กกร.ต่ออายุสินค้าและบริการควบคุม 51 รายการ ออกไปอีก 1 ปี

รัฐสภา 16 มิ.ย.-รัฐมนตรีพาณิชย์ระบุผลการประชุม กกร.ให้ต่ออายุสินค้าและบริการควบคุม 51 รายการออกไปอีก 1 ปี รวมถึงกลุ่มสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วย ขณะที่ราคา ATK ทั่วประเทศลดลง 30-42% และมติการขนย้ายข้าวโพดจะต้องขออนุญาตเพิ่มเติมขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดกับ 7 อำเภอ พร้อมขอบคุณภาคเอกชนที่ช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชนตามแนวทาง จะพยายามตรึงสินค้าทุกรายการให้นานที่สุดแม้ต้นทุนจะสูงขึ้นไปบ้าง


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) พร้อมด้วยผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่อาคารรัฐสภา ว่าที่ประชุม กกร. มีประเด็นสำคัญ 3 เรื่อง คือ ประเด็นที่ 1 ให้ต่ออายุสินค้าและบริการควบคุมออกไปอีกเป็นเวลา 1 ปี โดยสินค้าควบคุมมีทั้งหมด 46 รายการ และบริการมี 5 รายการ รวมเป็น 51 รายการ โดยให้ต่ออายุตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566

ประเด็นที่ 2 เรื่อง ATK ซึ่งปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขอนุญาตให้จำหน่ายได้ใน 4 ช่องทางคือ 1.สถานพยาบาล 2.หน่วยงานของรัฐ 3.ร้านขายยา 4.อื่นๆ ที่เลขาธิการ อย. กำหนด ปรับปรุงแก้ไขให้สามารถจำหน่ายได้ในทุกช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขมีประกาศกำหนดแล้วคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จะปรับปรุงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ให้สอดคล้องกัน ประชาชนสามารถหาซื้อ ATK ได้ในทุกช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ และในส่วนของราคามีการสำรวจพบว่าราคาในปัจจุบันถูกลงมาก เช่น ราคาที่จำหน่ายในระบบออฟไลน์ตามร้านขายยา สถานพยาบาล เป็นต้น ปรับลดลงมาถึง 30% และราคาที่จำหน่ายในระบบออนไลน์ปรับลดลงมาถึง 42% ถูกลงมามากในปัจจุบัน


และประเด็นที่ 3 เรื่องข้าวโพด วันนี้ที่ประชุมมีมติให้ผู้ที่จะขนย้ายข้าวโพดจะต้องขออนุญาตเพิ่มเติมขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัด กับ 7 อำเภอ ซึ่งเดิมต้องขออนุญาตการขนย้ายข้าวโพดใน 12 จังหวัด 45 อำเภอ 1 เขต คือท่าเรือคลองเตย เพิ่มอีก 3 จังหวัด 7 อำเภอ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ที่มีการนำเข้า ประกอบด้วย 1.จังหวัดตรัง อ.กันตัง 2.จังหวัดระนอง อ.เมือง 3.จังหวัดกาญจนบุรี ใน 5 อำเภอ คือ 1.อ.เมือง 2.อ.สังขละบุรี 3.อ.ไทรโยค 4.อ.ทองผาภูมิ และ 5.อ.ด่านมะขามเตี้ย เป็นต้น

นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ต้องขอขอบคุณภาคเอกชนต่างๆ ที่ช่วยกันตรึงสินค้าอุปโภคและบริโภคไว้ได้นานพอสมควร แม้ว่าจะได้รับผลกระทบต่อต้นทุนในด้านต่างๆ มากพอสมควร แต่ทุกฝ่ายได้เห็นใจภาคประชาชนที่จะไม่ซ้ำเติมด้วยการปรับขึ้นสินค้า แต่ได้ช่วยกันตรึงสินค้าต่างๆ เอาไว้ 

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าก็มีหลายรายการสินค้าที่ไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนก็เสนอขอปรับเพิ่มสินค้ามาให้กระทรวงพาณิชย์ได้พิจารณาอยู่หลายรายการ ซึ่งรวมถึงกลุ่มสินค้าบะหมื่กึ่งสำเร็จรูปด้วย แม้ว่าจะมีกระแสข่าวผู้ผลิตบางรายแบกรับภาระต้นทุนผลิตบะหมื่กึ่งสำเร็จรูปไม่ไหว โดยจะขอปรับเพิ่มจากซองละ 6 บาท เป็น 7 บาท โดยอ้างว่าไม่ได้ปรับขึ้นมาเป็นเวลา 14 ปีแล้วนั้น ซึ่งตนได้ตอบเรื่องนี้มาหลายรอบ และยังไม่มีการให้ปรับขึ้นสินค้ากลุ่มนี้ ซึ่งเห็นใจที่แบกรับต้นทุนไว้ แต่การปรับเพิ่มขึ้นของสินค้าจะมีคณะทำงานโดยกรมการค้าภายในจะเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม ไม่ใช่จะขอขึ้นเท่าไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น โดยกรมการค้าภายในจะมีสูตรการคำนวณของต้นทุนสินค้าในแต่ละชนิดอยู่แล้ว เช่น สินค้า 1 รายการ ไม่ใช่ต้นทุนจะเพิ่มทุกรายการ ดังนั้น หากการปรับขึ้นจะเน้นวิเคราะห์ถึงต้นทุนที่แท้จริง แต่เวลานี้กระทรวงพาณิชย์จะขอความร่วมมือจากภาคเอกชนที่จะช่วยกันตรึงสินค้าอุปโภคและบริโภคไปก่อน เพื่อช่วยเหลืดลดค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน และหากประชาชนพบเห็นสินค้าที่ขายเกินความเป็นจริง สามารถร้องเรียนสายด่วน 1569 ได้ทันที ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ต่อไป


ทั้งนี้ เท่าที่ติดตามยังไม่มีสินค้าขาดตลาด ส่วนน้ำมันพืช โดยเฉพาะน้ำมันปาล์ม ขณะนี้ตั้งอนุกรรมการ 5 ฝ่ายแล้ว ประกอบด้วย ตัวแทนเกษตรกร ตัวแทนโรงสกัด ตัวแทนโรงกลั่นน้ำมันขวดบริโภค ตัวแทนผู้ส่งออกและตัวแทนส่วนราชการ มีอำนาจหน้าที่ติดตามกำกับดูแลว่าควรกำหนดสตอกน้ำมันปาล์มสำหรับการบริโภคไว้เท่าไร และเพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ ส่วนที่เหลือจะดำเนินการอย่างไร อนุกรรมการจะพิจารณาให้เกิดความสมดุลทั้งปริมาณการผลิตผลปาล์ม การสกัด การผลิตน้ำมันบริโภคสำหรับประชาชนทั่วทั้งประเทศ ซึ่งมีสินค้าขอขึ้นราคาในบางรายการกระทรวงต้องดูในรายละเอียดไม่ใช่ยื่นแล้วจะอนุญาต ต้องดูลึกในแต่ละตัวว่าต้นทุนเพิ่มขึ้นในปริมาณเท่าใด ถ้าต้องขึ้นราคาต้องเป็นอย่างไร ตนมอบเป็นนโยบายไปแล้ว ให้ดูลึกละเอียดส่วนการพิจารณาเป็นอำนาจหน้าที่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจตามกฎหมาย โดยมีการขอปรับขึ้นมาในสินค้าอุปโภคบริโภคบางรายการ 

“ส่วนใหญ่พยายามตรึงราคาไว้ ที่ผ่านมาตรึงมาหลายเดือนแล้ว ทุกคนเห็นว่าประสบความสำเร็จ เพราะถ้าปล่อยให้ตามปกติ เช่น แทนที่ราคาจะไปที่ 20 บาท อาจไปถึง 25-30 บาท เราพยายามตรึงไว้ถ้ าปรับลดลงได้ก็จะปรับลด ถ้าใช้โครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนได้ จะร่วมมือกันกับภาคเอกชนดำเนินการลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนและสินค้าหลายรายการราคาลดลงมาในช่วงที่ผ่านมา และเรื่องบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตนได้ตอบไปแล้วว่าได้มีการขอปรับราคาหลายครั้ง แต่ขณะนี้ยังไม่มีการอนุญาต และยังขอความร่วมมือโดยจะพยายามตรึงราคาให้นานที่สุด ต้องขอความร่วมมือ ซึ่งผู้ประกอบการให้ความร่วมมืออย่างดี เพราะท่านทราบว่าจะกระทบประชาชนจำนวนมาก เพราะจะกระทบผู้มีรายได้น้อยจำนวนมากที่ต้องพึ่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ต้องขอบคุณผู้ประกอบการที่ช่วยตรึงราคาด้วย” นายจุรินทร์กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]

พล.อ.ณัฐพล เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.-พล.อ.ณัฐพล รมช.กห. เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session of Thailand […]

“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด จับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาส

กทม. 7 ส.ค.-“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด บุกจับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ก๊วนกิ๊กเก่า “สีกากอล์ฟ” หลังพบทุจริตยักยอกเงินวัด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 ส.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปาตแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาฯ ป.ป.ท. นำกำลังตำรวจ บก.ปปป. และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการ “กอล์ฟทีม EP.1” บุกค้นเป้าหมาย 3 จุด ใน จ.สุราษฎร์ธานี จ.พิจิตร และ จ.สมุทรสงคราม เพื่อจับกุมอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ และ คนใกล้ชิด ที่เคยพัวพันสัมพันธ์ฉาวสีกากอล์ฟ หลังพบกระทำผิดทุจริตยักยอกเงินวัดมาใช้ดูแลสีกา เป้าหมายจุดแรกที่เข้าตรวจค้นเป็นสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายทิวากร ดีไพร หรือ […]

มท.1 เด้งฟ้าผ่า ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี

เมืองทองธานี 7 ส.ค.-รมว.มหาดไทย สั่งเด้งฟ้าผ่า “ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี” ก่อนประชุมมอบนโยบายกระทรวงมหาดไทย เหตุมีปัญหาเบิกจ่ายงบประมาณดูแลประชาชนได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนการประชุมมอบนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ว่า ได้มีการสั่งย้าย ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย หลังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการเบิกงบทดรองราชการจ่ายเพียง 55,600 บาท จากที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ 100 ล้านบาท ส่วนจะย้ายชั่วคราว หรือถาวรน้้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า จะรอผลสอบก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากันในรายละเอียด โดยคำสั่งจะออกในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ว่าได้เดินทางมาร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย​ แต่ปฏิเสธที่จะแสดง​ความเห็น​ และไม่ขอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน.-315.-สำนักข่าวไทย