจริญ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เมื่อ 2 วันที่ผ่านมาว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังคงติดตามอย่างใกล้ชิด แต่สิ่งที่หลายฝ่ายเป็นห่วงคือ ช่วงที่ช้างหนีออกมามีอาการตกมัน และคิดว่าอาการน่าจะทุเลาลงแล้ว แต่ก็ยังเสี่ยงไม่ปลอดภัยหากเจอผู้คน จึงต้องเร่งตามหาและประสานกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ให้เฝ้าระวังอีกทาง พร้อมแจ้งเตือนชาวบ้าน เพราะหากช้างต้องการกลับถิ่นเก่าเขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี ตามเส้นทางเดิมจะต้องมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ ผ่านถนนสาย 3259 จุดซับวัวแดง ลงไปทางจังหวัดจันทบุรีและพื้นที่รอยต่อ จ.ระยอง ส่วนจุดที่ช้างป่าสีดอแก้วหนีออกไปน่าจะเป็นบริเวณโซนที่ 1 มีคูกันและรั้วล้อมรอบ โดยพบรอยเท้าของช้างในช่วงบริเวณเขาขาดติดกับพื้นที่เขาตะกรุบลงมาทางทิศใต้ จากนั้นรอยเท้าได้หายไป ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าช้างอาจจะผ่านรั้วไฟฟ้าออกมาได้ช่วงไฟดับ เพราะที่เคยออกมาลักษณะนี้มาแล้ว แต่ไม่เดินไปไหน หรือเดินตามช้างเพศเมียเข้าป่าไป […]

กสทช แจ้งแผนปรับปรุง สัญญาณทีวีดิจิตอล

กรุงเทพฯ 19 ส.ค. กสทช. เผยแผนปรับปรุงโครงข่ายดิจิตอลทีวีหลังเรียกคืนคลื่น 700 เมกกะเฮิรตซ์ ผู้ชมปรับจูนกล่องรับสัญญาณก.ย. -ธ.ค. 2563 เริ่มภาคใต้เป็นภาคแรก พันเอกนที ศุกลรัตน์ รองประธาน กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( กสทช.) แถลงแนวทางการปรับปรุงโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล เพื่อรองรับการเรียกคืนคลื่นความถี่ย่าน 700 เมกะเฮิรตซ์ ว่า หลังจากมีการประมูลคลื่นความถี่ 700 เมกกะเฮิรตซ์ ที่ใช้ในกิจการกระจายเสียงนำมาใช้ในกิจการโทรคมนาคมเพื่อรองรับเทคโนโลยี 5G นั้นจะส่งผลให้ตั้งแต่เดือน ก.ย. -ธ.ค. 2563 โทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลหรือดิจิตอลทีวีไม่สามารถรับชมได้ในบางพื้นที่ซึ่งประชาชนต้องทำการปรับจูนกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล (Set Top Box) หรือดิจิตอลทีวีเพื่อให้ดิจิตอลทีวีกลับมารับชมได้อีกครั้งสำหรับพื้นที่ที่ประชาชนต้องทำการปรับจูนกล่อง Set Top Box หรือดิจิตอลทีวีเพื่อให้กลับมารับชมได้ การปรับปรุงระบบเริ่มจากลำดับแรก พื้นที่ภาคใต้เริ่มเดือน ก.ย. 2563 ,พื้นที่ในกรุงเทพมหานครปริมณฑลและบริเวณใกล้เคียงเริ่มวันที่ 5 ต.ค. 2563 , พื้นที่ภาคเหนือเริ่มเดือน ต.ค. 2563 , พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มเดือน พ.ย. […]

กสทช.พร้อมแจงข้อสงสัยสัญญาณสื่อสารในพื้นที่ชุมนุม

กรุงเทพฯ 19 ส.ค. กสทช. พร้อมแจง กรณีข้อสงสัยการใช้งานสัญญาณสื่อสารมีปัญหาในพื้นที่ชุมนุม ยันกสทช.ไม่มีอำนาจสั่งตัดสัญญาณสื่อสารได้ นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการคณะกรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติ (รองเลขาธิการ กสทช.) สายงานกิจการโทรคมนาคม กล่าวถึงกรณีคณะทำงานติดตามการชุมนุมของนักเรียน นิสิตนักศึกษาและประชาชน ในคณะกรรมาธิการ การปกครอง สภาผู้แทนราษฎร จะเรียกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส), กสทช. และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) เข้าชี้แจงต่อกรณีคณะประชาชนปลดแอกจัดการชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยพบว่าระบบการสื่อสารทั้งสัญญาณอินเตอร์เน็ต และเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ไม่สามารถใช้งานได้ จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าจะเป็นการลิดรอนสิทธิของผู้ใช้บริการที่มาร่วมชุมนุมหรือไม่ว่า กสทช. พร้อมเข้าชี้แจงรายละเอียดตามข้อเท็จจริง แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจาก กมธ. แต่อย่างใด อย่างไรก็ดีการที่ผู้ใช้บริการระบบสื่อสารจะมีปัญหาสัญญาณในพื้นที่ชุมนุมเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีปริมาณการใช้งานดาต้าหนาแน่น เช่น มีการถ่ายทอดสด (ไลฟ์), แชทผ่านแพลตฟอร์ม การเล่นโซเชียลมีเดีย การชมคลิปวิดีโอ รวมถึงการเล่นเกมต่างๆ เป็นต้น ทำให้การใช้งานดาต้ามีประสิทธิภาพลดลง หรือถึงขั้นไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งโดยปกติการจัดงานที่คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก แกนนำหรือทีมผู้จัดงาน จะต้องประสานมายัง กสทช. ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อขออำนวยความสะดวกรถโมบายขยายสัญญาณ จากนั้น กสทช. จะประสานไปยังโอเปอเรเตอร์เพื่อขอความร่วมมือ โดยส่วนใหญ่แต่ละรายจะส่งรถโมบายขยายสัญญาณลงพื้นที่ 1-2 คัน “ยืนยันว่าไม่มีรถตัดสัญญาณ เพราะตามอำนาจหน้าที่ไม่สามารถสั่งการได้ โดยรถที่ กสทช. มี คือ รถขยายสัญญาณวิทยุสื่อสาร และรถตรวจสอบคุณภาพสัญญาณ ซึ่งหากทีมผู้จัดงานมีการประสานมายัง กสทช. ก็พร้อมให้ความร่วมมือในการอำนวยความสะดวก” นายสุทธิศักดิ์ -สำนักข่าวไทย.

เปิดแผนดีป้าเดินหน้าปั้นไทยสู่ดิจิทัลยุค 5G

กรุงเทพฯ 18 ส.ค. ดีป้าเปิดแผนปี 2564 เดินหน้าโครงการรับโลกยุค 5G  นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กล่าวว่า ดีป้าได้รับการจัดสรรงบประมาณปี 2564 อยู่ที่ 1,080 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขใกล้เคียงกันกับปีก่อน แต่ที่เห็นว่าตัวเลขลดลงนั้น เนื่องจากได้ขอขยายการรับงบประมาณในการก่อสร้างอาคารที่ 4 และ 5 ของโครงการไทยแลนด์ดิจิทัลวัลเลย์บนพื้นที่อีอีซีดี  อ.ศรีราชา จ.ชลบุรีออกไปจัดสรรในปีงบประมาณ 2565 ประมาณอาคารละ 800 ล้านบาท แทน เพื่อให้รัฐบาลนำเงินไปจัดสรรในสิ่งที่จำเป็นก่อน สำหรับงบประมาณปี 2564 ที่ได้รับมาจะเน้นทำโครงการหลักที่สำคัญ ได้แก่ โครงการดิจิทัล สตาร์ท อัป ในการสนับสนุนให้ประะทศไทยมีสตาร์ท อัป ระดับซีรีส์ เอ หรือกลายเป็นยูนิคอร์นของประเทศไทยให้ได้ภายในปี 2564 ,โครงการจัดอบรมด้านโรโบติก มีการจัดหลักสูตรร่วมกับสถาบันต่างๆสร้างความรู้เกี่ยวกับ โดรน,เอไอ กับกลุ่มสถาบันอาชีวศึกษา โรงงาน และโรงแรม เป็นต้น, การทำโครงการสมาร์ท ซิตี้ ใน 26 จังหวัด  “รวมถึงการการสร้างมาตรฐานสำหรับอุปกรณ์ ไอโอที ที่ผลิตโดยนักพัฒนาและผู้ประกอบการในประเทศ อาทิ กล้องวงจร ปิดโดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างมาตรฐานที่จะเป็นแนวทางที่ผู้ผลิตอุปกรณ์สามารถยกระดับการพัฒนาและการผลิตให้สามารถนำออกให้บริการกับประชาชนได้อย่างมั่นใจและเป็นมาตรฐานสากล ทำให้สินค้าระดับคอนซูเมอร์มีมาตรฐานเดียวกันภายใต้ชื่อ DSure (ดีชัวร์) ที่มาจากคำว่า Digital Sure” นายณัฐพล กล่าว นายณัฐพล กล่าวว่า ผู้บริโภคในประเทศจะมีความมั่นใจในการเลือกใช้อุปกรณ์ที่ผลิตโดยคนไทย มีมาตรฐานและการรับรองที่ถูกต้อง ซึ่งจะเป็นทางการเลือกในการใช้เทคโนโลยีที่ผลิตขึ้นเองไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์ที่ผลิตจากต่างประเทศที่มีราคาสูงกล่าว หรือถูกเกินไปจนไม่น่าไว้วางใจ ทั้งนี้มาตรฐานที่ดีป้าจะพัฒนาขึ้น เป็นมาตรฐานที่ยึดเอาความสมัครใจและการรับรองตามหลักวิชาการ ไม่ใช่มาตรฐานตามกฎหมาย ดังนั้นจึงไม่บังคับให้ผู้ประกอบการทั้งในหรือต่างประเทศจะต้องได้รับมาตรฐานนี้  สำหรับความคืบหน้าในการสร้างโครงการไทยแลนด์ ดิจิทัล วัลเล่ย์ งบประมาณ กว่า 3,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 30 ไร่ ในอีอีซีดีนั้น ขณะนี้อาคารแรก งบประมาณ 48 ล้านบาท พื้นที่ 1,500 ตารางเมตร สำหรับบริษัทที่สนใจเช่าเป็นสาขา ได้ดำเนินการสร้างเสร็จสิ้นแล้ว และมีผู้เข้าจองพื้นที่เป็นสตาร์ท อัป เต็มพื้นที่แล้ว ขณะที่ยังคงเหลือบริษัทที่รอการเช่าอีก 10 บริษัท ซึ่งคาดว่าจะมาใช้อาคารที่สองในพื้นที่ 45,000 ตารางเมตร งบประมาณ 168 ล้านบาท คาดว่าจะเสร็จภายในเดือน ก.ค. 2564 ซึ่งเปิดพื้นที่ในการทำงาน ทดลองทดสอบทั้งเทคโนโลยีเอไอ และ บลอคเชน  ส่วนตึกที่ 3  งบประมาณ 1,300 ล้านบาท พื้นที่ 40,000 ตารางเมตร อยู่ระหว่างการเปิดประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้าง ขณะที่ดีป้าจะเริ่มโรดโชว์ให้ต่างประเทศเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะการเป็นแลปในการพัฒนาแอปพลิเคชัน 5Gให้มีสินค้าออกสู่ตลาด ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีวีอาร์ หรือ เออาร์ ตลอดจนบริษัทดิจิทัล คอนเท็นต์ มาใข้สำนักงานในประเทศไทยด้วย เป็นต้น ทั้งนี้ประเทศไทยต้องแข่งขันดึงนักลงทุนต่างชาติกับประเทศเวียดนาม และ มาเลเซีย ให้ได้ ดังนั้นประเทศไทยจะสู้ได้ก็ต้องมีการพัฒนาบุคลากรมารองรับงานดิจิทัลที่คาดว่าจะมีความต้องการสูงขึ้นด้วย ขณะที่อาคารที่ 4  และ 5 จะเริ่มก่อสร้างภายในปี2565 ด้วยงบประมาณอาคารละ 800 ล้านบาท พื้นที่อาคารละ 20,000 ตารางเมตร โดยอาคารที่ 4 เป็น Digital Edutainment Centre มีพื้นที่ให้ทดสอบทดลองและจัดกิจกรรม ส่วนอาคารที่ 5  เป็น Digital Go Glebal Centre เป็นพื้นที่รองรับดิจิทัลสตาร์ท อัป และเป็นสำนักงานและมีพื้นที่ โค เวิร์กกิ้ง สเปซ และพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรม-สำนักข่าวไทย.

โรงเรียนสตรีดังอุบลฯ เน้นสร้างความเข้าใจนักเรียนขอบเขตการแสดงออก

อุบลราชธานี 18 ส.ค.- โรงเรียนสตรีดังประจำจังหวัดอุบลฯ แจงไม่เคยขัดขวางการแสดงออกของนักเรียน และไม่มีข่มขู่ตัดคะแนนตามที่มีข่าว แต่เน้นสร้างความรู้ความเข้าใจในหน้าที่ของนักเรียนที่ถูกต้องเหมาะสมกับกาลเทศะ เพื่อสู่เป้าหมายในอนาคต ดร.ดุริยะ จันทร์ประจำ ผู้อำนวยการโรงเรียนนารีนุกูล โรงเรียนสตรีชื่อดังประจำจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยกรณีมีข่าวครูของโรงเรียนขู่จะตัดคะแนนนักเรียนที่แสดงเชิงสัญลักษณ์ว่า โรงเรียนนารีนุกูลเป็นโรงเรียนเก่าแก่อายุราว 120 ปี เป็นโรงเรียนมัธยมสตรีประจำจังหวัดอุบลราชธานี เปิดสอนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นถึงตอนปลาย มีนักเรียน 3,800 คน ซึ่งโรงเรียนให้การสนับสนุนการแสดงออกของนักเรียนในทางที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอยู่แล้ว และไม่มีการใช้อำนาจละเมิดสิทธิเด็กตามที่บางสื่อเสนอข่าว ขอยืนยันว่าโรงเรียนไม่ได้กดดันหรือลงโทษเด็ก ซึ่งการแสดงออกทางสัญลักษณ์นั้น ไม่ใช่เกิดขึ้นวันนี้ แต่มีมาตั้งแต่วันจันทร์และครูได้ทำความเข้าใจกับนักเรียนทุกเช้าหน้าเสาธงว่าการจะแสดงออกอย่างไรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมทั้งให้ตั้งใจเรียนเพื่อไปสู่เป้าหมายของตัวเอง และเป็นความหวังของผู้ปกครอง วันนี้จึงมีการแสดงออกลดลง ไม่มากเหมือนวันแรก จากการสอบถามเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าวันนี้ว่า ระหว่างเข้าแถวหน้าเสาธง มีเพื่อนบางคนชู 3 นิ้ว ครูจึงให้ยืนขึ้นแสดงตัวพร้อมบันทึกภาพและว่าต้องการแสดงสิทธิ์เรื่องใด ขอให้อยู่ในกรอบและความเหมาะสม ซึ่งครูไม่ได้ข่มขู่จะตัดคะแนนแต่อย่างใด ส่วนริบบิ้นสีขาวนั้น เพื่อนบางคนก็ยังไม่รู้ความหมายและไม่ได้ผูกเป็นประจำ.-สำนักข่าวไทย

รอง ผอ.โรงเรียนดังสุราษฎร์ฯ แจงดราม่าโซเชียลปมยกมือ-ชี้หน้า

สุราษฎร์ธานี 18 ส.ค.- รอง ผอ.โรงเรียนสุราษฎร์พิทยาแจงข้อเท็จจริงโซเชียลแชร์ภาพยกมือ ยันไม่ใช่จะตบนักเรียนที่รวมตัวกันแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ทางการเมือง แต่เป็นการพูดคุยกันเข้าใจด้วยเหตุผล ส่วนนักเรียนชี้มือไม่ใช่ชี้หน้าโต้ตอบ เป็นจังหวะชี้ขอป้ายผ้าเพื่อไปทำกิจกรรมด้านนอก กรณีโซเชียลแชร์ภาพครูโรงเรียนชื่อดังในจังหวัดสุราษฎร์ธานีเผชิญหน้านักเรียนระดับชั้นมัธยมรวมกลุ่มกันเชิงสัญลักษณ์ โดยเฉพาะช่วงเจรจากลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ครูง้างมือคล้ายตบ ขณะที่นักเรียนชี้หน้านั้น ล่าสุดนายประหยัด ไทยเสน รองผู้อำนวยการโรงเรียนสุราษฎร์พิทยา ชี้แจงเรื่องนี้ว่า ไม่ได้เป็นไปตามที่วิพากษ์วิจารณ์กัน คือ เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 17 ส.ค. เป็นช่วงที่โรงเรียนเลิกได้มีนักเรียนชายหญิง ชั้น ม.1-6 ประมาณ 50-60 คน รวมตัวกันเพื่อแสดงสัญลักษณ์ชูป้ายผ้าขาว กระดาษขาว และติดโบว์สีขาว ตามที่มีการส่งข้อความทางทวิตเตอร์โดยไม่มีการแจ้งขอใช้สถานที่ ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับการซ้อมบาสเก็ตบอล และฟุตซอลของนักกีฬาตัวแทนโรงเรียน ขณะนั้นตนอยู่ในเหตุการณ์จึงเข้าไปพูดคุยอธิบายทำความเข้าใจกับกลุ่มนักเรียนว่าสามารถแสดงสัญลักษณ์ได้ แต่ต้องอยู่ในความเหมาะสม หากต้องการแสดงออกทางการเมืองขอให้ไปทำกิจกรรมด้านนอกโรงเรียน เพราะโรงเรียนเป็นสถานศึกษา ไม่ใช่เวทีการเมือง นายประหยัด กล่าวว่า ภาพดังกล่าวตนพูดคุยอธิบายทำความเข้าใจกับนักเรียนยืนยันว่าไม่ได้มีเหตุกระทบกระทั่งอะไร และได้แนะนำให้เด็กคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุมีผล เพราะเราเป็นโรงเรียน ไม่ใช่การเมือง และไม่ได้กดดันเด็ก ในฐานะรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทั่วไปจะต้องดูแลทั้งสถานที่และดูแลความปลอดภัยของเด็ก ๆ อยู่แล้ว “จังหวะนั้นนักเรียนชี้มือจะขอป้ายผ้า ผมก็ยกมือบอก เดี๋ยวก่อนลูก ใจเย็น […]

รวบแล้ว! มือทุบตู้เอทีเอ็มหนีมานอนพักที่ศาลาวัด อ้างตกงาน

ฉะเชิงเทรา 18 ส.ค.- ชายวัย 40 ปี ในภาพวงจรปิดถูกชุดสืบจับกุมขณะหนีมานอนที่ศาลาวัด หลังก่อเหตุทุบจอตู้เอทีเอ็มแตก หน้าร้านค้าบ้านหนองคอก ฉะเชิงเทรา อ้างตกงาน ไม่มีเงิน ใช้หินทุบคิดว่าเงินจะไหลออก พ.ต.อ.อธิวัฒน์ อนันตชัย ผู้กำกับการ สภ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา เปิดเผยถึงเหตุตู้เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงไทย ตั้งอยู่หน้าร้านค้าในพื้นที่บ้านหนองคอก ต.คลองตะเกรา ถูกทุบหน้าจอแตกใช้งานไม่ได้ หลังจากเจ้าของร้านตื่นมาพบความเสียหายเมื่อเช้ามืดวันนี้ (18 ส.ค.) ว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุสามารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ชัดเจน ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวผู้ทำผิดได้แล้ว คือ นายวันชัย ประวัณเณย์ อายุ 40 ปี ขณะนอนพักอยู่ที่ศาลาวัดบ้านหนองคอก พร้อมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งนายวันชัย อ้างว่า ตกงาน อยากได้เงิน จึงหยิบก้อนหินมาทุบตู้ หวังให้เงินไหลออกมา แต่ทุบไปแล้วไม่เป็นดังที่คิด.-สำนักข่าวไทย

การ์ทเนอร์คาดโควิด-19กระทบระยะสั้นภาคการเงินลดการใช้จ่ายไอที

กรุงเทพฯ 18 ส.ค. การ์ทเนอร์คาดมูลค่าใช้จ่ายไอทีของธุรกิจธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์ร้อยละ 4.7 แต่จะฟื้นในปี 2564 นายเจฟฟ์ เคซี่ย์ นักวิเคราะห์อาวุโสของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า โควิด-19 เป็นสาเหตุที่ส่งผลให้มูลค่าการใช้จ่ายด้านไอทีในแวดวงธนาคารและหลักทรัพย์เกิดความผันผวน แม้ไอทียังเป็นตัวกำหนดวิธีการทำธุรกรรมของลูกค้าต่อสถาบันการเงินให้เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย บริษัทเหล่านี้ยังต้องเดินหน้าให้บริการและตอบสนองความต้องการใหม่ และด้วยมาตรการปรับตัวให้พนักงานทำงานผ่านระบบทางไกล ในระยะเริ่มแรกของการแพร่ระบาด ธนาคารได้ให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีใน 4 ประเด็นสำคัญ คือ การดำเนินงานเพื่อเข้าถึงบริการพื้นฐานได้อย่างต่อเนื่อง ซัพพลายเชน เพื่อตอบสนองความต้องการซัพพลายเออร์และลูกค้ารายใหม่  รายได้ เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานต่อไปได้ และแรงงาน (ฝเพื่อสนับสนุนให้พนักงานทำงานจากระยะไกลท่ามกลางสถานการณ์การหยุดชะงัก การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์จะกลับมาพลิกฟื้นในช่วงปี 2564 ด้วยอัตราการเติบโตที่ร้อยละ 6.6 ทั่วโลก ด้วยความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของโควิด-19 ตอนนี้ธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์ต่างกำลังเร่งผลักดันและริเริ่มการใช้ระบบอัตโนมัติ เช่น แชทบอทสื่อสารกับลูกค้า กระบวนการอัตโนมัติด้วยหุ่นยนต์ (RPA) และโซลูชันการสร้างบัญชีแบบ end-to-end นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นไปที่การออกแบบโครงสร้างองค์กรและขั้นตอนการทำงาน รวมถึงการหันมาจัดลำดับความสำคัญของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่ทันสมัย การ์ทเนอร์เชื่อว่า ภาวะดังกล่าวนี้จะกินเวลาช่วงสั้น ๆ เท่านั้น เนื่องจากธนาคารต่างเริ่มปรับตัวตอบสนองต่อผลของการหยุดชะงักจากโควิด-19 การใช้จ่ายด้านบริการไอทีจะเริ่มกลับมาดีดตัวสูงขึ้น เพราะธนาคารต่าง ๆ กำลังเร่งผลักดันและปรับปรุงเทคโนโลยีการให้บริการให้ทันสมัยขึ้นในปีหน้า  ด้วยความสามารถของการสร้างมูลค่าให้กับบริการและที่มาของรายได้แหล่งใหม่จะเป็นปัจจัยสำคัญเพื่อสร้างความสำเร็จระยะยาว-สำนักข่าวไทย.

โรงพยาบาลรามฯ จับมือ เดลล์ เปลี่ยนผ่านเป็นโรง พยาบาลอัจฉริยะ

กรุงเทพฯ 18 ส.ค. โรงพยาบาลรามคำแหง เปลี่ยนผ่านโครงสร้างพื้นฐานไอที ยกเครื่องระบบรองรับการเป็นโรงพยาบาลอัจฉริยะ  นาชพิชญ สมบูรณสิน กรรมการบริหาร โรงพยาบาลรามคำแหง กล่าว กล่าวว่า  วิสัยทัศน์ของโรงพยาบาลคือการมีสร้างโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อรองรับระบบสารสนเทศโรงพยาบาล (HIS หรือ Hospital Information System) โดยระบบใหม่จะเป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อนำไปใช้ในโรงพยาบาล 40 แห่งภายใต้การดูแล ทั้งที่อยู่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โรงพยาบาลได้นำระบบดาต้าเซ็นเตอร์ ประกอบด้วยเซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ โซลูชันด้านการปกป้องข้อมูล รวมทั้งซอฟต์แวร์ virtualization ของวีเอ็มแวร์ ไปจนถึงอุปกรณ์ปลายทางทั้งเวิร์กสเตชัน เดสก์ท็อป และแล็ปท็อป โดยระบบถูกนำไปใช้ในโรงพยาบาลในเครือ 3 แห่ง คือ  โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา โรงพยาบาลสุขุมวิท และโรงพยาบาลเชียงใหม่โดยโรงงานได้กำหนดให้โรงพยาบาลหลักให้การสนับสนุนโรงพยาบาลสาขาอื่น ภายในเครือโรงพยาบาลรามคำแหง ซึ่งมีโรงพยาบาลขนาด 485 เตียงในอาคารผู้ป่วย 3 แห่ง โครงสร้าางพ้นฐานใหม่มีโฮสต์ของดาต้าเซ็นเตอร์องค์กร และเป็นหนึ่งในไซต์การกู้คืนข้อมูล (DR หรือ Disaster Recovery) เพื่อรองรับและให้บริการโรงพยาบาลที่มีขนาดเล็กกว่า โดยโรงพยาบาลรามคำแหงคาดหวังที่จะมีการนำระบบที่มีขนาดเล็กกว่าไปใช้ที่โรงพยาบาลสาขา 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลบุรีรัมย์ราม และโรงพยาบาลพะเยา ราม โดยโรงพยาบาลสาขาแต่ละแห่งจะมี เอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดเล็ก (EDC) ที่สำรองข้อมูลในแบบเรียล-ไทม์เพื่อรักษาความสมบูรณ์ของข้อมูลในขณะที่ใช้ทรัพยากร ซึ่งโฮสต์อยู่ที่โรงพยาบาลรามคำแหง ด้วยดาต้าเซ็นเตอร์ที่สร้างขึ้นบนเทคโนโลยีออลแฟลช (All-Flash) และได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สามารถเพิ่มขนาดในการทำงาน(scale-out) ทำให้การดำเนินงานใหม่สามารถเสร็จสิ้นได้ภายในระยะเวลาที่น้อยกว่า 1 เดือนนับจากระยะเวลาที่โปรเจ็คเริ่มต้นและออกแบบมาเพื่อขยายขนาดการใช้งานใหม่สามารถดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในหนึ่งเดือนนับจากวันที่เริ่มโครงการจนถึงวันที่เริ่มต้นใช้งานจริง (go-live) เมื่อรวมกับการใช้งานแอปพลิเคชัน ที่จะช่วยประหยัดเวลาวันที่ใช้งานจริง รวมถึงการใช้งานแอปพลิเคชันช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรด้านไอทีให้กับโรงพยาบาล “เป้าหมายของโรงพยาบาล คือการมีรากฐานเชิงกลยุทธ์แบบองค์รวมเข้ามาใช้กับระบบการบันทึกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ทางการแพทย์ หรือ EHR (electronic health records) ที่ผู้ใช้ที่ได้รับมอบหมายและได้รับอนุญาตที่อยู่ภายในเครือข่ายโรงพยาบาลของเราสามารถเข้าถึงบันทึกผู้ป่วยและข้อมูลด้านสุขภาพที่อัพเดทที่สุดเพื่อสามารถให้การรักษาและการบริการผู้ป่วยได้ในทันที ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ด้วยโครงข่ายโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยเท่านั้น” นายพิชญ กล่าว  นายพิชญ กล่าวอีกว่า ด้วยโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่มีมาตรฐานที่ผู้ป่วยทั่วประเทศสามารถมั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลด้านการรักษาพยาบาลที่ได้รับไม่ว่าจะอยู่ที่ใด หรือจากโรงพยาบาลสาขาใดที่เข้ารับการรักษาก็ตาม การทำงานร่วมกับเดลล์ เทคโนโลยีส์ทำให้เรามั่นใจได้ว่าข้อมูลผู้ป่วยทั้งหมดจะถูกส่งผ่านจากดาต้าเซ็นเตอร์ไปสู่อุปกรณ์ปลายทางอย่างปลอดภัยไม่ว่าจะมีการเข้าถึงข้อมูลจากที่ใดก็ตาม  การปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีทำให้ Joint Commission International (JCI) หน่วยงานที่ตรวจสอบการดำเนินงานของโรงพยาบาลด้วยมาตรฐานระดับโลกด้านคุณภาพการดูแลและความปลอดภัยของผู้ป่วย โดยโรงพยาบาลรามคำแหงได้รับคะแนนสูงสุดในด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบโดยเฉพาะระบบสารสนเทศของโรงพยาบาล ส่วนการจัดการปัญหากระแสไฟฟ้าขัดข้องและกรณีของภัยพิบัติตามธรรมชาติที่อาจส่งผลต่อการหยุดทำงานของระบบ โรงพยาบาลได้พัฒนาระบบเพิ่มไซต์สำรอง เพื่อให้เครื่องแม่ข่ายสามารถกู้คืนข้อมูลเพื่อควบคุมการโอนถ่ายกระบวนการเฟลโอเวอร์ไปยังไซต์สำรองในกรณีที่ไซต์หลักล้มเหลวโดยอัตโนมัติทำให้ระบบลับมาทำงานได้ใหม่ภายในระยะเวลาสั้นและการหยุดชะงักในระดับต่ำ นายนพดล ปัญญาธิปัตย์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าว การปรับโครงสร้างพื้นฐานไอทีของโรงพยาบาลใช้เทคโนโลยีของ เดลล์ ในการการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีสำหรับเฮลธ์แคร์ทั้งหมด เพื่อความคล่องตัวทางธุรกิจ เริ่มตั้งแต่จุดที่ให้การดูแลผู้ป่วยไปจนกระทั่งถึงดาต้าเซ็นเตอร์ จนกระทั่งระบบคลาวด์ เพื่อการยกระดับคุณภาพการดูแลผู้ป่วยที่ดีมากยิ่งขึ้น-สำนักข่าวไทย.

1 50 51 52 53 54 16,774
...