เชียงใหม่ 28 พ.ค.-“เชียงใหม่ Light Up” เริ่มแล้ว นำร่อง 7 วัด บนถนนคนเดินท่าแพ สู่แหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรมยามค่ำคืน
นายวรญาณ บุญณราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และหน่วยงานพันธมิตร ร่วมพิธีเปิดตัวโครงการ เพิ่มศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวด้านศาสนสถาน (วัด) ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ด้วยระบบไฟฟ้าส่องสว่างประสิทธิภาพสูงและพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ “เชียงใหม่ Light Up” ณ ลานประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมเปิดตัวโครงการฯ ระหว่างวันที่ 27-29 พฤษภาคม 2565
นายวรญาณ กล่าวว่า โครงการ “เชียงใหม่ Light Up” ที่ กฟผ. ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งจากส่วนกลาง และใน จ.เชียงใหม่ จัดขึ้น สอดรับกับนโยบายส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวของ จ.เชียงใหม่ เป็นการเปิดมุมมองการท่องเที่ยวใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด-19 สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน นับเป็นกิจกรรมที่ทุกหน่วยงาน ได้ผนึกกำลังแสดงเจตนารมณ์มุ่งผลักดันให้ จ.เชียงใหม่ เป็นเมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวและบริการชั้นนำระดับสากล
นายบุญญนิตย์ กล่าวเสริมว่า กฟผ. ร่วมกับ 4 หน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ จัดโครงการฯ นี้ขึ้น นอกจากเพื่อมุ่งพัฒนาศาสนสถาน โดยเฉพาะวัด ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในระดับสากล ส่งเสริม ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และสร้างความปลอดภัย ภายในวัดด้วยไฟส่องสว่างสวยงามยามค่ำคืนแล้ว ยังมุ่งส่งเสริมนวัตกรรมพลังงานที่มีประสิทธิภาพในศาสนสถานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สนองเป้าหมายการเป็นสังคมคาร์บอนต่ำของประเทศ (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 โดยติดตั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่างประสิทธิภาพสูง LED 3 ประเภท คือ LED Floodlight, LED Street-Light และ Solar LED Street-Light รวม 106 โคม ภายใน 7 วัด บนเส้นทาง ถนนคนเดินท่าแพ ได้แก่ วัดหมื่นล้าน วัดพันอ้น วัดสำเภา วัดพันเตา วัดชัยพระเกียรติ วัดทุงยู และวัดศรีเกิด คาดว่าสามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้กว่า 57,800 หน่วยต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ ได้ถึง 30 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี
นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบบริหารจัดการการใช้งาน ควบคุมการเปิด-ปิดไฟระยะไกลผ่าน Mobile Application ที่สามารถติดตามข้อมูลการใช้งาน ทั้งการแสดงสถานะเปิด-ปิดระบบไฟฟ้าแสงสว่าง แสดงค่ากำลังไฟฟ้า ค่ากระแสไฟฟ้า ค่าพลังงานไฟฟ้า ณ ปัจจุบัน และย้อนหลัง พร้อมแสดงภาพจากระบบกล้อง CCTV โดย กฟผ. จะร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรในการตรวจติดตามและประเมินผลกระทบของโครงการในมิติต่าง ๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์ความเหมาะสมและความคุ้มค่า ประกอบการพิจารณาแนวทางการดำเนินงานในระยะต่อไป.-สำนักข่าวไทย