กรุงเทพฯ 11 ส.ค.-‘ไทยออยล์’ เดินหน้าแผนเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปและผู้ถือหุ้นเดิมเตรียมขึ้นเครื่องหมาย XB 18 ส.ค.นี้ เพื่อระดมทุนเสริมศักยภาพธุรกิจการกลั่น ต่อยอปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า TOP เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป และ ผู้ถือหุ้นเดิมที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XB (Excluding Other Benefits) วันที่ไม่ได้รับสิทธิจองหุ้นเพิ่มทุนวันแรก 18 สิงหาคม 2565 และวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ (Record Date) วันที่ 19 สิงหาคม 2565 เพื่อระดมทุนต่อยอดความแข็งแกร่งของธุรกิจการกลั่นและมุ่งสู่ธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง
โดยเงินที่ได้จากการระดมทุน ส่วนหนึ่งนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น (Bridging Loan) ให้แก่ ปตท. และสถาบันการเงิน จากการที่ไทยออยล์เข้าลงทุนในธุรกิจโอเลฟินโดยซื้อหุ้นใน PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (CAP) บริษัทปิโตรเคมีขนาดใหญ่ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งภายหลังการชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่โครงสร้างเงินทุนของไทยออยล์ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน หรือใช้ขยายธุรกิจในอนาคต
นายธนิก ธราวิศิษฏ์ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking and Capital Markets ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า สำหรับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ จะจัดสรรและเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering) จำนวนไม่เกิน 239,235,000 หุ้น รวมถึงจัดสรรเพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมของไทยออยล์ ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 80% ของหุ้นสามัญที่ออกและเสนอขายครั้งนี้ (ไม่รวมจำนวนหุ้นที่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินอาจใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจากไทยออยล์ในกรณีที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) โดยไม่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นที่จะทำใหไทยออยล์มีภาระหรือหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ
นอกจากนี้ ไทยออยล์อาจมีการพิจารณาจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment) จำนวนไม่เกิน 35,885,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 15% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่เสนอขายครั้งนี้ โดยสรุปการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปและการจัดสรรหุ้นส่วนเกินในครั้งนี้ รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 275,120,000 หุ้น. -สำนักข่าวไทย