บอร์ดตลาดทุน เห็นชอบร่างแผนพัฒนาฯ ปี 65-70

กรุงเทพฯ 26 เม.ย.-บอร์ดตลาดทุน เห็นชอบร่างแผนพัฒนาฯ ปี 65-70 เดินหน้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล รองรับ Mega Trends และนโยบาย “พลิกฟื้นประเทศไทย” ของภาครัฐ


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทย ครั้งที่ 1/2565 วานนิ้ ( 25 เม.ย.) ที่ประชุมเห็นชอบทิศทางของร่างแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 4 (ปี 2565 – 2570) ภายใต้วิสัยทัศน์ “ตลาดทุน (กำลัง 4) เพื่อการพลิกฟื้นทางเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างแข็งแรง”

โดยวิสัยทัศน์ทั้ง 4 ด้าน ประกอบด้วย (1) สานต่อตลาดทุนให้เป็นผู้นำระดับภูมิภาค (2) ส่งเสริมทุกภาคส่วนให้เติบโตอย่างยั่งยืน (3) สนับสนุนทุกภาคส่วนให้ปรับสู่เศรษฐกิจดิจิทัล และ (4) สร้างผลลัพธ์ทางการเงินที่ดี (Financial well-being)


ทั้งนี้ ร่างแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 4 มีพันธกิจครอบคลุม 5 ด้าน ได้แก่ (1) ตลาดทุนเพื่อการแข่งขันได้ (2) ตลาดทุนเพื่อความยั่งยืน (3) ตลาดทุนดิจิทัล (4) ตลาดทุนเพื่อความมั่นคงทางการเงิน และ (5) ตลาดทุนที่ทุกฝ่ายได้ใช้ประโยชน์/เข้าถึงได้

สำหรับยุทธศาสตร์ที่มีความครอบคลุมแนวโน้มและทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจโลก (Mega Trends) ที่จะส่งผลกระทบต่อระบบการกำกับดูแลและพัฒนาภาคตลาดทุนของประเทศในอนาคต นำไปสู่การมีแผนพัฒนาตลาดทุนในระยะต่อไป ที่จะเข้ามามีบทบาทพัฒนาตลาดทุนไทยในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพใน 5 ด้าน ได้แก่

  • ยุทธศาสตร์ที่ 1 การเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของทุกภาคส่วนในตลาดทุนไทยและระบบเศรษฐกิจ (Competitiveness)
  • ยุทธศาสตร์ที่ 2 ตลาดทุนที่เอื้อให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ได้ (Accessibility)
  • ยุทธศาสตร์ที่ 3 การส่งเสริม ประยุกต์ และใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลในตลาดทุน (Digitalization)
  • ยุทธศาสตร์ที่ 4 ตลาดทุนไทยส่งเสริมความยั่งยืนของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและระบบเศรษฐกิจในระยะยาว (Sustainable Capital Market)
  • ยุทธศาสตร์ที่ 5 การสร้างผลลัพธ์ทางการเงินที่ดี รวมถึงการสร้างโอกาสในการลงทุนใหม่ โดยมีความเสี่ยงอย่างเหมาะสม (Financial well-being) ทั้งนี้ ได้มีการตอบ 9 คำถามต่อการก้าวขึ้นสู่แผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 4

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างรายงานสรุปผลการดำเนินการตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 (ปี 60 – 64) ในระยะสิ้นแผน เพื่อกระทรวงการคลังจะได้นำเสนอรายงานดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป โดยการดำเนินงานแบ่งเป็น 17 มาตรการย่อย และแผนงานสนับสนุน 64 แผนงาน โดยมีแผนงานที่ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 45 แผนงาน (70% ของทั้งหมด) แผนงานที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ 19 แผนงาน โดยสรุปการดำเนินการตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทยเป็นตามเป้าหมายส่วนใหญ่ ส่วนที่ต่ำกว่าเป้าหมายบางส่วนก็เป็นผลจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19


ในส่วนการแก้ไขอุปสรรคและข้อติดขัดด้านกฎหมาย โดยในระยะเวลา 5 ปี ภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการเสนอการปรับปรุงกฎหมายเข้าสู่กระบวนการพิจารณาหลายฉบับ แม้ว่ากฎหมายบางฉบับจะยังไม่มีผลบังคับใช้ได้ทันในช่วงเวลาของแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 แต่ก็มีความคืบหน้าตามกระบวนการนิติบัญญัติอย่างต่อเนื่อง โดยกฎหมายที่มีผลบังคับใช้แล้ว ได้แก่ การแก้ไขพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ส่วนกฎหมายที่อยู่ระหว่างพิจารณา เช่น การแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การแก้ไขพ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด และการแก้ไขพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต

ที่ประชุมยังได้มีการสรุปมาตรการทางการเงินและตลาดทุนที่มีส่วนในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และมาตรการที่จะดำเนินการในระยะต่อไป

ในส่วนมาตรการฯ ซึ่งเป็นการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐ องค์กร และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับภาคการเงินและตลาดทุน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งทางตรงและทางอ้อมในภาคบริการ ภาคอุตสาหกรรม การค้าระหว่างประเทศ ตลอดจนผู้ประกอบการและประชาชน รวมถึงความผันผวนทางการเงินและตลาดทุน และการดำเนินมาตรการเพื่อรองรับนโยบายของภาครัฐในระยะต่อไป ภายใต้หลักการ “พลิกฟื้นประเทศไทย”

ทั้งนี้ มาตรการฯ จะรวมเป็นส่วนหนึ่งของรายงานสรุปผลของแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 โดยการรายงานสรุปมาตรการฯ แบ่งออกเป็นมาตรการที่ดำเนินการแล้วในปี 63 – 64 และมาตรการที่จะดำเนินการในปี 65 และในระยะต่อไป สรุปได้ ดังนี้

มาตรการที่ดำเนินการแล้วในปี 63 – 64 ประกอบด้วย

          (1) มาตรการทางภาษี อาทิ มาตรการสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ มาตรการลดภาระดอกเบี้ยจ่ายของผู้ประกอบการ SMEs เป็นต้น

          (2) มาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพตลาดทุนตลาดเงิน อาทิ มาตรการกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ (BSF) มาตรการสนับสนุนสภาพคล่องให้กับสถาบันที่ให้ความช่วยเหลือแก่กองทุนรวมตราสารหนี้ (MFLF) ที่ประสบปัญหาจากการเร่งไถ่ถอนของนักลงทุน มาตรการ Circuit Breaker Ceiling & Floor และ Short Selling เป็นต้น

          (3) มาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและผู้ประกอบอาชีพอิสระ อาทิ มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ โครงการจับคู่กู้เงิน เป็นต้น

          (4) มาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อผู้ร่วมตลาด อาทิ กองทุนรวมที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ ที่มีความเสี่ยงสูง (high yield bond fund) เพื่อช่วยเหลือผู้ออกตราสารหนี้ที่ประสบปัญหาสภาพคล่อง Private REITs เพื่อช่วยผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ให้สามารถขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อระดมทุนได้เร็วขึ้น ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีข้อกำหนดขายคืน (REITs with Buy Back Condition) เพื่อช่วยผู้ประกอบการหรือเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโรคโควิด-19 เป็นต้น

          (5) มาตรการด้านการประกันภัย ประกอบด้วยมาตรการบรรเทาผลกระทบสำหรับประชาชนและผู้ประกอบการ และมาตรการบรรเทาผลกระทบสำหรับบริษัทประกันภัยและคนกลางประกันภัย

สำหรับมาตรการที่จะดำเนินการในปี 65 และในระยะต่อไป ภาครัฐและหน่วยงานภาคีเครือข่ายมีแผนการที่จะดำเนินมาตรการใน 5 ด้านข้างต้นในปี 65 และในระยะต่อไป เพื่อรองรับนโยบาย “พลิกฟื้นประเทศไทย” ของภาครัฐ โดยเป็นการสานต่อมาตรการที่ดำเนินการอยู่แล้วเดิมเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งการออกมาตรการใหม่ ๆ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของภาคการเงิน ตลาดทุน และระบบเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน อาทิ การขยายระยะเวลามาตรการสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการให้ REIT Buy-backมาตรการ BSF มาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและผู้ประกอบอาชีพอิสระ มาตรการช่วยเหลือลูกจ้างนายจ้างที่ประสบภาวะวิกฤตด้วยการขยายเวลาการนำส่งเงินเข้ากองทุนเลี้ยงชีพ ตลอดจนการติดตามและเฝ้าระวังความเสี่ยงเชิงระบบอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู”

สภาหอการค้าฯ 18 ก.ย.-นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู” ต้องผลักดันเต็มที่ พร้อมแก้ไขปัญหาภาคเอกชนสู่นโยบายรัฐบาล ยันทำทุกทางให้ไทยเป็นคู่ค้าที่ได้เปรียบ ไม่ปิดกั้นนโยบายคนอื่น ขอให้วินวินทุกฝ่าย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือกับสภาหอการค้าไทยว่า ตนและทีมงานได้มาพบกับทางคณะกรรมการสภาหอการค้าไทย เหมือนกับวันที่เราไปเยี่ยมที่สภาอุตสาหกรรม เราพยายามที่จะไปพบกับภาคเอกชนก่อนที่จะเข้าไปบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อที่จะได้รับฟังข้อเสนอแนะและปัญหาที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลได้สนับสนุนหรือแก้ไข จะรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อเวลาเข้าไปทำงานจะได้ดำเนินการให้ทุกอย่าง ขับเคลื่อนไปด้วยความรวดเร็ว มาพบกับคณะผู้บริหารสภาหอการค้าไทย ถือว่าเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการ เรารับฟังข้อเสนอแนะข้อกังวล สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลได้ดำเนินการ เพื่อทำให้เกิดความคล่องตัว ทั้งด้านการเงิน ภาระหนี้สิน ดอกเบี้ย พลังงาน การส่งออก แรงงาน และโอกาสต่างๆ สำหรับประเทศไทยในอนาคต ได้มีการหารือลงในรายละเอียดมากพอสมควร และจะต้องมีการพบกันเป็นประเด็นไปหากมีความจำเป็น แต่ในภาพรวมจะหาโอกาสมาหารือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อถามว่า หารือแล้วได้จัดเตรียมมาตรการความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง นายอนุทิน เผยว่า รับฟังปัญหาต่างๆ เรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการ แรงงาน ภาษี ขนส่งต่างๆ เราพยายามที่จะทะลายข้อจำกัดที่มีอยู่ ไม่จำเป็นไม่ปิดกั้นโอกาส ส่วนรายละเอียด ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะนำสิ่งเหล่านี้ไปหาทางทำให้คล่องตัวขึ้น […]

ตำรวจเสริมกำลังบ้านหนองหญ้าแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – ตำรวจเสริมกำลังที่บ้านหนองหญ้าแก้ว หลังวานนี้ชาวกัมพูชาพยายามเข้ามาทำลายทรัพย์สิน รื้อลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยไทย จนเจ้าหน้าที่ต้องผลักดันออกไป ที่วัดหนองหญ้าแก้ว ยังเป็นจุดพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชาวกัมพูชาพยามเข้ามารื้อลวดหนาม ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินราชการในพื้นที่บริเวณอธิปไตยของไทยอีกหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องบังคับใช้กฎหมายมีการดำเนินการอย่างที่ปฏิบัติมาเมื่อวานนี้ตามหลักสากล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะจากข้อมูลตามเพจ พบชาวกัมพูชาระดมมวลชนเพิ่ม ดังนั้น วันนี้นอกจากตำรวจในจังหวัดสระแก้วแล้ว ยังมีการเสริมกำลังตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาอีก 2 กองร้อย 340 คน ได้แก่ ตำรวจจากปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุเมื่อวานนี้ ทางกองทัพบกย้ำว่าจุดปะทะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย การที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาทำลายสิ่งของทางราชการ และก่อการจลาจลบนแผ่นดินไทย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการ และยืนยันการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา แจ้งเตือน และควบคุมการจลาจลตามหลักสากล โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ที่สำคัญพบว่าทหารของกัมพูชาที่ร่วมในเหตุการณ์กลับไม่ห้ามปราม และมีท่าทีสนับสนุนการจลาจล ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชายังออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาในการใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำดินแดนไทยและความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงหยุดยิงย้อนแย้งกับภาพลักษณ์ที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามสร้างต่อสังคมโลกว่าเป็นผู้แสวงหาสันติภาพ. -สำนักข่าวไทย

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย

สภาหอการค้าไทย 18 ก.ย.-นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย ย้ำนำชื่อ ครม. ทูลเกล้าฯ แล้ว ลั่นลุยงานทันที หลังโปรดเกล้าฯ เผย “เอกนิติ” คัด รมช.คลัง มาเองกับมือ โวเร่งเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ระหว่างคณะรัฐบาล และคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยนายอนุทินกล่าวว่า มาวันนี้เพื่อพบกับทุกคน และมีว่าที่รัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับตน เจอกันมานาน มีความสนิทสนมคุ้นเคย เคารพนับถือกันเป็นอย่างดี นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่มาวันนี้ เพื่อมาพบทุกท่านและนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจมาแนะนำให้รู้จัก เชื่อว่าหลายคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้ตั้งใจมารับฟังรายละเอียด และรับฟังข้อเสนอแนะจากสภาหอการค้าไทย รัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นรัฐบาลที่จะเน้นในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความกระชับและเข้มแข็งขึ้นเร็วที่สุด ภายใต้ระยะเวลาที่มีอยู่ นายอนุทินยังแนะนำผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของตนซึ่งได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อไปแล้ว เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ก็จะเร่งแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา และสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ผู้ร่วมประชุมได้รู้จัก โดยในขณะที่แนะนำว่าที่รัฐมนตรี นายอนุทิน ได้กล่าวถึงนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่า เป็นคนฝีมือดี ซึ่งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส […]

พายุในทะเลจีนใต้ ส่อแรงขึ้นเป็นโซนร้อน ทำฝนเพิ่มระยะนี้

กรุงเทพฯ 18 ก.ย.-กรมอุตุฯ เตือนพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน แม้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ส่งผลให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านตอนกลางประเทศ ทำให้ไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และบางพื้นที่อาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ย้ำจะมีฝนตกต่อเนื่องถึงต้นเดือนตุลาคม นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศเปิดเผยว่า พายุลูกดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 120.0 องศาตะวันออก บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ เคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้วในช่วงเช้าวันนี้ (18 ก.ย.) โดยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือค่อนตะวันตกเล็กน้อย ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 19–20 กันยายน 2568 ทั้งนี้แม้พายุไม่ได้เข้าไทยโดยตรง แต่จากอิทธิพลทางอ้อมของพายุ จะดันให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมากในช่วงวันที่ 18–25 กันยายนนี้ พื้นที่ที่มีแนวโน้มฝนตกสะสมในระดับเสี่ยง ได้แก่ จังหวัดอำนาจเจริญ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน […]