เศรษฐกิจ

กรุงเทพฯ 11 พ.ค.-กลุ่ม ปตท.คาดผลดำเนินการจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง  หลังไตรมาส1/63 พลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 1,554 ล้านบาท บอร์ด สั่งทบทวนลงทุนเน้นขายในประเทศ หลังเจอบทเรียนโควิด-19   นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ในไตรมาส1และ2ปีนี้ ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 กระทบหนักต่อการขาดทุนสตอกของธุรกิจโรงกลั่น ปิโตรเคมีและน้ำมันของกลุ่ม ปตท.เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ควบคุมไม้ได้เพราะเป็นไปในรูปแบบเดียวกันทั่วโลก แต่คาดว่าไตรมาส3และ4จะดีขึ้น ตามทิศทางราคาผลิตภัณฑ์​ที่ดีขึ้นโดยราคาน้ำมันดิบตลาดล่วงหน้าในไตรมาส3/63 ได้เริ่มขยับขึ้นเป็นถึง 30เหรียญสหรัฐ​/บาร์เรล และคาดว่าราคาน้ำมันดิบปีนี้จะ เฉลี่ยราว40-50 ดอลลาร์สหรัฐ​/บาร์เรล   ทั้งนี้ นโยบายของกลุ่ม ปตท.ที่ทำมาตลอดคือประเมินความเสี่ยงทุกระยะ ลดต้นทุนค่าดำเนินการ โครงการใหม่ๆก็เลื่อนไปก่อน ล่าสุด ได้มีการเสนอตัดงบดำเนินงานหลายพันบาทต่อบอร์ด ปตท.30เม.ย. แต่บอร์ด​ยังไม่อนุมัติให้ทบทวนอีกรอบ โดยให้นโยบายทบทวนการลงทุนที่ไม่เน้นการส่งออก เพราะช่วงโควิด-19นี้ เห็นชัดเจนว่า ไม่สามารถส่งออกได้ เพราะความต้องการตลาดโลกหดตัว ต้องลดกำลังกลั่น น้ำมันเครื่องบินขายไม่ได้ต้องปรับไปเป็นดีเซลหรือ ปิโตรเคมี โดย ซีอีโอ คนใหม่ คือนายอรรถพล […]

นนทบุรี 11 พ.ค.-ปลัดพาณิชย์แนะเจ้าทุกข์อย่าปล่อยวางควรแจ้งความ  กรณีมิจฉาชีพหลอกขายทุเรียน โดยกระทรวงพาณิชย์พร้อมประสานงานหากได้รับการร้องเรียนมา   นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์  กล่าวว่ากรณีมีข่าวกลุ่มมิจฉาชีพที่หลอกขายทุเรียนราคาถูกแต่ไม่มีสินค้าส่งจริง โดยใช้ชื่อบัญชีและบัตรประชาชนและสมุดบัญชีคนอื่นๆนั้น ซึ่งถือว่าการกระทำดังกล่าวถ้าเป็นการกระทำโดยหลอกล่วงก็ถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญาฉ่อโกงประชาชน ซึ่งมีโทษค่อนข้างรุนแรงอยู่แล้ว และหากเป็นการกระทำผ่านระบบอินเทอร์เน็ตก็เข้าข่ายกระทำผิดทางกฎหมายด้านคอมพิวเตอร์อีก ซึ่งถือว่ามีโทษกระผิดต่างกรรมต่างวาระทั้งสิ้น ดังนั้น การกระทำผิดใดที่เกิดขึ้น สิ่งสำคัญอยู่ที่ทางผู้ที่ได้รับความเสียหายหรือถูกหลอกจะต้องมาดำเนินการแจ้งความต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่กำกับดูแลจะได้รวบรวมข้อมูลการกระทำผิดดังกล่าวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายที่มีอยู่อย่างจริงจัง   อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าที่ผ่านมาผู้ที่ถูกกระทำมักจะไม่ค่อยแจ้งความดำเนินคดี เพราะเห็นว่าใช้เวลานานและเสียเวลาฟ้องร้อง ทำให้ส่วนราชการไม่มีข้อมูลและหลักฐานที่จะเอาผิดต่อผู้กระทำความผิด ดังนั้น สิ่งที่จะจัดการต่อผู้กระทำผิดได้อยู่ที่ผู้ถูกกระทำจะต้องมาแจ้งความดำเนินคดีเพื่อให้เจ้าพนักงานมีข้อมูลและหลักฐานที่จะดำเนินคดีลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งการกระทำหลอกล่วงมีโทษทางกฎหมายอยู่แล้ว โดยที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ไม่ได้นิ่งนอนใจเมื่อได้รับการร้องเรียนเข้ามาจะส่งเรื่องต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการตามกฎหมายทันที ซึ่งในปัจจุบันช่องทางการร้องเรียนของแต่ละหน่วยงานเปิดให้บริการเต็มที จึงอยากให้ผู้ที่ถูกหลอกลวงแจ้งความดำเนินคดีมากกว่าจะปล่อยให้เรื่องเงียบไป.-สำนักข่าวไทย