อาเซียนเดินหน้าฟื้นเอฟทีเออียู

นนทบุรี  2 ส.ค. – อาเซียนหารือคู่เจรจาผ่านการประชุมทางไกล เคาะแผนงานด้านการค้าการลงทุนอาเซียน-อียู เตรียมชงรัฐมนตรี 2 ฝ่ายรับรอง 29 ส.ค.นี้ ฟื้นเจรจาเอฟทีเอระหว่างกัน เดินหน้าอัพเกรดเอฟทีเอกับออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ถกเปิดเสรีสินค้าอ่อนไหวกับจีน เกาหลีใต้เพิ่มเติม เดินหน้าปูทางทำเอฟทีเออาเซียน-แคนาดา ส่วนรัสเซียเห็นพ้องเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจ


นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเศรษฐกิจอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาผ่านระบบทางไกล ระหว่างวันที่ 25-27 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยในการหารือกับสหภาพยุโรป (อียู) ได้เห็นชอบแผนงานด้านการค้าและการลงทุนอาเซียน-สหภาพยุโรป ปี 2563-2564 โดยจะเสนอให้ที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-กรรมาธิการยุโรปด้านการค้า ครั้งที่ 17 รับรอง วันที่ 29 สิงหาคม 2563 ซึ่งจะช่วยยกระดับความสัมพันธ์การค้าและการลงทุน และเป็นการเตรียมพร้อมในการกลับมาเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) อาเซียน-อียู

“การประชุมวันที่ 29 สิงหาคม 2563 นอกจากจะให้การรับรองแผนงานดังกล่าวแล้ว ยังจะถือโอกาสหารือประเด็นทางเศรษฐกิจที่สำคัญของโลกและภูมิภาค เช่น การรับมือและฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-19 การปฏิรูปองค์การการค้าโลก และหาแนวทางการสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี รวมทั้งจะมีการหารือถึงการฟื้นการเจรจาเอฟทีเอระหว่างอาเซียน-อียู ที่หยุดชะงัก โดยปัจจุบันอียูมีความตกลงเขตการค้าเสรีกับประเทศในอาเซียน 2 ประเทศ คือ สิงคโปร์และเวียดนาม อยู่ระหว่างการเจรจากับอินโดนีเซีย และอยู่ระหว่างการพิจารณาฟื้นการเจรจากับมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย” นางอรมน กล่าว


นางอรมน กล่าวว่า สำหรับการหารือกับออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ได้มีการติดตามการดำเนินงานภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA) และความคืบหน้าการเตรียมการเจรจาเพื่อปรับปรุงความตกลง AANZFTA ซึ่งบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2552 ให้ทันสมัย ตอบสนองสถานการณ์การค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในยุคการค้าดิจิทัล ซึ่งเบื้องต้นได้อนุโลมให้ใช้สำเนาใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าฉบับอิเล็กทรอนิกส์แทนเอกสารฉบับจริง เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ส่งออกมากขึ้นในช่วงโควิด-19

ส่วนผลการหารือกับจีน ได้ติดตามความคืบหน้าการใช้บังคับพิธีสารเพื่อแก้ไขกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับจีน (ACFTA Upgrading Protocol) และการเจรจาเปิดเสรีสินค้าอ่อนไหวเพิ่มเติม โดยจะเริ่มหารือภายหลังการลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) เดือนพฤศจิกายน 2563 ซึ่งอาเซียนได้ย้ำต่อจีนว่าการลดภาษีต้องเป็นประโยชน์กับการค้า 2 ฝ่าย และต้องไม่มีมาตรการกีดกัน เช่น SPS รวมทั้งการเพิ่มความร่วมมือในสาขาอื่น ๆ เช่น พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี (NTMs) เพื่อพัฒนาเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมต่อไป

ทางด้านการหารือกับเกาหลี ได้ติดตามการดำเนินงานภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลี (AKFTA) และการเจรจาเปิดเสรีสินค้าอ่อนไหวเพิ่มเติม ซึ่งจะมีการเจรจาหลังจากการลงนาม RCEP เสร็จสิ้นแล้ว โดยเกาหลียังได้แสดงความพร้อมในการสนับสนุนอาเซียนผ่านโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อาทิ โครงการ Technology Advice and Solutions from Korea (TASK) ที่มีเป้าหมายจะจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมอุตสาหกรรมและศูนย์ความร่วมมือด้านมาตรฐานในอาเซียน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาประเทศที่จะจัดตั้งโดยคาดว่าจะสามารถจัดตั้งได้ในปี 2564


 ขณะที่การหารือกับแคนาดา ได้มีการหารือถึงความเป็นไปได้ในการเจรจาจัดทำเอฟทีเออาเซียน-แคนาดา โดยได้รับทราบความคืบหน้าการหารือด้านนโยบายการค้าของผู้เชี่ยวชาญอาเซียนและแคนาดา ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนยน 2563 ที่ได้แลกเปลี่ยนความเห็นในเรื่องแรงงาน สิ่งแวดล้อม การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ และรัฐวิสาหกิจ ซึ่งพบว่า ทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นและระดับความคาดหวังที่ต่างกัน ที่ประชุมจึงเห็นควรจัดทำเอกสารอ้างอิง (Reference Paper) เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันในเรื่องขอบเขต ความคาดหวัง และหัวข้อที่เห็นควรมีในการจัดทำเอฟทีเอระหว่างกัน เพื่อเป็นข้อมูลนำเสนอต่อรัฐมนตรีเศรษฐกิจของทั้ง 2 ฝ่าย ในการพิจารณาตัดสินใจเรื่องนี้ โดยในส่วนการเตรียมการของไทย กรมฯ จะจัดหารือภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ข้อมูลความคืบหน้าเรื่องนี้ และรับฟังความเห็นต่อการจัดทำเอฟทีเออาเซียน-แคนาดา ต่อไป

สำหรับรัสเซีย ได้ร่วมกันพิจารณาผลการดำเนินงานตามแผนความร่วมมือการค้าและการลงทุนนับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา (Post-2017 ASEAN-Russia Trade and Investment Work Programme) ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายได้ร่วมกันผลักดันความร่วมมือในสาขาเกษตร พลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน การเงิน และเทคโนโลยีดิจิทัล นอกจากนี้ ล่าสุด คณะกรรมการร่วมอาเซียนและรัสเซียได้อนุมัติโครงการด้านการเกษตรและประมง อาทิ การบริหารจัดการน้ำเสีย และระบบเครือข่ายการสื่อสารเพื่อการพัฒนาเกษตรอย่างยั่งยืนให้กับประเทศในอาเซียนอีกด้วย และยังได้หารือกับผู้แทนของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Commission : EEC) ซึ่งเป็นฝ่ายเลขาของสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย ที่มีสมาชิก 5 ประเทศ ประกอบด้วย รัสเซีย คาซัคสถาน เบลารุส อาร์เมเนีย และคีร์กีซสถาน เพื่อหารือด้านความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค ซึ่งที่ประชุมได้ให้ไฟเขียวกับข้อเสนอของ EEC ให้ขยายอายุแผนงานความร่วมมือระดับภูมิภาค (Programme of Cooperation : PoC) ระหว่างอาเซียนและสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซียออกไปจนถึงปี 2568 เพื่อให้ที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนในเดือน ส.ค. 2563 พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป

นอกจากนี้ ยังได้หารือกับญี่ปุ่น ได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามพันธกรณีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอาเซียน–ญี่ปุ่น (AJCEP) ที่มีผลใช้บังคับกับไทยตั้งแต่ปี 2552 และการเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน–ญี่ปุ่น สมัยพิเศษว่าด้วยการตอบสนองต่อสถานการณ์โควิด-19 และรับทราบเรื่องความคืบหน้าการให้สัตยาบันพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลง AJCEP ของญี่ปุ่นและเวียดนาม ส่งผลให้พิธีสารดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. 2563 ระหว่างญี่ปุ่นกับประเทศสมาชิกอาเซียนที่ให้สัตยาบันแล้ว ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ เมียนมา สปป.ลาว และเวียดนาม โดยพิธีสารฉบับใหม่นี้ จะเป็นการยกระดับความตกลง AJCEP ให้ครอบคลุมไปถึงเรื่องการค้าบริการ การเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดา และการลงทุนด้วย จากเดิมที่ครอบคลุมเฉพาะเรื่องการเปิดตลาดการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย

ผลถก RBC กัมพูชาเมินกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

ตราด 16 ส.ค. – กัมพูชายังไม่ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังฝ่ายไทยผลักดันในเวที “RBC ไทย-กัมพูชา” พื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด พร้อมการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แขวนไว้หารือในการประชุมครั้งต่อไป พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และพลตรี อุย เฮียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา ตลอดจนคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของทั้งสองฝ่าย จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC ณ ประเทศไทย ที่บ้านทะเลภูรีสอร์ท อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อร่วมกันหารือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยสันติวิธี โดยได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ราชอาณาจักรไทย กับภูมิภาคที่ 3 […]

วัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะแจงดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท

กทม. 16 ส.ค.-ไวยาวัจกรฝ่ายกฎหมายวัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะชี้แจงการดำเนินคดีกับอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง 10 ปี พบปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส 240 ครั้ง ด้านเจ้าอาวาสยอมรับเสียใจ ผิดหวังที่ไว้ใจคนใกล้ตัว ไวยาวัจกรวัดฝ่ายกฎหมาย ตั้งโต๊ะชี้แจง กรณีที่มีบุคคลภายในวัดปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ไปถอนเงินออกจากบัญชีวัดกว่า 240 ครั้ง ยักยอกเงินกว่า 56 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 67 ที่ผ่านมา ในส่วนการดำเนินการขณะนี้แบ่งเป็น 3 คดี คดีแรก พบการกระทำความผิดคือเมื่อเดือนเมษายน 2567 ทางวัดได้รับบริจาคจากกองทัพเรือเป็นแคชเชียร์เช็ค 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในแคชเชียร์เช็คระบุว่ามอบให้ทางวัด จึงต้องเอาเข้าบัญชีวัด ทางเจ้าอาวาสจึงมีการมอบให้นายกฤษณ์ ที่เป็นไวยาวัจกรวัดในตอนนั้น เอาแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและเอาเข้ายังบัญชีของวัด ต่อมาทางเจ้าอาวาสได้ทวงถามไปยังนายกฤษณ์ เพราะในขณะนั้นจำเป็นจะต้องบูรณะศาสนสถาน แต่นายกฤษณ์ อ้างว่าไม่ว่าง และได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกรในตอนนั้นนำเงินไปเข้าธนาคาร ทางเจ้าอาวาสเลยมีการติดต่อไปยังนายชัยณรงค์ เพื่อทวงถามเรื่องเงิน แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด […]

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย