fbpx

โกเจ็กเปิดให้ดาวน์โหลดแอพหลังรวมบริการกับเก็ท

กรุงเทพฯ 3 ก.ย.โกเจ็กกลุ่มธุรกิจด้านเทคโนโลยี เปิดให้ผู้บริโภคไทยดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Gojek Thailand ได้แล้วก่อนให้บริการเต็มรูปแบบ 16ก.ย.  หลังจากเก็ท (Get) ได้ประกาศรีแบรนด์และรวมแอพพลิเคชั่นเข้าภายใต้ Gojek ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจระยะยาวของบริษัท โดยเป็นการต่อยอดความสำเร็จของแพลตฟอร์ม GET สำหรับแอพพลิเคชั่น Gojek จะให้บริการด้วยอินเทอร์เฟซฝั่งผู้ใช้ที่ดีและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ อีกมากมาย เพื่อรองรับบริการหลักทั้ง 4 ประเภทได้แก่ บริการส่งอาหาร (GoFood)บริการเรียกรถจักรยานยนต์ (GoRide) บริการขนส่งพัสดุ (GoSend) และ อีวอลเล็ตหรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (GoPay) ทั้งนี้ ผู้บริโภคสามารถใช้บริการผ่านแอพ GET ได้ต่อเนื่องไปจนถึงวันเปิดตัวแอพ Gojek อย่างเป็นทางการ -สำนักข่าวไทย.

เตือนใช้เพาเวอร์แบงก์ไม่ได้มาตรฐาน มอก. หลัง 1 ธ.ค.มี ความผิด

กรุงเทพฯ 3 ก.ย.- พีเทค สวทช. ย้ำเพาเวอร์แบงก์ต้องได้มาตรฐาน ขีดเส้นตาย 1 ธ.ค. ไม่มีมาตรฐานโดนแน่ นางเกศวรงค์ หงส์ลดารมภ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมด้วยนายไกรสร อัญชลีวรพันธุ์ ผู้อานวยการศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC) สวทช. นำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมศูนย์ทดสอบมาตรฐานแบตเตอรี่ครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทยสามารถทำการทดสอบแบตเตอรี่ทั้งระดับเซลล์ ระดับโมดูลและ ระดับแพ็ค และได้รับมาตรฐาน มอก. 2217 หรือ IEC62133 และมาตรฐาน มอก. 2879 จาก สมอ.พร้อมที่จะดำเนินการให้บริการแก่ผู้ประกอบการที่สนใจจะทดสอบมาตรฐานแบตเตอรี่ เพื่อให้ผู้ใช้งานมีความมั่นใจในการใช้งาน และปัจจุบัน PTEC ยังสามารถทำการทดสอบแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ที่ใช้สาหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และแหล่งเก็บกักพลังงาน (Energy Storage) ขนาดใหญ่ ทั้งในด้านประสิทธิภาพในการชาร์จ-ดิสชาร์จ และด้านความปลอดภัยการใช้งานด้วย นายไกรสร กล่าวว่า ปัจจุบันประชาชนใช้งานแบตเตอรี่ ทั้งในส่วนเพาเวอร์แบงก์ โทรศัพท์มือถือ โน๊ตบุ๊ก แท็บเล็ต หรือกล้องติดรถยนต์ เป็นจำนวนมากภายใต้ความเสี่ยงระเบิดและเกิดเพลิงไหม้ หลังวางไว้อยู่ในรถซึ่งตากแดดเป็นเวลานาน หรือชาร์จทิ้งไว้ในบ้านแล้วเกิดระเบิดจนไฟลุกไหม้สร้างความเสียหาย เพราะส่วนประกอบของแบตเตอรี่ เป็นแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเป็นสารที่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนง่าย และอาจเกิดการติดไฟขึ้นได้ ในเวลาที่เจอกับสภาวะร้อนจัด ซึ่งหากใช้แบตเตอรี่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ได้ ดังนั้นเพื่อดูแลและคุ้มครองผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากการใช้สินค้า  สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จึงประกาศให้มาตรฐานเพาเวอร์แบงก์เป็นมาตรฐานบังคับ คือมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม แบตเตอรี่สำรองไฟฟ้าสำหรับการใช้งานแบบพกพา คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัย มอก. 2879-2560 ซึ่งผู้ประกอบการสามารถยื่นขอ มอก.เพื่อรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ของตนเองได้ โดยจะมีผลบังคับใช้ 1 ธันวาคม 2563 โดยจะส่งผลให้เพาเวอร์แบงก์ในท้องตลาดทุกยี่ห้อ ต้องมีเครื่องหมาย มอก. รับรองตามที่มาตรฐานกำหนด หากละเมิดผู้นำเข้าจะมีความผิดทางอาญา นายไกรสร กล่าวว่า ผู้บริโภคสามารถสังเกตความผิดปกติของแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ โดยดูลักษณะทางกายภาพ หากบวมแตกหรือบิ่น แสดงว่าไม่ปลอดภัย ต้องเช็กและตรวจสอบ ก่อนนำไปใช้งานต่อ เพราะหากชำรุดจะเกิดปัญหา ขณะที่ผู้บริโภคควรเลือกใช้แบตเตอรี่ หรือตัวชาร์จ ที่ผลิตโดยผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน มีตราสัญลักษณ์รับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ เช่น มอก. และควรเลี่ยงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีราคาถูกเกินจริง เพราะมีโอกาสจะเป็นสินค้าไม่ได้มาตรฐาน อาจส่งผลเสียทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ นางเกศวรงค์  กล่าวว่า นักธุรกิจไทยหรือผู้ประกอบการไทยที่จะนำเข้าเพาเวอร์แบงก์เข้ามาจำหน่าย สามารถนำสินค้าเข้ามาใช้บริการศูนย์ทดสอบได้ในราคาพิเศษ โดยใช้เวลาในการทดสอบคุณภาพเพียง 3 สัปดาห์ถึง 1 เดือน เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน สำหรับผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ PTEC สวทช.หมายเลขโทรศัพท์ 0-2117-8625 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป -สำนักข่าวไทย.

กสทช.แจ้งผู้ครอบครองโดรนหลัง 23 ก.ย.รีบขึ้น ทะเบียนภายใน 30วัน

กรุงเทพฯ 3 ก.ย. กสทช. ปรับปรุงประกาศโดรนฉบับใหม่ กำหนดให้ผู้ที่ครอบครองโดรนใหม่ หลัง 23 ก.ย. 2563 จะต้องมาขึ้นทะเบียน ภายใน 30 วันหลังจากครอบครอง นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า หลังวันที่ 23 กันยายน 2563 ประกาศกสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับอากาศยานซึ่งไม่มีนักบินสำหรับใช้งานเป็นการทั่วไป หรือที่เรียกกันว่า ประกาศโดรน จะมีผลบังคับใช้ ทำให้ผู้ที่มีโดรนไว้ในครอบครองมีหน้าที่ต้องมาขึ้นทะเบียนโดรนภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ได้ครอบครองเครื่อง สำหรับผู้ที่ได้ขึ้นทะเบียนโดรนกับสำนักงาน กสทช. ไว้แล้วก่อนหน้านี้ ได้รับการยกเว้นไม่ต้องรับใบอนุญาตให้มี ใช้ และนำออกซึ่งวิทยุคมนาคม และใบอนุญาตให้ตั้งสถานีวิทยุคมนาคม ผู้ที่มีหน้าที่ต้องมาขึ้นทะเบียนโดรน ได้แก่ 1.เจ้าของโดรนและผู้ใช้งานทั่วไป 2.นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่นำโดรนเข้ามาใช้ในประเทศไทย 3.ผู้ที่นำโดรนเข้ามาใช้ในภารกิจชั่วคราว เช่น นำมาใช้ถ่ายภาพยนตร์ ใช้ในงานโชว์ 4.หน่วยงานของรัฐทั้งหมด ยกเว้นหน่วยงานความมั่นคง นายสุทธิศักดิ์ กล่าวว่า ประชาชนที่มีโดรนไว้ในครอบครองสามารถยื่นขอขึ้นทะเบียนโดรนได้ที่สำนักงาน กสทช. ส่วนกลางพหลโยธิน 8 (ซอยสายลม) กรุงเทพ หรือ สำนักงาน กสทช. ภาค หรือสำนักงาน กสทช. เขต ตามที่ท่านสะดวก โดยมีค่าธรรมเนียมคำขอ 200 บาทต่อเครื่อง ทั้งนี้ ให้ยื่นขึ้นทะเบียนภายใน 30 วันนับตั้งแต่มีโดรนไว้ในครอบครอง ฝ่าฝืนจะต้องเสียค่าปรับตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่ สำนักงานอนุญาตวิทยุคมนาคม 1 หมายเลขโทรศัพท์ 0 2670 8888 ต่อ 7850 หรือ 7852 หรือ กสทช. Call Center หมายเลขโทรศัพท์ 1200-สำนักข่าวไทย.

สมาคมโฆษณาเผยการลงทุนในสื่อดิจิทัลโตแค่ร้อยละ 0.3

กรุงเทพฯ 3 ก.ย. สมาคมโฆษณาดิจิทัลชี้โควิด-19 ทำพิษ ทำเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลปี 63 โตเท่าปี 62 แค่ร้อยละ 0.3 สมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) หรือ The Digital Advertising Association of Thailand (DMT) ร่วมกับคันทาร์(ประเทศไทย) จำกัด บริษัท วิจัยสำรวจมูลค่าเม็ดเงินลงทุนผ่านสื่อดิจิทัลเป็นประจำปีละ 2 ครั้ง โดยมีรายงานการวิจัยล่าสุดได้เก็บข้อมูลเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลของครึ่งปีแรกของปี 2563 และการคาดการณ์เม็ดเงินในครึ่งปีหลังของปี 2563 จาก42 เอเจนซี่โดยแบ่งเป็น 57 ประเภทอุตสาหกรรมและ 14 ประเภทสื่อดิจิทัลพบว่า การระบาดของโรคโควิด -19 ส่งผลต่อการเติบโตของเม็ดเงินการลงทุนในสื่อดิจิทัลจากการเดิมมีอัตราการเติบโตเป็นเลขสองหลัก เป็นอัตราการเติบโตเพียงร้อยละ0.3 โดย 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงเงินในการโฆษณาดิจิทัลมากที่สุดในปี 2563 คือ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ มูลค่า 2,577 ล้านบาท กลุ่มเครื่องประทินผิว มีมูลค่า 1,880 ล้านบาท กลุ่มเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮส์ มีมูลค่า 1,643 ล้านบาท และกลุ่มการสื่อสาร มูลค่า 1,642 ล้านบาท ส่วนลำดับที่ 5 กลุ่มธนาคารถูกแทนที่ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม ที่ 1,420 ล้านบาทเมื่อเทียบเม็ดเงินการลงทุนผ่านสื่อดิจิทัลจากปี 2562 มีการคาดการณ์ว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมมีอัตราการเติบโตสูงที่สุดถึงร้อยละ 39 ส่วนของกลุ่มเครื่องประทินผิวมีแนวโน้มจะเติบโตในอัตราที่ต่ำสุดที่ร้อยละ 5 กลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มที่มีการลดการลงทุนมากที่สุดหรือลดลงร้อยละ 30  แพลตฟอร์มระดับโลกอย่างเฟซบุ๊ก (Facebook) และยูทูบ (YouTube) ยังคงเป็นแพลตฟอร์มหลักที่แบรนด์เลือกใช้ในการสื่อสารกับผู้บริโภคสมาคมโฆษณาดิจิทัลและคันทารคาดการณ์ว่าโซเชียล (Social) และเสริม (Search) จะมีการเย็บโดสูงถึงมากกว่าร้อยละ 32 และ มากกว่าร้อยละ 26 ตามลำดับส่วนการลงทุนในเฟซบุ๊กยูทูบและครีเอทีฟมีอัตราส่วนรวมกันถึงร้อยละ60 ของอัตราส่วนการลงทุนของทั้ง 14 ประเภทสื่อดิจิทัลคุณศิวัตรเปาวรียวงษ์นายกสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) ได้ให้ความเห็นว่า สถานการณ์โควิต -19 ส่งผลกระทบทั้งในทางบวกและทางลบต่อการใช้จ่ายเงินโฆษณาดิจิทัลในปีนี้ในขณะที่งบโฆษณาโดยรวมลดลงนักการตลาดได้ปรับสัดส่วนการใช้งบประมาณโฆษณาหันมามุ่งเน้นโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการสร้างยอดขายผ่านทางช่องทางอีคอมเมิร์ซทั้งนี้ธุรกิจในหลายอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 มากทำให้ต้องปรับลดงบโฆษณาให้สอดคล้องกับการชะลอตัวของยอดขายและความต้องการสินค้าที่ลดต่ำลงโดยภาคธุรกิจท่องเที่ยวการบริการรถยนต์อสังหาริมทรัพย์รวมถึงผลิตภัณฑ์ปารุงผิวและเครื่องสำอางที่ต้องปรับตัวมากเป็นพิเศษและหันมาใช้สื่อโฆษณาที่สร้างความคุ้มค่าได้มากในขณะที่ภาคธุรกิจอาหารยาและเวชภัณฑ์รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคได้รับผลกระทบน้อยกว่าและยังคงใช้งบโฆษณาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในสื่อดิจิทัล นางสาวอาภาภัทร บุญรอด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคันทาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความเห็นว่า เม็ดเงินโฆษณาสื่อดิจิทัลยังคงมีเสถียรภาพอยู่หลังการระบาดของโรคโควิด -19 ถึงแม้ว่าอัตราการเติบโตจะไม่สูงเหมือนหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ลดลงอย่างชัดเจนการที่นักการตลาดย้ายเม็ดเงินมาลงทุนในสื่อดิจิทัลมากขึ้นมีความสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้สื่อของผู้บริโภคโควิด -19 ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สื่อดิจิทัลของผู้บริโภคโดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับชมเนื้อหาบนโลกออนไลน์และการซื้อของผ่านอคอมเมิร์ซผู้บริโภคใช้เวลาในโลกออนไลน์นานขึ้นและมีการใช้สื่อที่หลากหลายขึ้น แต่ยังคงมุ่งเน้นที่แพลตฟอร์มหลักอย่างเฟซบุ๊กและยูทูบส่วนแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น TikTok ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นนี่ถือเป็นโอกาสที่ดีที่แบรนด์จะลงทุนในสื่อดิจิทัลเพราะเป็นสื่อที่ผู้บริโภคให้ความสนใจและใช้เวลากับสื่อนี้สูงจนกลายเป็นอีกสื่อหลักนอกเหนือจากทีวี นายคาร์ลอสโตมินเกส ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อคันทาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า วงการสื่อและพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอทำให้ความคิดและความเชื่อที่เรามีต่อสื่อนั้นไม่สามารถประยุกต์ใช้ได้อีกต่อไปเราต้องศึกษาและค้นคว้าเพื่อเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันให้มากขึ้นการปฏิรูปสื่อสู่โลกดิจิทัลเป็นสิ่งที่ต้องทำทันทีไม่สามารถรอได้อีกต่อไป-สำนักข่าวไทย.

เอไอเอสรณรงค์ลดจยะอิเล็กทรอนิกส์

กรุงเทพฯ 2 ก.ย. เอไอเอส เปิดแคมเปญทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์แลกพอยส์  นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า จากรายงานของ The Global E-Waste Monitor 2020 มหาวิทยาลัยสหประชาชาติ คาดการณ์ว่าปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกจะมีมากถึง 53.6 ล้านเมตริกตัน ในปี 2019 และจะสูงขึ้นถึง 74.7 ล้านเมตริกตันในปี 2030 โดยทวีปเอเชียเป็นทวีปที่ผลิตขยะอิเล็กทรอนิกส์สูงที่สุดกว่า 24.9 ล้านเมตริกตัน ในปริมาณขยะทั้งหมดมีเพียงร้อยละ 17.4 ที่ได้รับการกำจัดอย่างถูกวิธี ที่เหลืออีกกว่าร้อยละ 82.6 ไม่สามารถติดตามได้ ตั้งแต่ปี 2016 จนถึงปัจจุบัน เอไอเอส สามารถนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดจากโครงข่ายและการดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงการรับจากคนไทยทั่วประเทศ ไปกำจัดอย่างถูกวิธี ผ่านกระบวนการที่ได้รับมาตรฐานระดับโลกรวมทั้งสิ้นกว่า 710 ตัน เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมและขอบคุณกลุ่มลูกค้ากว่า 41 ล้านราย จึงเปิดตัวแคมเปญใหม่ “เอไอเอส E-Waste ทิ้งรับพอยท์” ที่ร่วมภารกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมครั้งสำคัญไปกับเอไอเอส เปลี่ยนทุกการทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นคะแนน AIS Points ใน 3 ขั้นตอน ด้วยการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ 5 ประเภท ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ/แท็บเล็ต, แบตเตอรี่มือถือ, สายชาร์จ, หูฟัง และพาวเวอร์แบงก์ ไปยังเอไอเอสช็อปใกล้บ้าน , แจ้งกับพนักงานว่าต้องการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์มาทิ้ง , นำขยะหย่อนลงถัง และสแกน QR Code เพื่อรับ AIS Points จากแท็บเล็ตของพนักงาน ซึ่งจะแสดงผลจำนวน AIS Point ที่ได้รับทันทีผ่าน Notification โดยสามารถตรวจสอบยอดรวม AIS Point ได้ที่ App My AISโดยขยะอิเล็กทรอนิกส์ 1 ชิ้นมีค่า 5 คะแนน 1 หมายเลขสามารถรับ AIS Points ได้สูงสุด 10 คะแนนต่อวันระยะเวลาโครงการตั้งแต่ 1 กันยายน 2563 ถึง 31 ตุลาคม 2563 “เอไอเอสไม่ได้ตั้งเป้าจำนวนขยะที่มาทิ้งเพราะเป็นเรื่องของทัศนคติ ล่าสุดกำลังทีแนวคิดจะจัดประกวดมิสอีเวสต์ เพื่อเป็นตัวแทนรณรงค์เพื่อออกไปบอกให้คนอย่กมีส่วนร่วมกับแนวคิดนี้ ” นายสมชัยกล่าว – สำนักข่าวไทย.

กสทช.แจ้งผู้ชมจูนกล่องรับทีวีดิจิตอล

กรุงเทพฯ 2 ก.ย. กสทช.แจ้ง ผู้ชมปรับจูนสัญญากล่องรับสัญญาณทีวีกันจอดำ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) แจ้งประชาชน ผู้ชมทีวีภาคพื้นดินระบบดิจิตอลถึงการปรับจูนกล่องรับสัญญาณดิจิทัลทีวี (Set top box) และสมาร์ททีวี ที่รับสัญญาณด้วยเสาหนวดกุ้งหรือก้างปลา เพื่อให้ดิจิทัลทีวีสามารถรับชมได้ปกติ ภายในเดือนธันวาคม 2563 หลัง กสทช. จัดสรรคลื่นความถี่ใหม่เพื่อรองรับการให้บริการเทคโนโลยี 5G โดยประชาชนสามารถจูนสัญญาณด้วยตนเองใน 4 ขั้นตอนหลัก ดังนี้ 1. กดเมนูบนรีโมต 2. เลือกคำว่าตั้งค่าหรือติดตั้ง 3. เลือกคำว่าค้นหาอัตโนมัติ และ 4. เลือกตกลง ตรวจสอบวันเวลาปรับเปลี่ยนสัญญาณในพื้นที่ พร้อมคู่มือการจูนสัญญาณโดยละเอียดได้ที่  http://700.nbtc.go.th หรือโทร. 0-2070-0000-สำนักข่าวไทย.

ซัมซุงเปิดตัวมือถือจอพับรุ่นที่สามกาแลคซี่ ซี โฟลด์ ทู 5 จี

กรุงเทพฯ 1 ก.ย. ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ เปิดตัวตัวสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นที่ 3 อย่างเป็นทางการในชื่อ Samsung Galaxy Z Fold 2 จอพับรุ่นที่สามของซัมซุง ถือว่าเป็นพัฒนาการอีกขั้นที่รวมสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตไว้ในเครื่องเดียว โฟลด์ทู ปรับปรุงหน่วยประมวลผลมาใช้คลอวคอมพ์ สแนปดราก้อน 865 พลัส เชื่อมต่อไว-ไฟ6 มาพร้อมกับแบตเตอรี 4,500 มิลลิแอมป์ จอด้านนอกเป็นซุปเปอร์อะมูเลตขนาด 6.2 นิ้ว จอด้านในขนาด 7.6 นิ้ว ขอบจอบางลงร้อยละ 27 การถ่ายภาพ มีกล้องหน้า10 ล้านพิกเซล กล้องหลังความ 12 ล้านพิกเซล หน้าจอเพื่อรองรับการแสดงผลแบบไร้รอยต่อสามารถเปิดใช้งานแอปพลิเคชันอยู่บนจอนอก เมื่อกางหน้าจอออกมาใช้จอหลัก แอปฯ ที่เปิดอยู่ก็จะทำงานต่อเนื่อง โฟลด์ทู สามารถใช้งานแอปพลิเคชั่นพร้อมกัน 3 แอปภายในหน้าจอหลัก และ 2 แอปพร้อมกันในหน้าจอภนอกการใช้งานระหว่างแอปพลิเคชัน ที่สามารถลากเนื้อหาอย่างรูปภาพ ข้อความ ข้ามไปมาระหว่างแอป การใช้งานกล้องของโฟลด์ทู เหมือนกัย Note 20 ซีรีส์ เพิ่มโหมดการบันทึกเสียงจากอุปกรณ์ไร้สาย และมีโหมด Auto Framing มาคอยจับการเคลื่อนไหว และปรับมุมมองโดยอัตโนมัติ ถูกใจคนที่ชอบถ่ายเซลฟี่คุณภาพสูงกางจอพับออกมาเพื่อให้ใช้จอภายนอกแสดงภาพตัวอย่าง ขณะบันทึกภาพจากกล้องหลังได้ด้วย ทำให้สามารถถ่ายภาพเซลฟี่จากกล้องหลังได้ หรือในกรณีที่ถ่ายภาพกับตัวแบบก็เปิดจอให้เห็นเฟรมที่ถ่ายได้เช่นกัน-สำนักข่าวไทย.

ครม.ไฟเขียวเดินหน้าบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ

กรุงเทพฯ 1 ก.ย.-ครม.เห็นชอบแผนรวม กสท – ทีโอที เกิดบริษัทใหม่บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)​ กล่าว​ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)​ มีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เสนอ ดังนี้ 1.รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการควบรวมกิจการของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือแคท ตามแผนการควบรวมกิจการของ ทีโอที และแคท รวมทั้งประเด็นการได้รับสิทธิตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)​ ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2542 ของทีโอที และแคท ไปยังบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ ตามมาตรา 153 แห่ง พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการหารือข้อกฎหมายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งยังไม่ได้ข้อยุติ 2.รับทราบการใช้ชื่อบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมกิจการของทีโอที และแคท โดยเมื่อจดทะเบียนจะใช้ชื่อว่า บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) และชื่อภาษาอังกฤษว่า […]

ดีอีเอสเตรียมเพิ่มจุดไว-ไฟ ฟรี ในชุมชนเมือง 10 จุด คาดได้ใช้ ต.ค.นี้

กรุงเทพฯ 31 ส.ค. ดีอีเอส เล็งขยายจุดบริการไว-ไฟ ฟรีในเขตเมืองเพิ่ม 10 จุด นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า เพื่อสนับสนุนชุมชนและประชาชนทุกพื้นที่ให้มีโอกาสใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เข้าถึงบริการภาครัฐ และใช้ประโยชน์ในกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพ และปรับวิถีการใช้ชีวิตแบบปกติใหม่ (นิวนอร์มอล) ตลอดจนเป็นการต่อยอดโครงข่ายอินเตอร์เน็ตสาธารณะของประเทศ ล่าสุดมอบหมายให้ บริษัท​ ก​สท​ โทรคมนาคม​ จำกัด (มหาชน)​ หรือแคท ทำโครงการนำร่องขยายจุดให้บริการฟรีไว-ไฟในชุมชนเมือง ด้วยความเร็วดาวน์โหลด/อัพโหลด 100/100 เมกะบิต จำนวน 10 แห่ง ภายในเดือนกันยายนนี้ และเปิดให้ใช้งานในเดือนตุลาคม​ 2563 “โครงการนี้จะต่างจากศูนย์ดิจิทัลชุมชน ในโครงการเน็ตประชารัฐเน้นไปที่พื้นที่ห่างไกล โดยมองเป้าหมายจุดติดตั้งในชุมชนเมือง ซึ่งประชาชนในพื้นที่ยังมีข้อจำกัดในเรื่องค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงบริการอินเตอร์เน็ต/ไว-ไฟ และคัดเลือกจากพื้นที่โดยแคทมีโครงข่ายใยแก้วนำแสง (ไฟเบอร์ออฟติก) อยู่แล้ว เพื่อประหยัดต้นทุนการลากสาย เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นชุมชนเมืองในกรุงเทพฯ 5 จุด และในต่างจังหวัด 5 จุด” นายพุทธิพงษ์ กล่าว  นายพุทธิพงษ์ กล่าอีกวว่า สำหรับการใช้บริการไว-ไฟ จะกำหนดระยะเวลาการใช้บริการสำหรับผู้ที่ล็อกอินเข้าใช้งานฟรีแต่ละครั้งไม่เกิน 30-45 นาที ถ้าจะใช้งานนานกว่านั้นต้องทำการล็อกอินใหม่ รวมทั้งจะมีการกำหนดให้ใช้รหัสผ่านในการเข้าใช้งาน เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้มีการเข้าถึงและใช้ออนไลน์อย่างเหมาะสมทั้งนี้​ โครงการ​นี้​ถือเป็นการนำร่องโครงการขยายจุดให้บริการฟรีไว-ไฟในชุมชนเมืองทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมฟื้นฟูเศรษฐกิจ ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 4 แสนล้านบาท ภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ที่เสนอต่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปก่อนหน้านี้ เพื่อทราบถึงแนวทางการให้บริการและเห็นโครงการ​ที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น-สำนักข่าวไทย.

กรรมการสรรหากสทช.เห็นชอบร่างประกาศฯ เตรียมนับหนึ่งเลือกบอร์ดชุดใหม่

กรุงเทพฯ 31 ส.ค. กรรมการสรรหา กสทช.เห็นชอบ (ร่าง) ระเบียบสรรหาฯ กำหนดลักษณะความรู้ความเชี่ยวชาญประสบการณ์และผลงานของผู้เข้ารับการสรรหา ส่งต่อเตรียมประกาศราชกิจจานุเบกษานุเบกษา  ผู้สื่อข่าวรายงาน ผลการประชุมคณะกรรมการสรรหากรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ครั้งที่ 2/2563 วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2563 โดยสำนักกำกับและตรวจสอบสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฎิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาคณะกรรมการสรรหากรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ประชุมคณะกรรมการสรรหามีมติเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการสรรหากรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเรื่องกำหนดลักษณะความรู้ความเชี่ยวชาญประสบการณ์และผลงานของแต่ละด้านที่จะยังประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของกสทช. ของผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. …. นอกจากนั้นที่ประชุมคณะกรรมการสรรหามีมติเห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการสรรหากรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. ซึ่งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะได้ส่งเรื่องดังกล่าวเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปจากนั้นสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะประกาศการเปิดรับสมัครให้ทราบเป็นการทั่วไปผ่านทางวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์สื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์อย่างน้อยสามสิบวันติดต่อกันตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มาตรา 15 และจะเปิดรับสมัครผู้เข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการกสทช. ต่อไป โดยลำดับต่อไปสำนักเลขาธิการวุฒิสภาจะส่งประกาศฯ ไปประกระกาศในราชกิจาเพื่อเริ่มต้นกระบวนการสรรหากสทช.ชุดใหม่-สำนักข่าวไทย.

กทปส.เนคเทคหนุนเครื่องวัดอุณหภูมิฝีมือคนไทย

กรุงเทพฯ 31 ส.ค. กทปส. ดัน “มิวเทอร์ม–เฟสเซนซ์” นวัตกรรมตรวจวัดอุณหภูมิสัญชาติไทย แม่นยำเทียบเท่าต่างชาติ ช่วยชาติลดการนำเข้าเทคโนโลยี คาดผลิตเชิงพาณิชย์ถูกกว่าตลาด 50 % นายนิพนธ์ จงวิชิต ผู้อำนวยการกองทุนวิจัยและพัฒนา กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) กล่าวว่า กทปส. ร่วมกับ ทีมวิจัย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) เร่งผลิตเครื่องต้นแบบ “มิวเทอร์ม-เฟสเซนซ์” เครื่องวัดอุณหภูมิจำนวน 40 เครื่อง ภายใต้งบประมาณวิจัยกว่า 15.41 ล้านบาท หนุนแพทย์ไทยคัดกรองอุณหภูมิประชาชนแม่นยำใน 0.1 วินาที ด้วยเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าบุคคลอัตโนมัติ(Face Detection) แม้สวมหน้ากากอนามัย และเครือข่ายการสื่อสารอัจฉริยะ ที่ช่วยให้การประมวลผลเป็นไปอย่างรวดเร็ว และสามารถตรวจวัดพร้อมกันได้ถึง 9 คน ในระยะห่างสูงสุด 1.5 เมตร ทั้งนี้ ผลสำเร็จดังกล่าวนับเป็นการตอกย้ำศักยภาพทีมวิจัยไทย ที่สามารถพัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์รูปแบบเฉพาะได้ 100% ทั้งยังลดการพึ่งพาเทคโนโลยีที่มีราคาสูงจากต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อใช้จริงในสถานการณ์โควิด-19 ด้านนายอาโมทย์ สมบูรณ์แก้ว นักวิจัยเรคเทคและหัวหน้าทีมพัฒนา “มิวเทอร์ม เฟสเซนซ์” กล่าวว่า หลังการได้รับทุนสนับสนุนจาก กทปส. กว่า 15.41 ล้านบาทนั้น สามารถลดต้นทุนการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ สู่การพัฒนา 40 นวัตกรรมต้นแบบ ที่มีมูลค่าต่ำกว่าท้องตลาดถึงร้อยละ 50 หรือราว 100,000 บาท เพื่อใช้จริง ณ สถานพยาบาล เรือนจำหน่วยงานราชการ และขนส่งสาธารณะ 40 เครื่องทั่วประเทศ จึงนับเป็นโอกาสสำคัญของคนไทย ในการเข้าถึงนวัตกรรมที่พัฒนาโดยนักวิจัยไทย ในราคาที่ต่ำลงแต่ประสิทธิภาพที่แข่งขันกับต่างประเทศ ที่มาพร้อมระบบถ่ายภาพและประมวลผลเบ็ดเสร็จใน 5 มิติ คือ 1. พิกัดของตำแหน่ง 2. ภาพปกติกับภาพความร้อน 3. ชุดอุณหภูมิอ้างอิงอยู่ภายในตัวเครื่อง 4. ระบบการชดเชยความแปรปรวนของสภาพแวดล้อม และ 5. ระบบการชดเชยความแปรปรวนของระยะทาง ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ NECTEC เตรียมถ่ายทอดสิทธิให้เอกชนนำไปผลิตเชิงพาณิชย์ ในเฟส 2 ไปพร้อมๆ กับการเตรียมผลิตเชิงพาณิชย์ รุ่นLimited Edition จำนวนจำกัดอีก 40 เครื่อง เพื่อวางจำหน่ายรองรับความต้องการภาคประชาชนทุกพื้นที่ ในราคาที่จับต้องได้เป็นลำดับต่อไป มิวเทอร์ม-เฟสเซนซ์ เป็นผลงานการพัฒนาโดยทีมวิจัย จากกลุ่มวิจัยอุปกรณ์สเปกโทรสโกปีและเซนเซอร์ (SSDRG) และกลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย (CNWRG) รวม 16 คน ยังได้ลงมือพัฒนาระบบการทำงานของเครื่องส่วนต่าง ๆ ด้วยตนเองให้สามารถใช้งานเชื่อมต่อกันได้อัตโนมัติ นอกจากนี้ นวัตกรรมดังกล่าว ยังผ่านการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยทางด้านไฟฟ้า การทดสอบมาตรฐานคลื่นแม่เหล็ก ที่ไม่กระทบต่ออุปกรณ์ทางการแพทย์ การทดสอบความแม่นยำของอุณหภูมิ จากสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว การันตีด้วยชุดทรัพย์สินทางปัญญาหลายฉบับ ด้วยการทำงานของเครื่องจะทำให้ระบบประควบคุมและประมวผลผลที่ทำงานอยู่เบื้องหลังได้รับ “บิ๊ก ดาต้า” (Big Data) ที่เป็นค่าดิบจากเซนเซอร์ต่าง ๆของตัวเครื่องจำนวนมากนั้น สามารถนำไปต่อยอดหรือใช้ประโยชน์ในบริบทต่าง ๆ ได้หลากรูปแบบ อาทิ ปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องทั้งในรุ่นปัจจุบันและรุ่นถัดไป (ปัจจุบันเครื่องมีการอัปเดตโปรแกรมใหม่อัตโนมัติ) เพิ่มความสามารถเข่น การแสดงสถิติการใช้งาน (ปัจจุบันเครื่องนับจำนวนคนในแต่ละวันให้ตลอดเวลา) ช่วยดูแลสุขภาพเครื่องจากระยะไกลทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้จำนวนมาก รวมถึงเผยแพร่ข้อมูลบางส่วนเป็น Open Data เพื่อประโยชน์สาธารณะทางระบาดวิทยา เช่น จำนวนคนเข้าออก และค่าอุณหภูมิที่วัดได้ -สำนักข่าวไทย.

เอ็นทีทีเตรียมรับความเปลี่ยนแปลงความต้องการคลาวด์

กรุงเทพฯ 31 ส.ค. เอ็นทีที ประเทศไทย เผยทิศทางการขับเคลื่อนธุรกิจครึ่งปีหลังบุกตลาดคลาวด์เสริมทัพการให้บริการดิจิทัลครบวงจร นายสุทัศน์ คงดำรงเกียรติ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำประเทศไทย กัมพูชา เมียนมาร์ และลาว บริษัทเอ็นทีที กล่าวว่าจากนี้ไปการใช้คลาวด์ในประเทศไทยจะเติบโตสูงขึ้น และคาดว่ามูลค่าตลาดรวมของคลาวด์ในประเทศไทยจะโตอย่างต่อเนื่อง  โดยการให้บริการคลาวด์ยังคงเป็นเรือธงหลักของเรา นอกจากนี้เอ็นทีที ได้เตรียมการให้บริการด้านดิจิทัลโซลูชั่น และแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อรองรับการทรานส์ฟอร์มขององค์กรอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมด้วยการบริการช่วยบริหารจัดการด้านไอซีทีในองค์กรเพื่อให้เหมาะกับการดำเนินงานและช่วยลดต้นทุนทางธุรกิจ เอ็นทีทีได้เตรียมความพร้อมเพื่อการให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจรในหลากหลายมิติ เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจให้เดินหน้าอย่างมั่นคงในการแข่งขันทางธุรกิจต่อไปซึ่ง ณ เวลานี้ จะเป็นช่วงเวลาสำคัญในการทรานส์ฟอร์มเมชั่นองค์กรเพื่อเข้าสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยเทคโนโลยีถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างกลยุทธ์ของทุกองค์กรธุรกิจ ในการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และสร้างข้อมูลเชิงลึก ทั้งนี้เพื่อรองรับการทรานส์ฟอร์มองค์กรธุรกิจเต็มรูปแบบ พร้อมเสริมทัพการให้บริการดิจิทัลโซลูชั่น (Digital Solution) การบริหารจัดการด้านไอซีที (Managed Service) และการรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ (Intelligent Cybersecurity) พร้อมเปิดตัวClient Experience Center โชว์นวัตกรรมสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าและเชื่อมต่อการนำเสนอระบบการทำงานของเอ็นทีทีได้จากทั่วทุกมุมโลก เอ็นทีทีได้รวบรวมนวัตกรรมพร้อมการให้บริการอย่างครบวงจรในทุกด้าน ครอบคลุมตั้งแต่ระบบโครงสร้างพื้นฐานไอซีทีการเชื่อมต่อเครือข่ายจากทั่วโลก และ นำระบบ SD-WAN มาผสานการทำงานกับศูนย์ข้อมูลทั่วโลก และเชื่อมต่อบนระบบคลาวด์ของเอ็นทีทีในประเทศไทย จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยทางข้อมูลและการเชื่อมต่อที่สะดวกและรวดเร็วในด้านระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของบริษัทจะช่วยให้ได้รับความปลอดภัยด้วยบริการ secure by design โดยได้รวมระบบรักษาความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะด้านความปลอดภัยชั้นนำของอุตสาหกรรม รวมถึงได้รับข้อมูลเชิงลึกในการรักษาความปลอดภัยจากผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีอัจฉริยะของเรา ซึ่งเราพร้อมนำเสนอบริการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบบูรณาการและช่วยลูกค้าในการป้องกัน คาดการณ์ และตรวจจับพร้อมตอบสนองต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์เพื่อรองรับด้านการจัดการความเสี่ยงของธุรกิจ เอ็นทีที ได้เปิดตัวศูนย์ Client Experience Center สำหรับแสดงนวัตกรรมและสาธิตระบบการทำงานให้รวมถึงการจัดกิจกรรมอบรม สัมมนา และให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีและบริการ อาทิ นวัตกรรมและโซลูชั่นเพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการทำงานเช่น  บริการคลาวด์ และ Solution Insight สำหรับการวิเคราะห์การทำงานของระบบคราวด์เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด, ระบบคอนเทคเซ็นเตอร์บนคลาวด์ นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังความมั่นคงปลอดภัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของเอ็นทีที (NTT Security Operation Center), บริการบริหารจัดการและการเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านไอซีทีอัจฉริยะอีกด้วย และมีการจัดแสดงนวัตกรรมเพื่ออนาคต เช่น เทคโนโลยีสำนักงานอัจฉริยะ, เทคโนโลยีดิจิทัลในการแข่งขันจักรยาน Tour de France, ระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ RPA, คอมพิวเตอร์สวมใส่ได้และสั่งการด้วยเสียงอัจฉริยะ Realwear, COTOHA ระบบการแปลภาษาอัจฉริยะ เป็นต้น โดยศูนย์ Client Experience Center มีพื้นที่ 393 ตารางเมตร -สำนักข่าวไทย.

1 31 32 33 34 35 51
...