คลังเผย 3 โครงการรัฐ ยอดใช้จ่ายรวมกว่า 7 หมื่นล้านบาท

กรุงเทพฯ 1 พ.ค. – สิ้นสุดโครงการ “คนละครึ่ง เฟส 4” และมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ประชาชนร่วมฟื้นเศรษฐกิจ ผ่าน 3 โครงการ 40.95 ล้านราย สร้างยอดใช้จ่าย 70,458 ล้านบาท


นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ปี 2565 สิ้นสุดทั้ง 3 โครงการ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2565 มีผู้ใช้สิทธิสะสมทั้ง 3 โครงการ รวม 40.95 ล้านราย ยอดใช้จ่ายทั้งหมด 70,458 ล้านบาท 1.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการฯ เฟส 4 มีผู้ใช้สิทธิ 13.37 ล้านราย ยอดใช้จ่ายรวม 7,918.8 ล้านบาท 2.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 มีผู้ใช้สิทธิ 1.31 ล้านราย ยอดการใช้จ่ายรวม 704.9 ล้านบาท

โครงการคนละครึ่ง เฟส 4 มีผู้ใช้สิทธิทั้งหมด 26.27 ล้านราย ยอดใช้จ่ายรวม 61,835 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 31,490.5 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่าย 30,344.6 ล้านบาท และมียอดใช้จ่ายสะสมแบ่งตามประเภทตามร้านค้า ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 25,747 ล้านบาท ร้านธงฟ้า 10,742 ล้านบาท ร้าน OTOP 2,837 ล้านบาท ร้านค้าทั่วไป 21,282 ล้านบาท ร้านบริการ 1,107.6 ล้านบาท และกิจการขนส่งสาธารณะ 117.4 ล้านบาท


สำหรับประชาชนที่ได้รับสิทธิทั้งหมด 26.38 ล้านราย เป็นประชาชนกลุ่มเดิมฯ ที่กดยืนยันสิทธิและมีการใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 แล้ว จำนวน 25.46 ล้านราย จากจำนวนผู้ใช้จ่ายโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 จำนวน 26.35 ล้านราย และในส่วนของผู้ประกอบการ มีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 แล้ว จำนวน 1.36 ล้านราย โดยเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ 2.98 หมื่นราย

สำหรับข้อมูลการใช้จ่ายสะสมผ่านฟู้ดเดลิเวอรีแพลตฟอร์ม โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 มีการใช้จ่ายสะสม 1,836.9 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 957.5 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่าย 879.4 ล้านบาท และในส่วนของผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ที่ขายอาหารและเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรีแพลตฟอร์ม มีจำนวน 9.49 หมื่นราย

โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ปี 2565 นับว่าประชาชนและผู้ประกอบการมีส่วนช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ในไตรมาสที่ 1 และ 2 รวมทั้งจะเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง