ประกาศวิสัยทัศน์ 5 ปีเป็นองค์กรด้านการค้าติด 1 ใน 5 ของเอเชีย

นนทบุรี 11 มี.ค.-กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ฉลองการสถาปนาครบรอบ 70 ปี เปิดวิสัยทัศน์การทำงานในช่วง 5 ปีข้างหน้า ชูเป็นองค์กรมีความสามารถในการแข่งขันด้านการค้าระหว่างประเทศของไทยเป็น 1 ใน 5 ของเอเชียภายในปี 2570 ภายใต้การดำเนินการ 4 ยุทธศาสตร์หลัก ดันผู้ประกอบการเข้าถึงเทคโนโลยี เร่งรัดขยายตลาดส่งออกเชิงรุก สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้า บริการด้วยนวัตกรรม สร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศและสินค้าไทย


นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยถึงวิสัยทัศน์ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ 5 ปี เนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปี การสถาปนากรม ว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กรมฯ ได้เผชิญกับความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงองค์กรครั้งใหญ่และอย่างรวดเร็ว เพื่อให้สามารถเดินหน้าภารกิจของกรมฯ ต่อไปได้ ท่ามกลางอุปสรรคที่เกิดจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดทั้งภายในและระหว่างประเทศ โดยได้ใช้แนวคิดเชิงกลยุทธ์ “ตั้งรับ ปรับตัว หาโอกาส” ในการบริหารการเปลี่ยนแปลง ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกษ์ใช้งานกับภารกิจของกรมฯ ในทุก ๆ ด้าน ทำให้สามารถนำพาองค์กรและผู้ประกอบการปรับตัวฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปได้ และช่วยสนับสนุนภาคการส่งออกให้เติบโตและเป็นเครื่องยนต์หลักค้ำจุนเศรษฐกิจไทย

สำหรับแผนการขับเคลื่อนกรมฯ ในอีก 5 ปีข้างหน้า ได้ตั้งวิสัยทัศน์ “ความสามารถในการแข่งขันด้านการค้าระหว่างประเทศของไทยเป็น 1 ใน 5 ของเอเชียภายในปี 2570” ซึ่งเป็นการตั้งเป้าหมายที่จะสื่อสารให้เกิดการรับรู้อย่างกว้างขวางถึงการเป็นองค์กรหลักในการขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายหลัก คือ การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศภายใน 5 ปี ให้อยู่ใน 5 อันดับแรก เปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งในเอเชีย ซึ่งถือเป็นวิสัยทัศน์ที่ท้าทายความสามารถขององค์กรเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัจจัยที่จะมีผลต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ มีปัจจัยภายนอกที่อยู่นอกการควบคุมจำนวนมาก


ทั้งนี้ กรมฯ เชื่อมั่นว่าการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจะสร้างภูมิต้านทานต่อความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ได้ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะพัฒนาองค์กรให้ก้าวไปสู่การเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรม ที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง โดยความหมายของนวัตกรรม คือ การคิดค้นวิธีการทำงาน เครื่องมือใหม่ เพื่อแก้ปัญหาเดิม หรือปัญหาใหม่ที่จะเกิดขึ้น โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในองค์กรอย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง รองรับยุค Digital Transformation ที่เทคโนโลยีนำการค้า ซึ่งจะมีผลต่อศักยภาพการแข่งขันของไทยในตลาดโลก

นอกจากนี้ เพื่อเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานภายใน และการให้บริการภายใต้ภารกิจของกรมฯ ทั้งการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ การพัฒนาสินค้า/บริการ และการพัฒนาช่องทางการตลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรในการเสริมและเกื้อหนุนให้ภาคธุรกิจได้พัฒนาไปอย่างก้าวไกล ด้วยหลัก “รัฐหนุน เอกชนนำ”

อย่างไรก็ตาม ได้กำหนดแนวทางยุทธศาสตร์ 4 ข้อหลัก ในการเตรียมความพร้อมภารกิจของกรมฯ สำหรับอนาคต ได้แก่


ยุทธศาสตร์ที่ 1 การเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการ ให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคในต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ โดยจะมุ่งพัฒนาผู้ประกอบให้สามารถใช้เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ อาทิ การสื่อสารแบบ 5G , เทคโนโลยี Cloud , Big Data , Robotics , Machine Learning , Artificial Intelligence มาช่วยในการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ ผ่านการพัฒนาหลักสูตรอบรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับทักษะเดิม และสร้างทักษะใหม่ในการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล การเสริมสร้างองค์ความรู้ การปรับเปลี่ยนความคิดและความเชื่อ (mindset) เพื่อการปรับตัวสู่การเป็นผู้ประกอบการที่ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรม (Innovation Driven Enterprises) และด้วยแนวคิด “รักษ์โลก” ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio Circular and Green) รวมถึงการสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ผ่านการพัฒนาหลักสูตรอบรมต่างๆ ทั้งออฟไลน์และหลักสูตรการเรียนการสอนผ่านระบบ E-learning เพื่อให้ผู้ประกอบการ เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และนักศึกษา ในทุกภูมิภาคของประเทศ สามารถเข้าถึงโอกาสในการพัฒนาศักยภาพได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน

ยุทธศาสตร์ที่ 2 การเดินหน้าเร่งรัดขยายตลาดส่งออกเชิงรุก มุ่งเน้นการเชื่อมโยงกับตลาดต่างประเทศผ่านช่องทางออนไลน์ เนื่องจากการค้าระหว่างประเทศในยุคดิจิทัล เปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างมาก โดยรูปแบบการทำธุรกิจระหว่างประเทศเปลี่ยนจาก B2B เป็น B2C มากขึ้น โดยช่องทางการซื้อ-ขายสินค้าผ่านตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Marketplace) ทำให้ผู้ซื้อ-ผู้ขายสามารถตกลงธุรกิจกันได้โดยตรง อีกทั้งยังขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆได้ง่ายขึ้น กรมจึงจะมุ่งเน้นส่งเสริมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนเพื่อขยายโอกาสให้ SMEs ไทยเข้าถึงผู้ซื้อ/ผู้บริโภคในต่างประเทศ การพัฒนากิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจทางออนไลน์ (OBM) ระหว่างผู้ส่งออกกับผู้นำเข้าในต่างประเทศ ให้เป็น Smart OBM โดยการนำเทคโนโลยี AI มาเพิ่มประสิทธิภาพในการจับคู่เจรจาธุรกิจให้มีความแม่นยำเพื่อสนับสนุนให้เกิดมูลค่าการซื้อขายมากยิ่งขึ้น และการนำนวัตกรรมการตลาดใหม่ๆมาปรับรูปแบบกิจกรรมของกรมให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของบริบทการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงพัฒนาต่อยอดรูปแบบกิจกรรมที่กรมได้ปรับเปลี่ยนในช่วงการระบาดของโควิด-19 อาทิ งานแสดงสินค้าออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ รวมทั้ง Virtual Trade Show

ยุทธศาสตร์ที่ 3 การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการด้วยนวัตกรรม การสร้างแบรนด์ การออกแบบ และความคิดสร้างสรรค์ โดยกรมจะเดินหน้าบูรณาการการทำงานกับกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในการต่อยอดสินค้านวัตกรรมที่เกิดจากงานวิจัยเพื่อการค้าสู่ตลาดโลก เน้นการบ่มเพาะแบรนด์ ผู้ประกอบการ BCG เพื่อสร้าง BCG Heroes ในกลุ่มสินค้าที่ไทยมีศักยภาพสูง อาทิ อาหารแห่งอนาคต อาหารสัตว์เลี้ยง บรรจุภัณฑ์ ไลฟ์สไตล์ และเครื่องสำอาง/ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย นอกจากนี้ จะมุ่งเน้นการใช้ soft power เป็นเครื่องมือในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของประเทศไทย โดยการใช้ความเข้มแข็งของประเทศไทยด้านวัฒนธรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ และเอกลักษณ์ความเป็นไทย (Thainess) มาสร้างความโดดเด่นให้กับสินค้าและบริการของไทย มุ่งเน้นส่งเสริมการส่งออกอาหารไทย มวยไทย ดิจิทัลคอนเทนต์ (ละคร/ภาพยนตร์ไทย เกมส์ แอนิเมชั่นที่สอดแทรกความเป็นไทย) สปาไทยและผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย รวมถึงร้านอาหารไทย โดยเฉพาะร้านอาหาร Thai Select ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว

ยุทธศาสตร์ที่ 4 การส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยและสินค้าไทย (Country Image และ Product Image) โดยเดินหน้าโครงการสำคัญต่างๆ อาทิ Thailand Trust Mark ซึ่งเป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพสินค้าและบริการชั้นนำของไทย/ D Mark / PM Award และการส่งเสริมแบรนด์ประเทศไทยด้านการค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้แคมเปญ BCG # Be the Change รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยสินค้าอาหารของไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์การเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก

“การขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศของไทยในอนาคต ต้องอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม และความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน แนวยุทธศาสตร์ 4 ข้อที่ผมกล่าวถึงข้างต้น เป็นแนวทางที่สอดคล้องกับวาระแห่งชาติในการยกระดับการพัฒนาประเทศด้วย 2 โมเดลหลัก คือ โมเดล Thailand 4.0 ซึ่งเป็นการพัฒนาคลัสเตอร์เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน”นายภูสิตกล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

จับตาเวทีหารือปราบสแกมเมอร์

15 ก.ย. – พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต้องเกาะติดการประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา วางแนวทางปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ ที่ จ.สระแก้ว ต่อยอดการประชุม GBC ที่เกาะกง เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี

เชียงใหม่ 15 ก.ย. – แม่ทัพภาค 2 บรรยายพิเศษที่เชียงใหม่ ปลุกพลังรักชาติของคนไทย ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี พร้อมให้ข้อมูลแนวหน้าและคำแนะนำกับรัฐบาล ช่วงบ่ายวันนี้ (15 ก.ย.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อม พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ร่วมบรรยายพิเศษ บอกเล่า “เรื่องจริงจากชายแดน” ที่หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มีนักเรียน นักศึกษา ประชาชนชาวเชียงใหม่ และนักศึกษาวิชาทหาร กว่า 2,000 คน รอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ได้พูดคุยกับคุณยายที่มารอต้อนรับ พร้อมสวมกอดคุณยายอย่างเป็นกันเอง และยังมอบลายเซ็นลงบนรูปถ่ายของตนที่คุณยายเตรียมมาด้วย พล.ท.บุญสิน ได้กล่าวสดุดีเหล่าทหารกล้าที่เสียสละเพื่อแผ่นดินไทย แสดงความเสียใจต่อประชาชนผู้สูญเสีย พร้อมประณามการกระทำของทหารกัมพูชาที่โจมตีเข้ามาด้วยอาวุธหนักโดยไม่เลือกเป้าหมาย พร้อมเน้นย้ำกับน้องๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มาร่วมฟังบรรยายในวันนี้ว่าขอให้ยึดมั่นใน 3 สถาบันหลักของชาติ มีความรักชาติหวงแหนในผืนแผนดินไทย จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และช่วยกันทำนุบำรุงศาสนา ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันเป็นพลังให้ประเทศไทยก้าวผ่านหลากหลายความท้าทายในสถานการณ์ปัจจุบันไปให้ได้ ส่วนการเปิดด่านชายแดน […]

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้

สภาอุตสาหกรรมฯ 15 ก.ย.-“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ ปัดตอบใครขาดคุณสมบัติบ้าง แต่ยืนยันนิ่งและครบแล้ว เผยหลังถวายสัตย์ฯ พร้อมแถลงนโยบายต่อสภาทันที เพื่อเดินหน้าทำงานโดยเร็ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จำเป็นจะต้องเชิญพรรคร่วมรัฐบาลหารือด้วยหรือไม่ ว่า ตอนนี้ได้มีการยกร่างคำแถลงขึ้นมาแล้ว และได้ส่งเนื้อหาในส่วนของกระทรวงที่แต่ละคนรับผิดชอบ ให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติม หรือตัดอะไรที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงนั้นๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับเขามากที่สุด จะได้เข้ามาทำงานได้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สไตล์คนละพรรคแต่พวกเดียวกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติของคณะรัฐมนตรี ขณะนี้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รายงานกลับมาแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใกล้แล้ว เรียกได้ว่ารายชื่อ 100% แล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบประวัติ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติก่อนนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยยืนยันว่าจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในสัปดาห์นี้ ส่วนขั้นตอนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วก็สุดแล้วแต่ท่าน แต่ทันทีที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมาก็จะต้องรอการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จากนั้นก็จะเร่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ถึงจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมร่างแถลงนโยบายต่อสภาไว้แล้ว ทันทีเมื่อพร้อมก็สามารถให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดหมายวันประชุมได้ทันที ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังยืนยันด้วยว่า ขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีครบและนิ่งแล้ว ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า […]