21 ก.ค. – ปตท.เดินหน้าตามแผนให้ไทยเป็นศูนย์กลาง หรือฮับการค้าแอลเอ็นจีในภูมิภาคนี้ เพื่อความมั่นคงและลดภาวะโลกร้อน
ในงาน ฟิวเจอร์ เอนเนอร์ยี และโมบิลิตี้ เอเชีย หรืองานประชุมด้านพลังงานและยานยนต์พลังงานสะอาด ปตท.และ ปตท.สผ. ได้ร่วมจัดแสดงนิทรรศการที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-22 ก.ค. ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.ได้เดินหน้าลงทุนรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่โลกมุ่งสู่การลดใช้ฟอสซิล ตามแผนลดภาวะโลกร้อน ซึ่งมีการลงทุนทั้งยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี ครบวงจร ซึ่งกลุ่ม ปตท. ทั้ง ปตท.สผ., ไทยออยล์, จีซี และจีพีเอสซี พร้อมด้วยพันธมิตร ทั้งภาคการศึกษาและภาคเอกชน ได้จัดตั้งกลุ่มความร่วมมือการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการดักจับ ใช้ประโยชน์และกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ “CCUS Consortium” ช่วยลดปัญหาการปล่อย CO2 ในกิจกรรมต่าง ๆ นับเป็นก้าวสำคัญพัฒนาต้นแบบเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนขับเคลื่อนองค์กรและประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ยกระดับการพัฒนาประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ช่วงการเปลี่ยนผ่านพลังงานนั้น ก๊าซธรรมชาติจะเป็นเชื่อเพลิงที่สำคัญ เนื่องจากเป็นฟอสซิลที่สะอาดที่สุดเมื่อเทียบกับถ่านหิน และน้ำมัน ปตท.จึงได้ลงทุนวางรากฐานการสร้างสถานีรับส่งก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ทั้งคลังมาบตาพุดและหนองแฟบ โดยจะสามารถรับแอลเอ็นจีได้ราว 19 ล้านตัน/ปี และพร้อมจะเป็นฮับนำเข้าและส่งออกไปสู่ภูมิภาคนี้ มีเป้าหมายค้าขายแอลเอ็นจี 9 ล้านตันต่อปี ในปี 2573 . – สำนักข่าวไทย
