“มนัญญา” เร่งแก้ความแออัดด่านตรวจพืชหนองคาย

หนองคาย 25 พ.ค. – “รมช.มนัญญา” ลุยแก้ปัญหาความแออัดด่านตรวจพืชหนองคาย รองรับการขยายตัวส่งออก-นำเข้า สินค้าเกษตร


นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนด่านศุลกากรหนองคาย พร้อมด้วย นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร นายภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร และคณะผู้บริหารในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมี นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมด่านพรมแดน (ขาออก) ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 อ.เมือง จ.หนองคาย โดยที่ประชุมได้รายงานการสถานการณ์การนำเข้า-ส่งออก สินค้าของด่านศุลกากรหนองคาย และด่านตรวจพืชหนองคาย และหารือถึงปัญหาความแออัดของรถตู้คอนเทนเนอร์หน้าด่าน จากนั้นตรวจเยี่ยมขั้นตอนการตรวจปล่อยทุเรียนส่งออกไปยังประเทศจีน ผ่านทางรถไฟสาย ไทย-ลาว-จีน ณ ลานตรวจสินค้า ด่านศุลกากรหนองคาย

รมช.มนัญญา กล่าวว่า ตามที่ได้รับแจ้งว่าเกิดปัญหาความแออัดของรถตู้คอนเทนเนอร์ขนสินค้าที่หน้าด่านศุลกากรหนองคาย ทำให้ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการเกิดความล่าช้า โดยในเรื่องนี้ตนได้มีความเป็นห่วงและจะเร่งแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด จึงได้หารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย และพบว่าปัญหาความแออัดนั้นเกิดจากสถานที่ด่านซึ่งมีพื้นที่จำกัด เพียง 40 ไร่ จึงทำให้ไม่มีพื้นที่จอดคอย ทางผู้ว่าราชการจังหวัดจึงได้ทำหนังสือของบปรับปรุงขยายพื้นที่ ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ พร้อมบูรณาการร่วมกับจังหวัด และจะช่วยประสานส่วนกลาง เพื่อเร่งปรับปรุงพื้นที่ รองรับการขยายตัวสินค้าส่งออก-นำเข้าในด่านแห่งนี้ และรองรับการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน ซึ่งจะต้องเตรียมการและเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ส่วนตัวคิดว่าควรจะต้องรวดเร็วมากกว่านี้ ไม่รอจนกว่ารถไฟเชื่อมต่อกันแล้วเสร็จ แล้วค่อยสร้างสถานที่รองรับ เนื่องจากจุดนี้มีสินค้านำเข้า-ส่งออก ที่หลากหลายไม่เพียงแต่ทุเรียน ในอนาคตหากรถไฟเชื่อมกันเสร็จจะเป็นอีกด่านหนึ่งที่รองรับการส่งออกได้มากขึ้น และเป็นหารเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกสินค้า ส่วนในขั้นตอนของการตรวจปล่อยทุเรียนส่งออกไปยังประเทศจีน ไม่มีปัญหาความล่าช้า แต่เร็วขึ้นมาก เป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากกรมวิชาการเกษตรได้อำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการโดยมีห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่ สามารถตรวจและเคลื่อนย้าย ทำให้ย่นระยะเวลาลง รวมถึงนำระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วยในการปฎิบัติงาน เช่น ขอใบรับรองสุขอนามัยพืชแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Phyto) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ โดยต้องมีการตรวจสอบข้อมูลกับระบบ GAP online ซึ่งเปิดใช้งานแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 โดยจะนำเรื่องที่หารือกันในวันนี้ไปนำเรียนให้นายกรัฐมนตรีได้ทราบด้วย


ทั้งนี้ ด่านตรวจพืชหนองคายได้เปิดให้บริการ เพื่อให้เป็นด่านนำเข้าและส่งออกผลไม้ระหว่างไทยและจีน ตามพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ไทยผ่านประเทศที่สาม สู่สาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีช่องทางส่งออกเพิ่มขึ้น และเพื่อให้การดำเนินการส่งออกมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงได้สั่งการให้ด่านตรวจพืชหนองคาย อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการในการขอใบรับรองสุขอนามัยพืช หรือใบแทน กรณีต้องแก้ไข ตลอดจนให้นายตรวจพืชปฏิบัติหน้าที่อย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ ตามกฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้า สวมแหล่งกำเนิดสินค้า ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีคู่มือมาตรฐานการปฏิบัติงาน (SOP) ให้ชัดเจน ครอบคลุมทุกขั้นตอน และปรับปรุง แก้ไขให้เป็นปัจจุบัน รวมถึงให้ครอบคลุมมาตรการป้องกันแพร่การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 โดยมุ่งเน้นให้สินค้าเกษตรและอาหารมีความปลอดภัย เสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหารในภูมิภาค ที่จะส่งผลกระทบทางการค้าระหว่างกันให้น้อยที่สุด  

ที่ด่านตรวจพืชหนองคาย ก่อนที่ยังไม่มีการเปิดใช้เส้นทางรถไฟสายไทย-ลาว–จีน จะมีการใช้รถบรรทุกส่งออกไปยังประเทศสปป.ลาว เพียงประเทศเดียว ซึ่งปริมาณการส่งออกของปี 2564 มีปริมาณ 47,644.36 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งปี 664.62 ล้านบาท สินค้าเกษตรที่ส่งออก ได้แก่ กากถั่วเหลือง ปลายข้าว กากปาล์ม และไม้ดอกไม้ประดับ เป็นต้น ต่อมาเมื่อมีการเปิดใช้เส้นทางรถไฟสายไทย-ลาว-จีน อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2565 จนถึงปัจจุบัน พบว่า มีการส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีน โดยผ่านเส้นทางรถไฟดังกล่าว มีปริมาณการส่งออกถึง 2,611.88 ตัน คิดเป็นมูลค่า 424.81 ล้านบาท ได้แก่ ทุเรียน มังคุด และมะพร้าว ตามลำดับ คิดเป็นร้อยละ 63.92 ของการส่งออกของไตรมาสแรกของการส่งออกเมื่อเทียบกับปริมาณการส่งออกทั้งปี 2564  

สำหรับด่านนำเข้า-ส่งออกทางบกของไทย ได้แก่ 1. เชียงของ 2. นครพนม 3. มุกดาหาร 4. บ้านผักกาด 5. บึงกาฬ และ 6. หนองคาย ส่วนด่านนำเข้า-ส่งออกของจีน ได้แก่ 1.โหว่อี้กวน 2. โม่ฮาน 3. ตงชิน 4. ด่านรถไฟผิงเสียง 5. ด่านรถไฟโม่ฮาน 6. เหอโขว่ 7. ด่านรถไฟเหอโขว่ 8. หลงปัง 9.เทียนเป่า และ 10 สุยโขว่


หลังจากนั้นรมช. มนัญญาเดินทางไปยังสำนักงานด่านตรวจพืชหนองคายเพื่อตรวจติดตามโครงสร้างพื้นฐานได้แก่ อาคารกักกันพืช เตาเผาทำลายสินค้าตัวอย่าง เพื่อจัดเตรียมความพร้อมในการตรวจรับรองปริมาณงานในอนาคต ในการให้บริการตรวจปล่อยสินค้าพืช ผลผลิตทางการเกษตร เพื่อการนำเข้า นำผ่าน และส่งออก ตลอดจนตรวจเยี่ยมด่านกักกันสัตว์หนองคาย และศูนย์บริหารจัดการด่านตรวจประมงเขต 2 (หนองคาย) โดยได้เน้นย้ำให้รักษาคุณภาพสินค้าเกษตรก่อนการส่งออก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด

29 ก.ค.- โฆษกทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด ยังนัดหมายพบปะกันไม่ได้ แต่พยายามอยู่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 โดยฝ่ายไทย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และฝ่ายกัมพูชา พล.อ.โปว เฮง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 และ พล.อ.แอก ซอมโอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ทั้ง 2 ฝ่ายยังนัดหมายพบปะไม่ได้ เลื่อนไป ยังไม่มีระบุเวลา (เดิมเวลา 10.00 น.) แต่ยังพยายามอยู่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร​” ไม่แปลกใจ กัมพูชาไม่เป็นสุภาพบุรุษ

ทำเนียบ 29 ก.ค.- “แพทองธาร​” ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษของ “กัมพูชา” หลังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ชี้ต้องฟ้อง ปท. ที่เข้ามาเป็นพยานด้วย บอก​ จะถาม “ภูมิธรรม” ให้ ต้องออกแถลงการณ์โต้หรือไม่​ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม​ กล่าวถึงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลง​หยุดยิง ว่า​ เมื่อสักครู่​ ได้อัปเดตกับทางทีมงาน​ มีการพูดคุยกันว่า​ ถ้าเป็นแบบนี้​ ก็ต้องมีการแจ้งให้ประเทศที่เข้ามาเป็นพยานได้ทราบด้วย​ ว่า​ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น​ แต่ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว​ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะต้องมีการออกแถลงการณ์อีกครั้งหรือไม่​ หลังจากกัมพูชาไม่หยุดยิง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวอันนั้นจะสอบถามนายภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​.-315 -สำนักข่าวไทย

กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล

29 ก.ค.- กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและประชาชน หลังกัมพูชาจงใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทำลายความเชื่อมั่นในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดทางสู่สันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุกองทัพไทย ได้รับการยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หยุดยิงทุกพื้นที่ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ จงใจละเมิดข้อตกลง และบ่อนทำลายความเชื่อมั่น ที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน กองทัพไทย ขอประณามพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา และขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน “เมื่อเราหยุด แต่เขาไม่หยุด…โลกต้องได้รับรู้ว่า กัมพูชาคือผู้ละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพกติกาสากล ไม่ยึดถือข้อตกลงระหว่างประเทศใด ๆ ที่ได้ประกาศไว้ในเวทีระดับโลก และเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก” การยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้ เท่ากับเปิดช่องให้ความอยุติธรรมกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบระหว่างประเทศ […]

ทบ. ประณาม “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

29 ก.ค.- ทบ. ประณาม “กัมพูชา”ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ไทยยึดมั่นพันธกรณีฯ อย่างเคร่งครัด แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเองตอบโต้อย่างเหมาะสม ขยับเวลาถกผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่เป็น 10 โมงเช้า วันที่ 29 กค.68 เวลา 7.30 น. พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาว่าตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งความสงบ ลดความตึงเครียด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น กองทัพบกขอเรียนว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยได้ทำการหยุดยิง บริเวณพื้นที่แนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา ด้วยความตั้งใจจริง และยึดมั่นต่อพันธกรณีที่ได้ตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อถึง กำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังคงตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอยู่หลายจุด ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน กองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว ฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องใช้มาตราการโต้กลับอย่างเหมาะสม ภายใต้สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ยืนยันฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังทหารเพื่อรุกราน แต่เพื่อป้องกันการรุกล้ำและรักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้กฎกติกาสากล พลตรีวินธัย ยังระบุว่า เบื้องต้น การพบปะผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่ มีการขยับเวลา […]