ขนส่งเปิดตัวแอปฯ ชำระภาษี “DLT Vehicle Tax”

กรุงเทพฯ 11 ส.ค. –  กรมการขนส่งทางบกถือฤกษ์วันสถาปนาครบรอบ 79 ปี เปิดตัวแอปพลิเคชั่นชำระภาษี “DLT Vehicle Tax” และตู้รับชำระภาษีอัตโนมัติ ชำระภาษีรถด้วยตนเองได้รับเครื่องหมายการเสียภาษีทันที


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงานวันคล้ายวันสถาปนากรมการขนส่งทางบก ครบรอบ 79 ปี พร้อมแถลงข่าวเปิดโครงการระบบตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) และ “DLT Vehicle Tax” แอปพลิเคชั่นชำระภาษีรถผ่านมือถือ “เปิดประสบการณ์ใหม่ในการเสียภาษีรถ แบบ New Normal : New Experience for DLT Vehicle Tax”

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกได้มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพมายกระดับการให้บริการตอบสนองความต้องการของประชาชน โดยปีนี้พัฒนาการให้บริการประชาชนโดยใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพมาใช้ ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 กรมการขนส่งทางบกจึงพัฒนาบริการรับชำระภาษีรถประจำปีรูปแบบใหม่ (New Normal) ให้เหมาะสมกับการใช้งานและวิถีชีวิตของประชาชนปัจจุบัน โดยเพิ่มช่องทางการชำระภาษีรถประจำปีแบบ New Normal ผ่านแอปพลิเคชั่นชำระภาษีรถประจำปี “DLT Vehicle Tax” และตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) จากเดิมการให้บริการรับชำระภาษีผ่านหน่วยงานภายนอก เช่น ที่ทำการไปรษณีย์ เคาน์เตอร์เซอร์วิส ธนาคารพาณิชย์ ผ่านระบบโทรศัพท์มือถือ หรือระบบอินเทอร์เน็ตที่เว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th/ ประชาชนจะต้องรอรับใบเสร็จและเครื่องหมายการเสียภาษีทางไปรษณีย์เพียงอย่างเดียว แต่สำหรับแอปพลิเคชันชำระภาษีรถประจำปี “DLT Vehicle Tax” และตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ ประชาชนสามารถเลือกรับเครื่องหมายการเสียภาษีทางไปรษณีย์ หรือพิมพ์เครื่องหมายการเสียภาษีที่ตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ ซึ่งสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองทุกขั้นตอน ไม่ต้องติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบก


สำหรับช่องทางการให้บริการชำระภาษีรถประจำปีรูปแบบใหม่ผ่านแอปพลิเคชัน “DLT Vehicle Tax” สามารถเลือกให้จัดส่งเอกสารทางไปรษณีย์ หรือรับเอกสารด้วยตนเองที่ตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ เมื่อชำระภาษีรถประจำปีผ่านแอปพลิเคชัน “DLT Vehicle Tax” เรียบร้อยแล้ว ระบบจะแสดงหลักฐานการชำระภาษีรถประจำปีชั่วคราว เพื่อให้เจ้าของรถสามารถใช้เป็นหลักฐานแสดงการชำระภาษีจนกว่าจะได้รับเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปีจากกรมการขนส่งทางบก ส่วนการให้บริการผ่านตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ เมื่อมีการชำระเงินเรียบร้อยแล้วจะได้รับเครื่องหมายการเสียภาษีในทันที ซึ่งสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองทุกขั้นตอน โดยจะเริ่มเปิดให้บริการวันที่ 20 สิงหาคม 2563 ช่วยให้ประชาชนที่ต้องการชำระภาษีรถประจำปีไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานขนส่ง ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ทั้งยังเป็นการลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยด้านสุขอนามัยในสถานการณ์โควิด-19 

ด้านนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ระยะแรกตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติจะตั้งอยู่ภายในสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 โดยมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำการใช้บริการ นอกจากนี้ ยังมีติดตั้งที่กระทรวงคมนาคมและศูนย์บริการร่วมคมนาคมเชิงสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน โดยกำหนดต้องเป็นรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 คน (รถเก๋ง), รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน (รถตู้), รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รถกระบะ) ที่มีอายุไม่เกิน 7 ปี และรถจักรยานยนต์มีอายุการใช้งานไม่เกิน 5 ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรกที่ไม่มีภาษีค้างชำระหรือค้างชำระไม่เกิน 1 ปี ไม่ถูกอายัดทะเบียน ก่อนที่จะมีการขยายผล เชื่อมโยงข้อมูลกับสถานตรวจรถเอกชน (ตรอ.) ทำให้สามารถต่อทะเบียนภาษีได้กับรถทุกคันภายในปลายปีนี้

รวมทั้งไม่ใช่รถที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทก๊าซ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ โดยต้องมีหลักฐานกรมธรรม์ประกันภัยตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 สำหรับเจ้าของรถที่สะดวกรับบริการด้วยตนเองที่สำนักงาน กรมการขนส่งทางบกได้มีการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่คอยให้บริการภายใต้มาตรการทางด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ทั้งที่เคาน์เตอร์สำนักงาน รวมถึงหน่วยให้บริการรับชำระภาษีนอกสำนักงาน เช่น Drive Thru for Tax ขับรถผ่านช่องทางรับชำระภาษีโดยไม่ต้องลงจากรถ ศูนย์บริการร่วมคมนาคม เชิงสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน เคาน์เตอร์เซอร์วิส ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ที่ทำการไปรษณีย์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ทั้งยังมีบริการผ่านระบบออนไลน์ลดการสัมผัสติดต่อ เช่น ผ่านเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก https://eservice.dlt.go.th แอปพลิเคชัน Truemoney Wallet mPAY อีกด้วย


กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม มุ่งมั่นขับเคลื่อนการพัฒนาระบบขนส่งทางถนนให้มีประสิทธิภาพ โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันทันสมัย มาเป็นส่วนสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาประเทศสู่การเป็นไทยแลนด์ 4.0 สามารถสนองตอบความต้องการเดินทางของประชาชน และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชนในอนาคตต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

กัมพูชาสั่งแบนหนัง-ละครไทย

พนมเปญ 13 มิ.ย. – เว็บไวต์ขแมร์ไทม์ส ของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภา เรียกร้องให้สถานีโทรทัศน์กัมพูชายกเลิกการออกอากาศละครไทย เลิกฉายหนังไทย และอาจจะยกเลิกการนำเข้าสินค้าจากไทยด้วยเพื่อรักษาอธิปไตยและศักดิ์ศรีของประเทศในยามที่เผชิญแรงกดดัน กระทรวงข่าวสารกัมพูชาได้ออกหนังสือถึงเจ้าของสถานีโทรทัศน์ทุกแห่งแจ้งให้ทราบว่าตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ 12 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป ทุกสถานีของกัมพูชาต้องงดออกอากาศภาพยนตร์ไทยทุกประเภทเพื่อความเหมาะสมของสถานการณ์และรักษาความมั่นคงของชาติ นอกจากนี้กระทรวงศิลปะและวัฒนธรรมกัมพูชายังออกประกาศแจ้งเตือนให้ระงับการฉายและห้ามนำเข้าภาพยนตร์ไทยทุกประเภทในกัมพูชาตั้งแต่ 12 นาฬิกาวันนี้เป็นต้นไป.-816.-สำนักข่าวไทย

 อิสราเอลระบุเปิดฉากโจมตีอิหร่าน

เยรูซาเล็ม 13 มิ.ย. – กองกำลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีเป้าหมายด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน เพื่อขัดขวางมิให้อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ สื่อของอิหร่านและผู้เห็นเหตุการณ์รายงานว่า เกิดเหตุระเบิดหลายครั้งที่โรงงานเพิ่มสมรรถนะแร่ยูเรเนียม อิสราเอลเรียกปฏิบัติการโจมตีนี้ว่า “สิงห์ผงาด” (Rising Lion) โดยระบุว่าการโจมตียังพุ่งเป้าไปที่บรรดาผู้บัญชาการของอิหร่านและโรงงานผลิตขีปนาวุธ พร้อมกันนั้น อิสราเอลได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อเตรียมรับมือกับการโจมตีตอบโต้ด้วยขีปนาวุธและโดรนจากเตหะราน นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ได้กล่าวผ่านข้อความวิดีโอที่บันทึกไว้ว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ชี้ขาดในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล นายเนทันยาฮูเขากล่าวด้วยว่า อิสราเอลเล็งเป้าโจมตีไปที่นักวิทยาศาสตร์ที่กำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ โครงการขีปนาวุธนำวิถี และโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมที่เมืองนาทานซ์ (Natanz) ในปฏิบัติการที่จะดำเนินต่อไปอีกหลายวัน เจ้าหน้าที่กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า อิสราเอลกำลังโจมตีเป้าหมายทางนิวเคลียร์และทางทหาร ‘หลายสิบแห่ง’ โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าอิหร่านมีวัสดุเพียงพอที่จะสร้างระเบิดนิวเคลียร์ได้ถึง 15 ลูกภายในไม่กี่วัน มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า อิสราเอลได้ดำเนินการฝ่ายเดียวเนื่องจากเชื่อว่าปฏิบัติการดังกล่าวมีความจำเป็นสำหรับการป้องกันตนเอง พร้อมกับย้ำว่า สหรัฐไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฎิบัติการครั้งนี้ของอิสราเอล ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นกว่า 3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากข่าวนี้.-813.-สำนักข่าวไทย

“ทนายวิญญัติ” รอศาลกำหนดแนวทางพิจารณา

ศาลฎีกาฯ 13 มิ.ย.-“ทักษิณ” ไม่มาศาลฎีกา​ “ทนายวิญญัติ” รอศาลกำหนดแนวทางพิจารณา นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี​ เดินทางมาที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองประมาณ 8.30 น. พร้อมทีมทนาย 4-5 คน โดยไม่ปรากฏนายทักษิณ เดินทางมาศาลแต่อย่างใด นายวิญญัติ เปิดเผยถึงกรณีศาลฯได้นัดไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ได้รับการเข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ วันนี้ว่า​ เป็นการนัดของศาลฎีกาฯ เพื่อจะดำเนินการกระบวนการไต่สวน​ ซึ่งต้องรอดู ตนในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจของนายทักษิณ​ มาทำหน้าที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เห็นว่า กระบวนการพิจารณาคดีจากนี้ไป จะกำหนดหรือวางแนวทางอย่างไร ยังไม่สามารถตอบได้ ส่วนเรื่องรายละเอียดต่างๆ ขอให้สัมภาษณ​์หลังจากที่เสร็จกระบวนการก่อน เนื่องจากว่ายังไม่ทราบ ว่าจะมีกระบวนการอย่างไรบ้าง ทั้งนี้การเป็นทนายความมาพอจะคาดเดาได้ ส่วนในคดีนี้มีโอกาสที่นายทักษิณจะมาหรือไม่​ นายวิญญัติ​ กล่าวว่ายังตอบไม่ได้ และการพิจารณาวันนี้ไม่น่านาน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ ต้องดูว่า เราจะทำคำชี้แจงอย่างไร และหน่วยงานต่างๆ บุคคลที่ได้รับหมายได้ยื่นคำชี้แจงมาหรือไม่ ต้องมาดูว่ามีใครยื่นมาบ้าง หลังจากนั้นศาลจะให้โอกาสทุกฝ่าย ในการชี้แจง.-319​.-สำนักข่าวไทย

เครื่องบินตกอินเดีย

นายกฯ แสดงความเสียใจเครื่องบินตกที่อินเดีย

กทม. 13 มิ.ย.-นายกฯ แสดงความเสียใจโศกนาฏกรรมเครื่องบินตกที่เมืองอาเมดาบัด นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความเมื่อคืนที่ผ่านมา แสดงความรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อโศกนาฏกรรมเครื่องบินตกที่เมืองอาเมดาบัด ในนามของประชาชนและรัฐบาลไทย ขอแสดงความเสียใจไปยังท่านนายกรัฐมนตรีโมที @NarendraModi และผู้ที่ประสบความสูญเสียจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ I am deeply saddened by the tragic plane crash in Ahmedabad earlier today. On behalf of the people and Government of Thailand, I extend our heartfelt condolences to PM @NarendraModi and all those who suffered loss in this tragedy.-314.-สำนักข่าวไทย